เจลฟ้าทะลายโจร ไทยสุดเจ๋ง พิชิตสิทธิบัตรสหรัฐฯสำเร็จรายแรก


1,016 ผู้ชม


เจลฟ้าทะลายโจรไทยสุดเจ๋ง พิชิตสิทธิบัตรสหรัฐฯสำเร็จรายแรก เจลฟ้าทะลายโจร ไทยสุดเจ๋ง พิชิตสิทธิบัตรสหรัฐฯสำเร็จรายแรก  เจลฟ้าทะลายโจร ไทยสุดเจ๋ง พิชิตสิทธิบัตรสหรัฐฯสำเร็จรายแรก เจลฟ้าทะลายโจร ไทยสุดเจ๋ง พิชิตสิทธิบัตรสหรัฐฯสำเร็จรายแรก
เขียนโดย Administrator   
Friday, 23 February 2007
     เจลฟ้าทะลายโจรไทยสุดเจ๋ง พิชิตสิทธิบัตรสหรัฐฯสำเร็จรายแรกทีมวิจัยมหิดล เผย "เจลฟ้าทะลายโจร" ยาสมุนไพรแผนปัจจุบันตำรับแรกของไทย พิชิตสิทธิบัตรสหรัฐอเมริกา และเป็นยาตำรับแรกของโลกที่ใช้เสริมรักษาโรคปริทันต์อักเสบ ชี้ ราคาถูก คุณสมบัติเหนือกว่ายานำเข้าจากต่างประเทศ ไม่มีผลข้างเคียง พร้อมขอขึ้นทะเบียนยากับ อย.เร็วที่สุดไม่เกิน 2 ปี และผลักดันให้เข้าสู่บัญชียาหลัก สามารถใช้สิทธิบัตรทองรักษาได้ทั่วหน้า

      วันนี้ (22 ก.พ.) ภญ.รศ.ดร.ปลื้มจิตต์ โรจนพันธุ์ ภาควิชาเภสัชกรรม คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล หัวหน้าโครงการวิจัยเจลฟ้าทะลายโจรเพื่อใช้เสริมการรักษาโรคปริทันต์อักเสบ และคณะ เปิดเผยว่า ทีมวิจัยจากคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ร่วมกันวิจัยพัฒนาสมุนไพรไทยฟ้าทะลายโจร ซึ่งเป็นยาแผนปัจจุบันตำรับแรกของโลกที่ใช้เสริมการรักษาโรคปริทันต์อักเสบ สำเร็จครบวงจร โดยที่ได้รับสิทธิบัตรจากประเทศสหรัฐอเมริกา และประเทศไทย นอกจากนี้ อยู่ระหว่างการพิจารณาของกรมทรัพย์สินทางปัญญาของประเทศนั้นๆ ได้แก่ ประเทศอังกฤษ เยอรมนี ฝรั่งเศส ออสเตรเลีย สวีเดน อิตาลี สวิตเซอร์แลนด์ ญี่ปุ่น และจีน ซึ่งการจดสิทธิบัตรครั้งนี้ถือเป็นการนำร่องก่อนที่จะมียาตัวอื่นๆ ตามมาในอนาคต
       
       ภญ.รศ.ดร.ปลื้มจิตต์ กล่าวว่า ได้เริ่มทำการวิจัยเป็นครั้งแรก เมื่อปี 2535 จนสามารถพัฒนาฟ้าทลายโจรให้อยู่ในรูปของเจลสำหรับฉีดเข้าสู่ร่องเหงือกของ ผู้ป่วยที่เป็นโรคปริทันต์อักเสบ (โรคระมะนาด) โดยลักษณะของเจลมีสีน้ำตาลอ่อน เข็มที่ใช้มีลักษณะพิเศษ คือ ตัดปลายเข็มให้ทู่ และทำให้โครงงอเล็กน้อยเพื่อสะดวงในการฉีดเข้าร่องลึกปริทันต์ ซึ่งเมื่อเจลสัมผัสกับน้ำเหลืองจะเปลี่ยนลักษณะโครงสร้างเป็นรูปผลึกของเหลว ยาสามารถออกฤทธิ์ได้นาน โดยค่อยๆ ปลดปล่อยตัวยาอย่างช้าๆ ทำให้สามารถอยู่ได้นานในร่องเหงือกประมาณ 36 ชั่วโมง โดยไม่มีผลข้างเคียงใดๆ ทั้งนี้ การผลิตเป็นเจลทำให้ตัวยาสามารถย่อยสลายได้เองโดยไม่มีสารตกค้างหลงเหลือ อยู่
       
       "เจลฟ้าทะลายโจรนี้มีการคิดค้นพัฒนานานถึง 14 ปี จึงประสบความสำเร็จ ที่ผ่านมา ยาปฏิชีวนะในการรักษาปริทันต์ อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงตามมา เช่น อาจเกิดการระคายเคือง จนเป็นแผลขึ้นมาได้ โดยผลวิจัยทางคลินิก พบว่า เจลฟ้าทลายโจร สามารถใช้เสริมการรักษาโรคได้เทียบเท่าผลิตภัณฑ์ยาแผนปัจจุบันจากต่างประเทศ ซึ่งมีราคาแพงมาก ขณะที่เจลฟ้าทะลายโจรที่คิดค้นขึ้นนี้มีราคาถูกกว่ามากหลายเท่าตัว เบื้องต้นหากสามารถขอขึ้นทะเบียนตำรับยากับ อย.และผลิตออกจำหน่าย คาดว่า จะมีราคาอยู่ที่ประมาณ 500 บาทต่อหลอด ซึ่งมีเจลบรรจุอยู่ 0.5 มล.นอกจากนี้ ยังมีข้อดีอีกหลายประการ พร้อมทั้งได้ค้นพบคุณสมบัติพิเศษใหม่ เมื่อนำมาทำการรักษา ซึ่งยังไม่มีปรากฏมาก่อน แต่เนื่องจากอยู่ระหว่างการขอจดสิทธิบัตรจึงไม่สามารถเปิดเผยได้" ภญ.รศ.ดร.ปลื้มจิตต์ กล่าว
       
