10 วิธีประหยัดไฟในบ้าน ที่ลดค่าไฟได้ผลจริง บอกลาบิลค่าไฟแพงไปได้เลย


6,064 ผู้ชม

สิ้นเดือนทีไรก็มีบิลค่าใช้จ่ายที่ต้องชำระยาวเป็นหางว่าว หลัก ๆ ก็ค่าน้ำ ค่าไฟ และค่าโทรศัพท์มือถือ แต่มีใครเคยสังเกตตัวเลขบนบิลค่าใช้จ่ายเหล่านี้บ้างไหมเอ่ย...


10 วิธีประหยัดไฟในบ้าน ที่ลดค่าไฟได้ผลจริง บอกลาบิลค่าไฟแพงไปได้เลย

10 วิธีประหยัดไฟในบ้าน ที่ลดค่าไฟได้ผลจริง บอกลาบิลค่าไฟแพงไปได้เลย

สิ้นเดือนทีไรก็มีบิลค่าใช้จ่ายที่ต้องชำระยาวเป็นหางว่าว หลัก ๆ ก็ค่าน้ำ ค่าไฟ และค่าโทรศัพท์มือถือ แต่มีใครเคยสังเกตตัวเลขบนบิลค่าใช้จ่ายเหล่านี้บ้างไหมเอ่ย ว่ามันมีแนวโน้มพุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ ทุกเดือนเลยเนอะ โดยเฉพาะค่าไฟ ที่เอะอะก็ปรับค่า Ft ทำให้ค่าไฟสูงขึ้นอยู่บ่อย ๆ ฉะนั้นมัวแต่นิ่งดูดายไม่ไหวแล้วล่ะครับ เรามาช่วยกันลดค่าไฟในบ้าน ด้วยวิธีประหยัดไฟในบ้านต่อไปนี้กันดีกว่า

1. ลดการใช้แอร์

บ้านไหนที่มีแอร์ก็ควรเปิดใช้แอร์เท่าที่จำเป็น เช่น เปิดในวันที่รู้สึกร้อนมากจริง ๆ อีกทั้งควรเปิดแอร์ในอุณภูมิที่พอเหมาะ โดยเปิดแอร์ที่ 25 องศาก็พอ แต่ถ้าคุณเป็นคนที่นอนไม่หลับหากไม่เปิดแอร์ ก็เปลี่ยนมาเปิดแอร์ช่วง 1- 2 ชั่วโมงแรกก่อนจะนอนหลับก็ได้ ตั้งเวลาปิดแอร์เอาไว้ให้เรียบร้อย และอย่าลืมสำรวจประตูหน้าต่าง และช่องโหว่ทุกช่องในห้องนอนก่อนด้วย เพียงแค่นี้ก็ช่วยประหยัดไฟได้เยอะแล้วล่ะ

2. เว้นระยะห่างการใช้งานเครื่องดูดฝุ่น

ถ้าบ้านคุณไม่ได้เลี้ยงสัตว์ และปกติก็ไม่ค่อยมีฝุ่นมากมายเท่าไรนัก ก็สามารถเว้นระยะห่างการใช้งานเครื่องดูดฝุ่นจากดูดฝุ่นทุกสัปดาห์ เป็นดูดฝุ่น 2- 3 ครั้งต่อเดือนก็ได้ วิธีนี้ก็ช่วยลดปริมาณการใช้ไฟให้คุณได้เยอะเช่นกันครับ

3. ถอดปลั๊กทุกครั้งหลังใช้งาน

เพียงแค่ปิดสวิตช์เครื่องใช้ไฟฟ้าก็ไม่ได้หมายความว่า จะเป็นการตัดกระแสไฟเลยซะทีเดียว เพราะตราบใดที่ปลั๊กยังเสียบอยู่กับเต้ารับ ตราบนั้นก็ยังคงมีกระแสไฟไหลวนเพื่อให้คุณเปิดใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าได้โดย ทันที โดยเฉพาะคนที่ชอบเปิดโหมดพักหน้าจอคอมพิวเตอร์ไว้เอา เพียงแค่ 1 ชั่วโมงก็สูญเสียกระแสไฟไปไม่รู้เท่าไรต่อเท่าไรแล้วนะจ๊ะ และในเมื่อรู้อย่างนี้แล้ว ก็ควรถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่ได้ใช้งานออกทุกครั้งด้วยจะดีที่สุด

