มีอึ้ง! ยาคูลท์ กับ 15 ความลับที่คนไทยยังไม่เคยรู้มาก่อน


5,142 ผู้ชม

ใครได้อ่านมีอึ้ง! ยาคูลท์ กับ 15 ความลับที่คนไทยยังไม่เคยรู้มาก่อน...


มีอึ้ง! ยาคูลท์ กับ 15 ความลับที่คนไทยยังไม่เคยรู้มาก่อน

ยาคูลท์ เชื่อว่าหลายๆคนชอบดื่ม เพราะรสชาติดี มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว คุณเคยสงสัยไหมว่า ตลอดระยะเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมาตั้งแต่เราเป็นเด็ก ยาคูลท์ ยังคงความ original หลายๆอย่างไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์ของแบรนด์ รสชาติ วิธีการขาย และขนาด เรามาหาคำตอบกันค่ะมาดู 15 ว่ามันจะเป็นยังไง...

มีอึ้ง! ยาคูลท์ กับ 15 ความลับที่คนไทยยังไม่เคยรู้มาก่อน

1. ยาคูลท์ เป็นยาหรือไม่ ทำไม่ต้องมีคำว่า ยา ด้วย ???

ยาคูลท์เป็นนมเปรี้ยวสัญชาติญี่ปุ่น แปลกตรงที่ชื่อไม่ใช่ภาษาญี่ปุ่นทั้งที่ประเทศนี้ชาตินิยมจัดมาก YAKULT เป็นภาษา Esperanto(ภาษาประดิษฐ์ของหมอรัสเซีย) มาจากคำว่า “Jahurto” มีความหมายเท่ากับ “yoghurt” ซึ่งแปลตรงตัวว่า ” ยายุยืนยาว ”

2. ยาคูลท์ ทำมาจากอะไร มิทราบ?

ยาคูลท์ไม่ใช่เป็นเพียงนมเปรี้ยวหรือโยเกิร์ต แต่เป็น “โพรไบโอติก (Probiotics)” หรืออาหารเสริมที่มีแบคทีเรีย และจุลินทรีย์ที่ให้ประโยชน์ต่อร่างกายโดยจุลินทรีย์ชิโรต้า หรือแลคโตบาซิลลัส คาเซอิ สายพันธุ์ ชิโรต้า ได้ถูกคัดเลือกมาโดยเฉพาะ เพื่อให้สามารถทนต่อสภาวะความเป็นกรดที่รุนแรงในกระเพาะอาหารของคนเรา และทนต่อความเป็นด่างที่รุนแรงของน้ำดี สามารถมีชีวิตอยู่รอดได้ในลำไส้ และให้ประโยชน์ต่อสุขภาพของเราได้นั่นเอง

มีอึ้ง! ยาคูลท์ กับ 15 ความลับที่คนไทยยังไม่เคยรู้มาก่อน

3. ยาคูลท์มีน้ำตาลสูงถึง 18% เชียวนะ!!

น้ำตาลถือเป็นองค์ประกอบที่สำคัญมากของยาคูลท์ ไม่ใช่เพื่อเพิ่มรสชาติความอร่อยเท่านั้น แต่แบคทีเรียนั้นสามารถเจริญเติบโตได้ในน้ำตาล หากถามว่าดื่มยาคูลท์แล้วจะอ้วนมั้ย คงไม่ต้องตอบอะไรมาก เพราะในยาคูลท์มีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบถึง 18% เลยทีเดียว จึงเหมาะที่จะบริโภควันละ 1 ขวดเท่านั้น

4. กินยาคูลท์แล้วอ้วนจริงหรอ?

แน่นอนว่าอะไรก็ตามที่กินมากๆ ดื่มมากๆ ก็ต้องไม่ดีต่อสุขภาพ และทำให้อ้วนด้วยเป็นธรรมดา เพราะจากปริมาณของน้ำตาลที่คำนวณออกมาก็เท่ากับน้ำตาลถึง 3.5 ช้อนชา และยาคูลท์ 1 ขวดก็ให้พลังงาน 71 kcal

มีอึ้ง! ยาคูลท์ กับ 15 ความลับที่คนไทยยังไม่เคยรู้มาก่อน

5. ทำไมถึงไม่ทำไซส์ใหญ่?

