15 เทคนิคขับรถ ป้องกันอุบัติเหตุหน้าหนาว


1,322 ผู้ชม

เพิ่มความระมัดระวังยังไม่พอ ต่อไปนี้คือเทคนิคการขับรถในหน้าหนาว ใครที่กำลังจะขึ้นอีสานขึ้นเหนือ หรือขึ้นไปดูหมอกสวยๆ บนดอย อ่านไว้ไม่เสียหลาย...


15 เทคนิคขับรถ ป้องกันอุบัติเหตุหน้าหนาว

เพิ่มความระมัดระวังยังไม่พอ ต่อไปนี้คือเทคนิคการขับรถในหน้าหนาว ใครที่กำลังจะขึ้นอีสานขึ้นเหนือ หรือขึ้นไปดูหมอกสวยๆ บนดอย อ่านไว้ไม่เสียหลาย

1.เตรียมสภาพรถให้พร้อมเดินทางในช่วงหมอกปกคลุมเส้นทาง โดยอุปกรณ์ทำความสะอาดกระจกต้องอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน สัญญาณไฟส่องสว่างทุกดวง

2.การขับรถให้เปิดสัญญาณไฟและไฟตัดหมอก ซึ่งต้องเปิดทั้งไฟหน้าและไฟหลัง เพื่อให้คนอื่นเห็นเราระยะไกลขึ้นกว่าธรรมดา

3.กรณีละอองฝ้าเกาะกระจก ให้ปรับอุณหภูมิในห้องโดยสารให้ต่ำกว่าภายนอก ใช้อุปกรณ์ปัดน้ำฝนและเปิดปุ่มไล่ฝ้า ควรลดระดับกระจกหน้าต่างลง พร้อมเปิดที่ปัดน้ำฝน เพื่อไล่ไอน้ำที่เกาะกระจกหน้ารถออก หรือใช้ผ้าแห้งเช็ดกระจกที่เป็นละอองฝ้า สำหรับกระจกหลังให้เปิดปุ่มไล่ฝ้าจะช่วยไล่ละอองน้ำ ทำให้มองเห็นเส้นทางชัดเจนขึ้น

หลักการง่ายๆ คือ ทำให้อุณหภูมิภายใน-นอกรถใกล้เคียงกัน ถ้าภายในรถเย็นกว่า จะเกิดฝ้าด้านนอก ถ้าภายนอกรถเย็นกว่า จะเกิดฝ้าด้านใน ง่ายที่สุดให้เปิดกระจกสักพักเพื่อไล่ฝ้า เพราะปกติแล้วเวลาถึงหน้าหนาว ความชื้นในอากาศจะต่ำอยู่แล้ว อากาศค่อนข้างแห้ง การแง้มกระจกให้อากาศแห้งภายนอกเข้ามา จึงสามารถไล่อากาศที่มีความชื้นสูงภายในรถออกไป

4.กรณีหมอกลงจัดจนมองไม่เห็นเส้นทาง ให้จอดรถในบริเวณที่ปลอดภัย รอจนทัศนวิสัยดีขึ้นค่อยขับรถไปต่อ ตรวจสอบสภาพรถโดยเฉพาะระบบไฟให้พร้อมก่อนออกเดินทาง หมั่นทำความสะอาดกระจกโคมไฟตลอดการเดินทางเป็นระยะ

5.เปิดไฟใหญ่ต่ำ ไม่ใช้ไฟหรี่ เพื่อให้คนอื่นมองเห็นเรา และห้ามใช้ไฟสูง เพราะแสงไฟจะสะท้อน ทำให้ผู้ขับขี่รายอื่นสายตาพร่ามัว

6.ไม่ขับรถด้วยความเร็วสูง เว้นระยะห่างจากรถอื่นให้มากกว่าปกติ โดยเว้นระยะที่เหมาะสม ได้แก่ ระยะที่มองเห็นท้ายรถคันหน้า หากเกิดกรณีฉุกเฉินจะได้มีเวลาเพียงพอในการตัดสินใจ ไม่เปลี่ยนช่องทางกะทันหัน หรือแซงรถในระยะกระชั้นชิด

7.การเลี้ยวรถในขณะขับรถฝ่าหมอก ให้สัญญาณล่วงหน้าอย่างชัดเจนและเหมาะสม ควรเปิดหน้าต่างรถด้วยเพื่อให้หูช่วยฟังเสียง เปิดไฟแวบหน้า หรือบีบแตรให้มากกว่าปกติ เพื่อให้รถที่อยู่ข้างหน้าหรือสวนทางมาเห็นรถของเรา

8.การหยุดรถกลางหมอก ต้องจอดให้พ้นทางเดินรถให้มากที่สุด หากจำเป็นและเลี่ยงไม่ได้ ให้สร้างเครื่องกีดขวางหรือสัญญาณเตือนผู้ใช้ถนนอื่นๆ ให้รู้ตัวล่วงหน้าในระยะห่างที่ปลอดภัย ถ้ามีสัญญาณไฟเตือนฉุกเฉินให้เปิดตลอดเวลา