4. เลือกใช้หลอดไฟฟลูออเรสเซ้นส์

หลอดไฟฟลูออเรสเซ้นส์มีราคาแพงกว่าหลอดไฟชนิดอื่นก็จริง แต่หลอดไฟฟลูออเรสเซ้นส์สามารถช่วยประหยัดไฟได้มากกว่าหลอดไฟชนิดอื่นถึง 75% เลยทีเดียว แถมยังมีอายุการใช้งานยาวนานกว่า หรือพูดง่าย ๆ ว่ามีความทนทานมากพอสมควรเลยด้วยนะ อย่างนี้ก็รู้แล้วใช่ไหมล่ะว่า ควรต้องเลือกใช้ไฟแบบไหนถึงจะประหยัดไฟ และคุ้มค่าเม็ดเงินมากกว่า

5. ซักรีดเสื้อผ้าในคราวเดียว

เครื่องซักผ้า และเตารีดเป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าที่กินไฟ มากเช่นกัน ดังนั้นหากคุณจะซักรีดเสื้อผ้า ก็ควรซักรีดเสื้อผ้าคราวละมาก ๆ ครั้งเดียว หรืออย่างน้อย 2 ครั้งต่อสัปดาห์ก็ได้ วิธีนี้จะช่วยให้คุณประหยัดไฟได้อีกมากโขเลยล่ะค่ะ อ๊ะ ! คนที่ชอบรีดเสื้อผ้าทุกเช้า ควรเปลี่ยนพฤติกรรมด่วน ๆ เลยนะ

6. ใช้งานอุปกรณ์อิเล็กโทรนิกส์ให้น้อยลง

บรรดาเครื่องปั่น เตาไมโครเวฟ กระทะไฟฟ้า รวมไปถึงเตาอบ จัดว่าเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทฟุ่มเฟือย ที่กินไฟฟ้าไม่น้อยเลยทีเดียว ฉะนั้นหากเป็นไปได้ลองลดความถี่การใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าเหล่านี้ดู แล้วมาเปรียบเทียบจากค่าไฟปลายเดือนกันดีกว่า

7. จัดการตู้เย็นให้สะอาดและเป็นระเบียบ

ใครที่ชอบสะสมของกินไว้ในตู้เย็นวันละนิดวันละหน่อย แต่สุดท้ายก็ลืมทิ้งไว้ให้เน่าเสียคาตู้เย็น รู้ไหมครับว่าพฤติกรรมแบบนี้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ตัวเลขในบิลค่าไฟพุ่งสูง ขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ อีกทั้งยังทำให้ตู้เย็นของคุณสกปรก เป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคและแบคทีเรีย ส่งผลกระทบกับสุขภาพร่างกายได้ง่าย ๆ อีกด้วยนะ

8. เมินที่โกนหนวดไฟฟ้า และแปรงไฟฟ้า

ลำพังแค่แปรงสีฟันธรรมดา และมีดโกนหนวดแบบปกติก็สามารถทำความสะอาดช่องปากและใบหน้าของคุณได้หมดจดมาก พอแล้ว ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาอุปกรณ์อิเล็กโทรนิกส์อย่างที่โกนหนวดไฟฟ้า และแปรงไฟฟ้าเลยสักนิด แถมยังช่วยประหยัดไฟที่ต้องชาร์จแบตให้คุณได้อีกเยอะเลยด้วยจ้า

9. ปิดไฟดวงที่ไม่ได้ใช้งาน

หลายคนชอบเปิดไฟทั่วบ้าน เพราะอยากให้บ้านดูสว่างไสว แต่หากได้เห็นบิลค่าไฟตอนสิ้นเดือนแล้วก็คงตกใจน่าดูใช่ไหมล่ะ ฉะนั้นก็ปิดไฟดวงที่ไม่ได้ใช้งานจะดีกว่า แล้วออกจากบ้านทุกครั้งก็ควรเดินสำรวจให้รอบบ้านด้วยว่า มีไฟดวงไหนที่เปิดค้างอยู่หรือเปล่า ค่าไฟในบ้านจะได้ไม่พุ่งสูงมากนัก

10. ลงทุนติดตั้งเซ็นเซอร์จับการเคลื่อนไหว

สำหรับคนที่ขี้หลงขี้ลืมขนาดหนัก อาจจะลงทุนครั้งใหญ่กับการติดตั้งเซ็นเซอร์จับสัญญาณการเคลื่อนไหวไว้รอบ ๆ บ้านก็ได้ ตัวเซ็นเซอร์นี้จะช่วยเปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นใหญ่ ๆ ในบ้านเวลาที่มีคนเดินเข้ามา และอยู่ในห้องนั้น แต่หากตัวเซ็นเตอร์จับการเคลื่อนไหวของคนไม่ได้ ก็จะจัดการปิดไฟ และเครื่องใช้ไฟฟ้าให้อัตโนมัติ เจ๋งแถมช่วยประหยัดไฟได้อีกเนอะ

ขอบคุณข้อมูลจาก : kapook.com

อัพเดทล่าสุด