เพราะจากคำแนะนำคือควรดื่ม 1 ขวด 80 ซีซี จึงจะดีต่อสุขภาพมากที่สุด เป็นเพราะยาคูลท์เป็นผลิตภัณฑ์นมเปรี้ยวที่ได้จากการหมัก โดยเชื้อจุลินทรีย์ที่เป็นแบคทีเรีย ที่ชื่อ แลคโตบาซิลลัส ซึ่งเป็นตัวที่ทำให้เกิดรสชาติเปรี้ยว เนื่องจากเกิดกรดขึ้นมาหลายชนิดระหว่างกระบวนการหมัก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกรดแลคติก ถ้าดื่มขวดใหญ่กว่านี้ก็อาจจะอ้วน หรือได้รับแบคทีเรียตัวนี้มากเกินความจำเป็น

6.  มีจุลินทรีย์แล้วอยู่นอกตู้เย็นได้ไหมเอ่ย?

หลายคนคงอาจจะสงสัยว่า เอ๊ะ…ในเมื่อยาคูลท์มีจุลินทรีย์แล้วเราควรเก็บยาคูลท์ไว้ที่อุณหภูมิเท่าไหร่ เพื่อที่จุลินทรีย์เหล่านั้นจะได้ไม่ตาย และคงคุณภาพ คำตอบคือ ต่ำกว่า 8 องศาเซลเซียส หรือถึงแม้ยาคูลท์จะถูกนำมาแช่แข็ง แต่แลคโตบาซิลลัสก็จะยังมีชีวิตอยู่แน่นอน

มีอึ้ง! ยาคูลท์ กับ 15 ความลับที่คนไทยยังไม่เคยรู้มาก่อน

7.  เด็ก – สตรีมีครรภ์กินได้หรือไม่?

เด็กอายุมากกว่า 1 ปีสามารถดื่มได้ แต่ไม่แนะนำให้เด็กที่มีประวัติแพ้นมวัวดื่ม ส่วนผู้หญิงสามารถดื่มได้ แถมยังให้ผลดีอีกด้วย เพราะในยาคูลท์มีจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ เมื่อดื่มแล้วอาการท้องผูกหรืออาหารไม่ย่อยในระหว่างตั้งครรภ์จะหายไป รวมไปถึงผู้รับประทานมังสวิรัติที่สามารถดื่มยาคูลท์ได้ เพราะเป็นส่วนหนึ่งของโภชนาการที่สมดุลต่อร่างกาย

8 ทำไมยาคูลท์ ถึงไม่มีแบบกล่องออกขาย

หลายคนอาจจะสงสัย แต่ถ้าได้รู้ว่า บริษัทนี้เค้าให้ความสำคัญกับการรักษาสิ่งแวดล้อม ก็จะเข้าใจในเหตุผลนี้ดี เพราะถ้าทำแบบกล่องก็ต้องไปเบียดเบียนธรรมชาติ แต่ทุกวันนี้วัสดุที่ใช้คือ Poly Styrene ซึ่งเป็นพลาสติกที่สามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ ไม่เป็นพิษต่อสภาพแวดล้อม และไม่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค แถมยังรณรงค์ให้คนดื่มจากขวดโดยตรง จะได้ไม่ต้องใช้หลอดอีกด้วย

9. ทำไมต้องซื้อกับสาวยาคูลท์เท่านั้น?