9.ช่วงฤดูหนาวมักมีหมอกลงจัดบดบังทัศนวิสัยในการมองเห็นเส้นทาง รวมถึงมีไอน้ำจับตัวเป็นฝ้าเกาะกระจกรถยนต์ ประกอบกับเป็นช่วงที่เกษตรกรนิยมเผาตอซังข้าว ส่งผลให้เกิดควันไฟปกคลุม
เส้นทาง ทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนนมากกว่าปกติ เพื่อความปลอดภัย เตรียมพร้อมสภาพรถ ตรวจสอบอุปกรณ์ทำความสะอาดกระจกให้พร้อมใช้งาน ทั้งอุปกรณ์ที่ปัดน้ำฝน ใบปัดน้ำฝน อุปกรณ์ไล่ฝ้า พร้อมเติมน้ำในกระปุกฉีดน้ำ สำหรับเช็ดทำความสะอาดกระจก จัดเตรียมผ้าแห้งไว้เช็ดกระจกที่ละอองฝ้าเกาะ พร้อมหมั่นตรวจสอบสัญญาณไฟให้ส่องสว่างได้ทุกดวง โดยเฉพาะไฟตัดหมอกที่ต้องเปิดใช้ในช่วงหมอกลงจัด

10.การขับรถ ควรเปิดใช้สัญญาณไฟหน้ารถและไฟตัดหมอกเมื่อหมอกลงจัดปกคลุมเส้นทางและควรปิดไฟเมื่อมองเห็นเส้นทางชัดเจนแล้ว ไม่ควรเปิดไฟสูง เพราะจะทำให้ผู้ขับรถคันอื่นสายตาพร่ามัว ก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ รวมถึงไม่เปิดใช้ไฟฉุกเฉิน เพราะจะสร้างความเข้าใจผิดให้กับผู้ร่วมใช้เส้นทาง

11.สภาพถนนที่มีหมอกปกคลุม นอกจากจะมองเห็นเส้นทางไม่ชัดเจนแล้ว ผิวถนนยังลื่นกว่าปกติ จึงต้องใช้ระยะทางในการเบรกมากขึ้น ไม่ขับรถชิดท้ายรถคันหน้ามากเกินไป เว้นระยะห่างจากรถคันหน้าให้มากกว่าปกติ เพื่อเพิ่มระยะทางให้สามารถหยุดรถได้อย่างปลอดภัย

12.กรณีเกิดเหตุฉุกเฉินบนเส้นทาง ไม่เปลี่ยนช่องทางกะทันหันหรือแซงรถคันอื่นในระยะกระชั้นชิด ไม่ขับคร่อม ช่องทางจราจร ไม่ขับชิดขอบถนนหรือทับเส้นกลางถนน หากขับรถผ่านทางแยกควรเปิดกระจกหน้าต่างรถจะช่วยให้มองเห็นเส้นทาง และได้ยินเสียงจากภายนอกรถได้ชัดเจน กรณีหยุดรถเพื่อรอเลี้ยวหรือขับรถผ่านทางแยก ควรเหยียบแป้นเบรกค้างไว้ เพื่อให้ไฟเบรกเป็นสัญญาณเตือนให้ผู้ที่ขับรถตามหลังมาทราบ จะได้เพิ่มความระมัดระวัง

13.ที่สำคัญไม่ควรจอดรถในบริเวณที่มีหมอกลงจัด หรือควันไฟปกคลุม หากรถเสียให้รีบเข็นรถเข้าข้างทางและชิดริมไหล่ทางมากที่สุด เปิดไฟฉุกเฉินและนำป้ายเตือนหรือวัสดุอื่น ที่สะท้อนแสงมาวางไว้ด้านหลังรถ ห่างจากจุดจอดรถไม่ต่ำกว่า 50 เมตร เพื่อให้ผู้ร่วมใช้เส้นทางมองเห็นได้ในระยะไกล

14.การทิ้งระยะจากคันหน้า สามารถขับรถทิ้งระยะห่างที่ปลอดภัยโดยสังเกตจากไฟท้ายของคันหน้า ไฟท้ายของรถคันหน้าทำให้เรามองเห็นเขาได้ในระยะหลายเมตร แค่ขับตามไปโดยยึดเส้นถนนเป็นหลัก แต่ถ้ายึดเส้นทางซ้ายเราต้องระวังรถเล็กอย่างมอเตอร์ไซค์หรือคนที่มักจะใช้ไหล่ทางไว้ด้วย อีกอย่างก็ต้องระวังหลัง เพราะกระจกมองข้างหรือมองหลังจะมองรถคันที่อยู่ข้างหลังไม่ชัดเจน เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเบี่ยงซ้ายหรือขวา ให้สัญญาณและมองหลังเสมอ

15.การขับรถฝ่าหมอกนานๆ ต้องใช้สมาธิในการควบคุมยานพาหนะสูงกว่าปกติ จึงอาจทำให้รู้สึกอ่อนเพลีย ควรเตรียมสภาพร่างกายให้พร้อมก่อนเดินทางด้วยนะ

ที่มา  

อัพเดทล่าสุด