การสัมภาษณ์งานแบบ เทพ : รู้เค้า รู้เรา รบก็ชนะ


1,222 ผู้ชม


การสัมภาษณ์งานแบบมีโครงสร้าง : วัตถุประสงค์ของการศึกษาระบบ




1. เพื่อให้เข้าใจวัตถุประสงค์ของการสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้าง การสัมภาษณ์เชิงลึก และการสัมภาษณ์ก่อนออกจากงาน ในแง่มุมของผู้สมัครและในส่วนขององค์การ

2. ดำเนินการออกแบบการวิเคราะห์งาน สมรรถนะหลักของตำแหน่งเป้าหมายได้ และสามารถใช้ข้อมูลดังกล่าวให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการบริหารทรัพยากรมนุษย์

3. สามารถกำหนดองค์ประกอบหรือมิติที่จะใช้ในการสัมภาษณ์ได้อย่างเหมาะสม ระบุพฤติกรรมบ่งชี้ถึงประสิทธิภาพในระดับต่างๆ ของผู้สมัครแต่ละคนได้

4. สามารถตั้งคำถาม ลำดับการซักถาม คำถามติดตามที่ใช้ในการสัมภาษณ์ได้

5. มีทักษะในการสังเกต ในการซักถาม จดบันทึก ทักษะในการรับฟังและให้ข้อมูลย้อนกลับที่ดีได้

6. สร้างแบบประเมินที่เหมาะสมกับการสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้างแต่ละประเภทได้ดี มีการกำหนดค่าน้ำหนัก การเปรียบเทียบผลการประเมินแต่ละวิธีได้อย่างสมเหตุสมผล และอธิบายได้

7. บอกขั้นตอนและแนวทางในการดำเนินการฝึกอบรม กรรมการสัมภาษณ์ การเตรียมการต่างๆ ก่อนการสัมภาษณ์

8. ออกแบบแนวทางการติดตามผลสำเร็จของการสัมภาษณ์งานแบบมีโครงสร้างได้  ที่จะตอบคำถามได้ว่าการสัมภาษณ์นั้นๆ ดี แล้วหรือไม่ จำแนกคนได้หรือไม่ มีประโยชน์คุ้มค่าหรือไม่อย่างไร ควรปรับปรุงแก้ไขให้ดีกว่าเดิมเช่นไร