       ภญ.รศ.ดร.ปลื้มจิตต์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ขั้นตอนการวิจัยอยู่ระหว่างการพัฒนาสู่กึ่งอุตสาหกรรมเพื่อจำหน่ายใน ต่างประเทศ แต่ยังคงมีปัญหาอุปสรรคในขั้นตอนการสกัดสารสำคัญในฟ้าทะลายโจร ซึ่งในการผลิตในลักษณะกึ่งอุตสาหกรรมจำต้องใช้สารสกัดในจำนวนมาก และมีประสิทธิภาพ ส่วนในประเทศไทยขณะนี้ยังรอการขึ้นทะเบียนตำรับยาจากสำนักงานคณะกรรมการ อาหารและยา (อย.) อยู่ นอกจากนี้ จะพยายามผลักดันเข้าสู่บัญชียาหลักแห่งชาติ ทำให้ผู้ป่วยสามารถใช้สิทธิหลักประกันสุขภาพทั่วหน้าได้อีกด้วย
       
       ขณะที่ ศ.คลินิก ทญ.มัลลิกา ศิริรัตน์ ภาคเวชศาสตร์ช่องปาก คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล หนึ่งในทีมผู้วิจัย กล่าวว่า การรักษาโรคปริทันต์อักเสบนั้น จะต้องรักษาโดยการขูดน้ำลายและเกลารากฟันให้สะอาด หากมีร่องเหงือกลึกมากก็จะต้องกำจัดออกเพื่อไม่ให้แบคทีเรียสามารถเข้าไป อยู่ได้ ซึ่งบางครั้งแม้จะมีการผ่าตัดออกทั้งหมดแต่ก็ไม่สามารถกำจัดเชื้อแบคทีเรีย ที่อาจฝังเข้าไปในเนื้อเยื้อเหงือก หรือรากฟันได้ กลายเป็นแหล่งเพาะเชื้อ จึงจำเป็นที่จะต้องเสริมการรักษาปริทันต์ ซึ่งหากใช้ยาจากต่างประเทศจะมีราคาแพงมาก ประมาณ1,400 ต่อหลอด 0.5 มล.ดังนั้น เจลฟ้าทะลายโจรที่ผลิตได้จึงมีประโยชน์มหาศาล ทั้งนี้ การรักษาเมื่อผู้ป่วยมาพบแพทย์ก็จะทำการฉีดเจลดังกล่าวเฉพาะตำแหน่งเพื่อ ฆ่าเชื้อติอต่อกัน 3-4 สัปดาห์ สำหรับโรคนี้ประชาชนทั่วโลกเมื่ออายุ 40 ปี จะเป็นโรคเหงือกอักเสบประมาณ 60% และเมื่ออายุ 60 ปี ขึ้นไปจะเป็นโรคปริทันต์อักเสบประมาณ 80%
       
       ศ.คลินิก ทญ.มัลลิกา กล่าวต่อว่า ส่วนขั้นตอนการขึ้นทะเบียนตำรับยาขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการทดลองทางคลินิก ขั้นสุดท้าย โดยจะศึกษาทดลองในผู้ป่วยโรคปริทันต์ในภูมิภาคต่างๆ ทั้งหมด 300 คน รวมทั้งรวบรวมข้อมูลทำเภสัชจุลสาร เป็นรูปเล่ม คาดว่า จะต้องใช้เวลาประมาณ 2 ปี จึงจะสามารถผลิตและจำหน่ายได้ในอนาคต
       
       ภญ.รศ.ดร.วันดี กฤษณพันธ์ ภาควิชาเภสัชวินิจฉัย คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ฟ้าทลายโจรเป็นยาสมุนไพรที่รู้จักกันดี มีฤทธิ์ทำลายเชื้อโรค สามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรีย โดยถือเป็นยาสมุนไพรที่อยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ และจากการวิจัยพบว่า ยาสมุนไพรกว่า 20 ชนิดที่มีฤทธิ์ในกลุ่มเดียวกัน เช่น พลู บัวบก มังคุด ทับทิม ข่อย รวมกว่า 20 ชนิด ฟ้าทะลายโจรมีสารสำคัญ 3 ชนิด ที่มีความสามารถฆ่าแบคทีเรียมีประสทิธิภาพที่ดีที่สุด
       
       นางสำโรง ประจิตต วัย 47 ปี ผู้ป่วยโรคปริทันต์ กล่าวว่า ก่อนที่จะรับการรักษาที่นี่ได้ไปรักษาที่คลินิกหลายแห่งแต่ไม่หาย ซึ่งขณะนั้นมีอาการเหงือกปวม ฟันโยกทั้งปาก ในที่สุดเมื่อเข้าร่วมโครงการเพื่อทำการรักษา อาการก็ค่อยๆ ดีขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีเลือดออกเมื่อแปรงฟัน ไม่มีกลิ่นปาก เหงือกมีความกะชับขึ้น หลังจากทำการรักษา 3 เดือน ขณะนี้เรียกได้ว่าหายเป็นปกติแล้ว

ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์ 

อัพเดทล่าสุด