สถานการณ์ฉุกเฉิน ห้ามพิษงูอย่างไรให้ถูกวิธีที่สุด!!


3,710 ผู้ชม

ช่วงนี้มีข่าวงูเข้าบ้านผู้คนบ่อยขึ้น แต่ใครจะรู้ล่ะว่าจะมีเหตุการณ์อะไรๆเกิดขึ้นมั้ย ฉะนั้นเราควรรู้ขั้นพื้นฐานของก็ช่วยคนถ้าเกิดงูกัด เพื่อไม่ให้พิษงูเข้าไปสู่ร่างกายได้เร็วขึ้น


สถานการณ์ฉุกเฉิน ห้ามพิษงูอย่างไรให้ถูกวิธีที่สุด!!

ช่วงนี้มีข่าวงูเข้าบ้านผู้คนบ่อยขึ้น แต่ใครจะรู้ล่ะว่าจะมีเหตุการณ์อะไรๆเกิดขึ้นมั้ย ฉะนั้นเราควรรู้ขั้นพื้นฐานของก็ช่วยคนถ้าเกิดงูกัด เพื่อไม่ให้พิษงูเข้าไปสู่ร่างกายได้เร็วขึ้น

แต่ละปีมีผู้เสียชีวิตจากการถูกงูกัดหลายราย พบว่าอายุระหว่าง 10-39 ปี ถูกงูกัดมากกว่าช่วงอายุอื่น และผู้ชายจะถูกงูกัดมากกว่าผู้หญิงประมาณ 2 เท่า ยกเว้นงูเขียวหางไหม้ ที่ผู้ชายและผู้หญิงมีโอกาสถูกกัดเท่า ๆ กัน

หลายคนคงเข้าใจว่าการเอาปากดูดพิษงูออกแบบที่พระเอกนางเอกละครไทยทำกันนั้นเป็นวิธีดูดพิษงูที่ดี แต่ไม่เลยค่ะ เข้าใจผิดอย่างแรง หรืออาจจะเป็นการนำเชือกมารัดบริเวณที่งูกัดเพื่อไม่ให้พิษไหลไปสู่จุดอื่นๆ แต่ก็เป็นบ่อเกิดให้เลือดไม่ไหลไปเลี้ยงอวัยวะส่วนนั้น ทำให้เกิดเนื้อตายและมีโอกาสเสี่ยงสูงที่จะสูญเสียอวัยวะส่วนนั้นไป

สิ่งที่ควรทำหลังจากโดนงูกัดจริงนั้นคือ

1. ตั้งสติ ใจเย็นๆ และพยายามจดจำลักษณะของงูเพื่อเป็นข้อมูลต่อการรักษา

2. ล้างแผลด้วยน้ำสะอาด ห้ามดูด กัด กรีด ตัด หรือจี้ไฟ เพราะอาจจะทำให้แผลติดเชื้อ

3. เคลื่อนไหวให้น้อยที่สุด อาจจะเอาผ้ามาพันไว้เพื่อนป้องกันการขยับเขยื่อนเกินจำเป็น แต่อย่าพันแน่นไปนะคะ เพราะอาจจะทำให้เลือดไม่หมุนเวียน

4. รีบพาผู้ป่วยไปโรงพยาบาล

ข้อควรระวัง

อาการของพิษงูเกิดได้ตั้งแต่ 15-30 นาที หลังถูกกัด หรือ อาจนานถึง 9 ชม. จึงต้องเฝ้าสังเกตอาการอย่างต่อเนื่อง- การฉีดเซรุ่มแก้พิษงู ส่วนใหญ่ทำมาจากม้า ซึ่งอาจแพ้ได้ จึงควรฉีดต่อเมื่อมีอาการของพิษงูเท่านั้น

หลังถูกงูกัดควรปฐมพยาบาลทันที ก่อนที่จะนำส่งโรงพยาบาล ญาติพี่น้อง หรือเพื่อนฝูงต้องช่วยปฐมพยาบาลเบื้องต้นทันที

อ่านไว้ก่อนก็ดี ทุกอย่างคือรู้ทั้งนั้น  เพราะเหตุการณ์ไม่คาดคิดเช่นนี้ ใครจะรู้ว่าจะเกิดหรือไม่เกิดขึ้นกับเรา และความรู้นี้สามารถช่วยเหลือผู้อื่นได้อีกด้วย

ข้อมูลและภาพ news.thaiautocars.com

อัพเดทล่าสุด