9. สามารถเข้ารับการสัมภาษณ์อย่างมั่นใจ และปฏิบัติหน้าที่ตามบทบาทได้อย่างเหมาะสม

 -----------

0 คำถามยอดฮิต ในการ สัมภาษณ์งาน
10 คำถาม ที่เค้านิยมจะถามกัน โดยมากที่คุณ ควรจะเตรียมพร้อม เพราะอย่างน้อย ถ้าไม่ได้ คำถามอื่น ก็ยังพอมีคำถามที่เราตอบแล้ว ฟังดูเข้าท่าเข้าทางบ้าง ฉะนั้นคำถามที่คุณ ควรจะรู้ มีดังต่อไปนี้
1.ทำไมคุณจึงอยากทำงานที่นี่
การที่จะทำงานทีไหนก็ตาม ผู้สัมภาษณ์จะต้องถามความเป็นมา ว่าทำไม คุณต้องการ ที่จะทำงาน ในบริษัทของเค้า และคำถามนี้ก็เป็น สิ่งที่คุณควร ทราบ และคุณก็ควรจะรู้ถึงเหตุผลของคุณอย่างแท้จริง ไม่ไช่ตอบไปสุ่มสี่สุ่มห้า เช่นคุณอาจจะตอบว่า
"ดิฉันมีความสนใจในระบบการทำงานของที่นี่มาก และก็ทราบมาว่า ทางบริษัท ได้เปิดโอกาสให้พนักงานทุกคน ได้แสดงความสามารถ ได้อย่างเต็มที่ค่ะ และดิฉันยังทราบมาอีกว่า ที่บริษัทรับฟังข้อเสนอ ของพนักงานทุกคน และ พร้อมจะแก้ไขถ้าข้อเสนอนั้น จะสามารถ พัฒนา ให้บริษัทให้มีความมั่นคง และหน้าเชื่อถือยิ่งขึ้นค่ะ"
2.ทำไมคุณถึงออกจากงานที่เคยทำอยู่
คำถามนี้จะง่ายมาก สำหรับน้อง ๆ ที่ยังไม่เคยทำงานมาก่อน แต่จะเป็นคำถาม ที่ยากมาก สำหรับคนที่เคย มีประสบการณ์ ในการทำงานมาแล้ว และเป็น คำถามที่ตรงประเด็น มากเลยทีเดียว เพราะหากคุณพอใจ ต่องานที่ทำอยู่ คุณคงไม่ต้องหางานใหม่ ทำหรอกจริงไหมล่ะ คำถามนี้จึงเป็นคำถาม ที่คุณ ต้องเตรียมตัวอย่างมาก เลยทีเดียว ตัวอย่างเช่น
"ผมอยากจะเรียนรู้ถึงงานสายใหม่ ที่น่าจะเหมาะสมกับตัวผม มากกว่า ที่ผม เคยทำอยู่ครับ และผมคิดว่างานที่นี้ เหมาะสมกับผม และผม พร้อมที่จะทำงาน ตรงนี้มากที่สุด"
และที่สำคัญ คุณห้ามนำข้อเสีย ที่คุณได้รู้จาก บริษัทเก่า มาพูดเด็ดขาด เพราะสิ่งนั้น อาจทำให้คะแนน แห่งความเชื่อถือ ของคุณ ลดลงก็ได้
3.ลองเล่าประวัติของคุณแบบย่อ ๆ
การที่จะทำงานร่วมกันได้นั้น สิ่งที่สำคัญ ก็จะเป็นเรี่อง ข้อมูลส่วนตัว ประวัติ ความเป็นมา เล็ก ๆ น้อย ๆ ที่สามารถบ่งบอกถึง นิสัยใจคอของคุณได้ และ สามารถบอกถึง ความเหมาะสม กับงานด้านนี้ของคุณ ในการตอบคำถาม จึงควรอยู่ในแง่ของ การทำงาน บุคลิกภาพส่วนตัว และแง่คิดของชีวิต บ้างนิดหน่อย คุณไม่ควรจะเล่าประวัติชีวิตของคุณให้มากเกินไป เพราะการพูดมากเกินไป อาจจะทำให้เกิดผลเสียแก่ตัวคุณเอง เช่น