เป็นคำถามที่หลายคนสงสัยมากๆ เพราะบางที่เนี่ยต้องบอกเลยว่าหายาคูลท์กินได้ยากมากจริงๆ ต้องรอสาวยาคูลท์เท่านั้น แต่จริงๆ แล้วนี่คือนโยบาลของบริษัท ที่มีปัญหาในเรื่องของกระบวนการผลิตที่ต้องผ่านขั้นตอนมากมาย เลยทำให้ผลิตได้ไม่เพียงพอ และอีกอย่างคือ เพื่อต้องการให้สาวยาคูลท์ทั้งหลาย ทั่วประเทศเนี่ยไม่ต้องตกงาน

มีอึ้ง! ยาคูลท์ กับ 15 ความลับที่คนไทยยังไม่เคยรู้มาก่อน

10. ทำไมต้องเป็นวลีนี้…“ถามสาวยาคูลท์ดูสิคะ”

สาวยาคูลท์ เริ่มมีมาตั้งแต่ปี 1963 และเนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่ที่ซื้อยาคูลท์ในอดีตนั้นเป็นแม่บ้านซะส่วนใหญ่ การมีคนส่งยาคูลท์เป็นผู้หญิง เลยกลายมาเป็นการแนะนำเรื่องสุขภาพ นู่น นี่ นั่น ให้กันฟังซะส่วนใหญ่ แถมสาวยาคูลท์ส่วนมากก็จะมีความรู้รอบตัวที่แน่น ถามอะไรก็ตอบได้หมด เลยเป็นที่มาของวลีฮิต “ถามสาวยาคูลท์ดูสิคะ” นั่นเอง

11. ยาคูลท์มีพลังงานเท่าไหร่?

ยาคูลท์ 1 ขวด ให้พลังงาน 71 กิโลแคลอรี่

12.  ยาคูลท์มีสารกันบูดหรือไม่

ยาคูลท์ไม่มีการเติมสารกันบูดและสารกันการตกตะกอน (Stabilizer) เพราะกรดนมในยาคูลท์ที่เกิดจากจุลินทรีย์ชิโรต้าถูกสร้างขึ้นในระหว่างกระบวนการหมักที่ช่วยป้องกันไม่ให้ผลิตภัณฑ์เน่าเสีย

มีอึ้ง! ยาคูลท์ กับ 15 ความลับที่คนไทยยังไม่เคยรู้มาก่อน

13. ยาคูลท์ เคยใช้ขวดแก้ว

ตั้งแต่ปี 1935 ยาคูลท์เคยใช้ขวดแก้วใสกริ้งมาตลอด สรีระของขวดมีแรงบันดาลใจจาก “Kokeishi” ตุ๊กตาโบราณ จนกระทั่งปี 1968 ปรับเปลี่ยนมาใช้ขวดพลาสติกแบบที่เราเห็นๆ ในปัจจุปัน

14. “อหิวาตกโรค” จุดพลิกยาคูลท์ไทย

จุดที่พลิกผันจริงๆ คือ เมื่อปี 1972 เกิดอหิวาตกโรคระบาดแถวปากน้ำ จ.สมุทรปราการ บริษัทยาคูลท์ไทยนำยาคูลท์เพื่อเยียวยาอาการผู้ป่วย ซึ่งตอนนั้นมีที่อาการหนักอยู่ 3 คน ซึ่งถ้าผู้ป่วยจะใช้ยาคูลท์แทนยาจะต้องหยุดดื่มยาทั้งหมด และต้องดื่มยาคูลท์ต่างน้ำ ปรากฏว่าสามชั่วโมงผ่านไป คนไข้ที่ดื่มยาคูลท์หยุดถ่าย และกลายเป็นกระแส talk of the town ณ บัดนั้น

15. ยาคูลท์สูตรจุลินทรีย์ทะลัก!

Yakult 400LT คือสูตรเด็ดสำหรับคนรักจะถ่าย (อึ)ให้คล่อง เพราะยาคูลท์ขวดนี้ลดความหวาน ลดแคลอรีหลายเท่าตัว แต่เพิ่มแลคโตบัลซิลัสตระกูล Shirota เกือบ 400,000 ล้านตัวต่อขวด จากไซส์ปกติมีเพียง 6.5 พันล้านหรือให้เต็มที่ก็แค่ 3 แสนล้านตัวเท่านั้น

ได้ทราบถึงรายละเอียดเกี่ยวกับยาคูลท์มาทั้งหมดแล้ว ควรบริโภคให้ถูกต้องนะ เพื่อสุขภาพที่ดี

ที่มา:  www.abcgossip.com
info.muslimthaipost.com

อัพเดทล่าสุด