" ผมเป็นคนเคารพเวลา ไม่ชอบให้ใครรอ เพราะฉะนั้นเวลาในการ ทำงานของผม จะตรงต่อเวลาเสมอ แต่ผมก็มีข้อเสียนะครับ คือเวลา ที่ผมรอใคร แล้วคนคนนั้น ไม่มาสักที ผมก็มักจะควบคุมอารมณ์ ของตัวเอง ไม่ค่อยได้ทั้ง ๆ ที่เหตุผลของเค้า เป็นเหตุผลที่น่าฟังมาก ก็ตาม และตอนนี้ผมกำลังหาวิธี เพื่อแก้ไข ข้อบกพร่องของผมอยู่ครับ"
4.คุณคิดจะทำอะไรให้กับบริษัทมากที่สุด
คำถามนี้จะทำให้คุณบอกถึง ความสามารถของคุณ ที่จะทำให้กับบริษัท ได้มากน้อยแค่ไหน ในการบอกถึงคุณสมบัติ ที่คุณสามารถทำได้นั้น ไม่ถือว่า เป็นการโอ้อวดว่า คุณเก่งแต่อย่างไร แต่สิ่งที่คุณพูดนั้น จะสามารถสร้าง น้ำหนัก ในการตอบคำถามให้แก่คุณได้
5.จะมีปัญหาอะไรไหมหากต้องทำงานล่วงเวลา
เจอคำถามนี้เข้า ก็ทำให้อึ้งเอาการ อยู่ทีเดียว ก็แหมใครอยากจะไป ทำงาน ล่วงเวลา หากไม่ได้ อะไรตอบแทนบ้างเลย ฉะนั้นในการตอบคำถามนี้ คุณควรจะกล่าวถึง ความพร้อมเสมอ ในการทำงานล่วงเวลา ถึงแม้ว่า ค่าตอบแทน อาจจะน้อยมาก หรือในการทำงานล่วงเวลา จะไปตรงกับ ตารางนัดสำคัญ กับคนพิเศษของคุณก็ตาม
"เพื่อให้งานประสบความสำเร็จ ผมก็พร้อมจะทำงาน ล่วงเวลาเสมอ"
6.เรื่องทั่ว ๆ ไป
ในการสัมภาษณ์คุณอาจจะต้องพูดถึง เรื่องปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น ข่าวทาง การเมือง เศรษฐกิจ สังคม และค่านิยม ที่เกิดขึ้นในเวลานั้น เป็นข่าว หนังสือพิมพ์ คำถามนี้จะแสดงให้เห็นว่า คุณให้ความสนใจกับข่าวสาร บ้านเมือง ไม่เป็นคนที่ตกข่าว สามารถพูดคุยได้ทุกเรื่อง ที่เกี่ยวกับ เหตุการณ์ปัจจุบัน การทราบข้อมูลเหล่านี้ อาจทำให้คะแนน การสัมภาษณ์ ของคุณ เพิ่มขึ้นมาก็ได้
7.ความใฝ่ฝันและโครงการในอนาคต
เป็นการพิจารณาถึง ความเอาจริงเอาจังของคุณ เพราะหากคุณสามารถบอกถึง ทิศทางในอนาคตได้ นั่นก็แสดงว่าคุณสามารถรับผิดชอบ ในงานที่ได้รับ มอบหมายอย่างดีทีเดียว ก็ขนาดอนาคตที่ไม่มีใคร สามารถรู้ได้ คุณยัง วางแผนสู่อนาคต ได้อย่างเป็นระบบ นั่นก็หมายถึงว่า คุณไม่ได้มีความคิด ย่ำอยู่กับที่จริงไหม
8. คุณมีงานอดิเรกอะไรไหม
คำถามในข้อนี้จะเจาะประเด็นว่า คุณรู้จักแบ่งเวลาของคุณ ให้เกิดประโยชน์ มากน้อยแค่ไหน และแสดงให้เห็นถึง บุคลิกของคุณว่า คุณเป็นคนอย่างไร ร่าเริง เปิดเผย หรือเก็บตัว เช่น ถ้าคุณตอบว่า คุณชอบอ่านหนังสือ คุณอาจจะ ถูกถาม ต่อว่า หนังสือเล่มล่าสุดที่คุณอ่าน คือเรื่องอะไร และอาจให้คุณวิจารณ์ ถึงหนังสือเล่มนั้น ในการถามคำถามนี้ ยังสามารถได้รู้ถึง ความละเอียด อ่อนของคุณ การรู้จักสังเกต การมีปฏิภาณไหวพริบ กระทั่ง การใช้ชีวิต ร่วมกับคนอื่น ๆ อีกด้วย
9. คุณต้องการเงินเดือนเท่าไหร่
เป็นเรื่องที่ยากมาก ในการตอบคำถามนี้ ถ้าหากว่า งานที่คุณไปสมัคร ระบุ เงินเดือนไว้แล้ว ก็เกิดความสบายใจหน่อย แต่ถ้าไม่ได้ระบุถึง อัตรา ค่าจ้างเลย ก็แย่หน่อย ทางที่ดีคุณควรตอบ ตามอัตราเงินเดือน ที่คนทั่วไป ได้รับกัน เช่น อาจจะถามเพื่อน ที่ทำงาน เหมือนกับตำแหน่ง ที่คุณสมัคร หรือตอบตาม เงินเดือนราชการ ที่คุณทราบก็ได้ แต่ถ้าหากผู้สัมภาษณ์ เสนอเงินเดือน มาสูง หรือต่ำกว่า อัตราที่คุณรู้ คุณก็อย่าพึ่งตอบตกลง คุณอาจจะขอเวลาในการ พิจารณาสัก 3 วัน แล้วค่อยให้คำตอบ เพราะถ้า เกิดคุณตอบตกลงไปแล้ว และคุณมาขอขึ้นทีหลังก็เหมือนกับว่า คุณเป็นคนโลเล ไม่น่าเชื่อถือก็ได้
10. คุณมีข้อสงสัยอะไรอีกไหม
เจอคำถามนี้ก็บ่งบอกว่า การสัมภาษณ์ได้สิ้นสุดลง แต่ในการตอบคำถาม ข้อสุดท้ายนี้ จะตอบอย่างไรดี ที่จะแสดงว่า เราไม่เป็นคนไม่ฉลาดออกมา เช่น คุณอาจถามย้ำ เรื่องเวลาการทำงานก็ได้
"ผมอยากทราบเวลา ที่แน่นอน ในการทำงานของผมครับ"
หรือคุณอาจจะไม่ต้องการถามอะไรก็ได้ เพราะการ ไม่ได้ถามก็เท่ากับว่า คุณได้ทราบข้อมูล ของบริษัทมากพอแล้ว แต่ถ้าเกิด สงสัยจริง ๆ ก็ควรตั้ง คำถามที่ฟังแล้วดูดี และถูกใจนายจ้างของคุณ ให้มากที่สุด
คำถามที่พูดมาข้างต้นนี้ดู ดูแล้วไม่ยากเลยใช่ไหม สำหรับการเตรียมตัว ในการ สัมภาษณ์ของคุณ แค่คุณมีความพร้อมกับ 10 คำถามเด็ด ๆ นี้ คุณก็สามารถ ชนะใจ กรรมการ ได้แล้ว อย่างน้อยมันคงมีสักคำถามล่ะ ที่ตรงกับการเตรียมตัวของคุณ และสร้าง ความมั่นใจ ในการตอบคำถามของคุณได้ แล้วอย่าลืมนำไป ปฏิบัติดูนะ เพราะสิ่งนี้ เป็นเส้นทาง ที่จะทำให้คุณสามารถได้รับ คัดเลือกเป็นพนักงาน ในบริษัทที่คุณใฝ่ฝัน ได้อย่างภาคภูมิใจ


อ้างอิงจาก : หนังสือการสัมภาษณ์งานแบบมีโครงสร้าง

  

โดย  : ดร. วีระวัฒน์  ปันนิตามัย

---------------

ผู้สัมภาษณ์งานมองหาอะไรในตัวผู้สมัคร

ผู้สัมภาษณ์งานมองหาอะไรในตัวผู้สมัคร
ถึงแม้การรับสมัครงานในแต่ละตำแหน่ง จะต้องการผู้สมัครงานที่มีทักษะและความสามารถแตกต่างกันไปตามลักษณะของงาน แต่ทราบหรือไม่ว่า มีบุคลิกลักษณะบางอย่างที่ผู้สัมภาษณ์งานมักจะมองหาในตัวผู้สมัครงานที่เขาต้องการ ซึ่งไม่ใช่แค่การเป็นคนเก่งหรือมีความสามารถรอบด้าน
มาดูกันว่าบุคลิกลักษณะที่พึงปรารถนาในการทำงานนั้นมีอะไรบ้าง
ความตรงต่อเวลา
นายจ้างเริ่มต้นทำความรู้จักกับผู้สมัครงานผ่านประวัติส่วนตัวและการสัมภาษณ์งาน ซึ่งเป็นโอกาสที่
ผู้สมัครงาน จะแสดงให้นายจ้างเห็นข้อดี คุณสมบัติที่สอดคล้อง ความสามารถ และทักษะของตน แน่นอนว่าทุก ๆ การกระทำ ทุก ๆ คำพูดของผู้สมัครงานกำลังถูกจับตา ความตรงต่อเวลาเป็นสิ่งที่สำคัญในการทำงาน ถ้าผู้สมัครไม่อาจบริหารจัดการตัวเอง ให้มาสัมภาษณ์งานตรงเวลานัดหมายได้ เขาจะสามารถทำงานเสร็จตามกำหนด หรือเข้าประชุมตรงเวลาได้อย่างไร หากบริษัทรับพนักงาน ที่ไม่ตรงต่อเวลาเข้ามาทำงาน ย่อมส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพของบริษัท เมื่อคุณมีนัดสัมภาษณ์งาน จงเผื่อเวลาสำหรับรถติด หลงทาง หรือเหตุการณ์ไม่คาดคิดอื่น ๆ ด้วย เพื่อให้คุณสามารถไปสัมภาษณ์ได้ก่อนเวลา จะได้มีเวลาพักผ่อน และเตรียมตัวก่อนสัมภาษณ์งาน หากมีความจำเป็นจริง ๆ ที่ทำให้ไม่สามารถไปทันเวลานัดหมาย คุณจะต้องโทรศัพท์ไปแจ้งผู้สัมภาษณ์ว่าคุณขอไปสายกว่าเวลานัด พร้อมอธิบายเหตุผลจำเป็นนั้นด้วย
การเตรียมพร้อม
ผู้สมัครงานจะต้องเตรียมความพร้อมโดย ศึกษารายละเอียดในการทำงาน ประวัติบริษัทมาก่อนล่วงหน้า และใช้ช่วงเวลาสัมภาษณ์ ถามผู้สัมภาษณ์เพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับรูปแบบในการทำงาน หรือข้อมูลเกี่ยวกับบริษัท การตั้งคำถามของคุณ จะทำให้ผู้สัมภาษณ์รู้ว่า คุณเป็นคนที่ทำการบ้านมาก่อน ผู้สัมภาษณ์จึงมักมองหาผู้สมัครที่เตรียมพร้อมมาจากบ้าน และรู้จักถามคำถามผู้สัมภาษณ์ ไม่ใช่รอให้ผู้สัมภาษณ์เป็นคนถามคำถามแต่ฝ่ายเดียว
การวางตัวเหมาะสม
ผู้สัมภาษณ์ไม่ต้องการได้ยินเรื่อง ครอบครัวของคุณ หรือเรื่องส่วนตัวของคุณ หากคุณทำสิ่งใดที่ไม่เหมาะสม ไม่สุภาพ เช่น ล้วง แคะ แกะ เกา หรือเป็นกันเองกับผู้สัมภาษณ์มากเกินไป จนถูกมองว่าล้ำเส้น การสัมภาษณ์งานครั้งนี้อาจทำให้คุณถูกมองว่า หากรับคุณเข้ามาทำงาน เรื่องส่วนตัวของคุณอาจเข้ามาเบียดบังเรื่องงานของคุณก็เป็นได้ ซึ่งนั้นอาจทำให้ผู้สัมภาษณ์ตัดสินใจ ไม่รับคุณเข้าทำงาน ดังนั้นจงวางตัวให้เหมาะสมไม่ว่าจะเป็นการพูด หรือการกระทำใด ๆ ก็ตาม
การยกตัวอย่างสนับสนุนสิ่งที่พูด
เมื่อคุณถูกถามว่ามีประสบการณ์ใน เรื่องนี้ เรื่องนั้น หรือไม่ ผู้สัมภาษณ์ไม่ได้ต้องการให้คุณตอบเพียงมี หรือไม่มีเท่านั้น แต่เขาต้องการให้คุณอธิบายเพิ่มเติมถึงประสบการณ์ดังกล่าวด้วย คุณควรยกตัวอย่างสนับสนุนด้วยว่าคุณได้ทำสิ่งนั้นอย่างไร ประสบความสำเร็จ หรือส่งผลกระทบอย่างไร หากคุณไม่มีประสบการณ์ในเรื่องนั้น ๆ ให้กล่าวถึงประสบการณ์ที่คุณเคยทำ ซึ่งมีความใกล้เคียง หรือสอดคล้องกับประสบการณ์ที่ถูกถาม หรือบอกให้ผู้สัมภาษณ์ ทราบถึงแนวทางที่คุณคิดจะทำ เพื่อให้ได้มาซึ่งประสบการณ์ ดังกล่าว หรือทักษะที่คุณควรมีเพิ่มเติม เพื่อแสดงว่าคุณสนใจงานนี้จริง ๆ
ทัศนคติที่ดีในการทำงาน
ผู้สัมภาษณ์มองหาผู้สมัครที่มี ทัศนคติ การทำงานแบบทีมเวิร์ก และมีความยืดหยุ่นในการทำงาน คนที่ยินดีทำงาน ที่ไม่ใช่งานในหน้าที่โดยตรงของตนได้ เพื่อให้ทีมของตนประสบความสำเร็จกันทั้งทีม มากกว่าคนที่สนใจแต่งานของตัวเอง ไม่สนใจเพื่อนร่วมงาน
จะเห็นได้ว่าสิ่งที่ผู้สัมภาษณ์งาน มองหาไม่เกี่ยวกับความเก่ง หรือความไม่เก่ง แต่เป็นตัวตนของคุณ ความคิดของคุณ การแสดงออกของคุณที่เหมาะสม หรือไม่เหมาะสม สอดคล้องกับคุณสมบัติที่เขาต้องการหรือไม่ เวลาที่ใช้ในการสัมภาษณ์งานเพียง 1 ชั่วโมง อาจเปลี่ยนชีวิตคุณได้ ดังนั้นจงทำให้ดีที่สุด

อัพเดทล่าสุด