บุคคลใดบ้างที่ต้องได้รับวัคซีน - ใช้กระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันต่อไวรัสตับอักเสบ บี สำหรับคนทุกกลุ่มอายุ
- ใช้สำหรับฉีดสร้างภูมิในกลุ่มคนที่มีอัตราการติดเชื้อสูง เช่น แพทย์ พยาบาล ทันตแพทย์ พยาบาล
- ใช้กระตุ้นให้เกิดภูมิในกลุ่มที่มีโอกาสติดเชื้อสูง เช่นผู้ป่วยโรคไตที่ต้องฟอกเลือด ผู้ที่ต้องได้รับการถ่ายเลือดบ่อย
ดังนั้นเด็กและผู้ใหญ่ทุกคนที่ไม่มีหลักฐานของการติดเชื้อหรือได้รับวัคซีนมาก่อนควรจะได้รับวัคซีนนี้ ไม่แนะนำให้ตรวจหาภูมิหลังจากการได้วัคซีนครบ[anti-HBs antibody] และไม่แนะนำให้ฉีดกระตุ้นซ้ำหลังได้วัคซีนครบแม้ว่าจะตรวจพบระดับภูมิต่ำลง แนวทางปฏิบัติสำหรับกลุ่มเสี่ยง คือคนมี่ไม่มีภูมิ ไม่เคยได้วัคซีนมาก่อน สัมผัสทางเพศหรือเลือดที่มี HBsAg หรือ HBeAg เป็นบวกแนะนำให้ hepatitis immune globuline ร่วมกับวัคซีน บุคคลใดไม่ควรให้วัคซีน วัคซีนนี้ทำให้เกิดอาการแพ้อย่างไรบ้าง ส่วนใหญ่ไม่เกิดอาการแพ้ อาจจะเกิดอาการแสบคอหรือมีไข้ซึ่งจะหายไป1-2วันหลังฉีด อาการแพ้อย่างรุนแรงอาจพบมีไข้สูง สับสน หายใจลำบากมีเสียงดังหวีด หัวใจเต้นเร็วถ้าหากเกิดอาการดังกล่าวให้รีบพบแพทย์ จะให้วัคซีนอย่างไร ตารางการให้วัคซีน | ทารกที่เกิดจากแม่ที่มีเชื้อ ไวรัสตับอักเสบB | ทารกที่เกิดจากแม่ไม่ติดเชื้อ ไวรัสตับอักเสบB | เด็กโตหรือผู้ใหญ่ | เข็มแรก | ภายใน12ชั่วโมงหลังคลอด ร่วมกับhepatitis B immune globulin | ตั้งแต่เกิดจนถึง2เดือน | เมื่อไรก็ได้ | เข็มที่สอง | อายุ1-2เดือน | 1เดือนหลังเข็มแรก | 1เดือนหลังเข็มแรก | เข็มที่สาม | อายุ6เดือน | 6เดือนหลังเข็มแรก | 6เดือนหลังเข็มแรก | ถ้าลืมฉีดให้รีบฉีดทันที่โดยไม่ต้องเริ่มใหม่ ปฏิกิริยาระหว่ายา ผู้ที่ได้รับยากดภูมิคุ้มกัน ควรจะได้รับปริมาณวัคซีนมากกว่าคนปกติเพื่อให้มีปริมาณมากพอที่จะกระตุ้นให้เกิดภูมิ โดยอาจจะต้องได้รับเพิ่มอีกหนึ่งเข็มเอนที่สองหลังจากเข็มแรก ภูมิจะป้องกันโรคได้เมื่อไร และอยู่ได้นานแค่ไหน หลังจากฉีดเข้ากล้าม 2 สัปดาห์จะตรวจพบภูมิคุ้มกันในกระแสเลือด และจะคงอยู่ได้นานอย่างน้อย 3 ปี ดังนั้นวัคซีนนี้จะป้องกันโรคได้หลังฉีด 10 วัน Recombinant DNA Hepatitis B vaccine เป็นวัคซีนที่เตรียมได้จากการที่ตัดเอา DNA ที่ควบคุมการสร้างเฉพาะส่วนผิวของเชื้อไวรัสตับอักเสบ บี แล้วนำ DNA ดังกล่าวใส่ในเชื้อแบคทีเรีย หรือยีสต์เพื่อให้เซลล์แบ่งตัว หลังจากนั้นจึงต่อเอา HBsAg ที่บริสุทธิ์ออกมาเป็นวัคซีน ข้อบ่งชี้ในการใช้ยา -
ใช้ฉีดในบุคคลที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อได้แก่ -
บุคคลากรทางการแพทย์ทุกสาขาได้แก่ แพทย์ พยาบาล ทันต์แพทย์ เจ้าหน้าที่ห้องปฏิบัติการ -
เด็กแรกเกิดที่พบเชื้อ HBsAg ในเลือด -
ผู้ป่วยที่ต้องได้รับการถ่ายเลือดบ่อยๆ -
ผู้ที่ใกล้ชิดกับคนที่มีเชื้อ HBsAg อยู่ในเลือดอยู่ตลอดเวลา -
ผู้ที่เสี่ยงต่อโรคเนื่องจากปัจจัยเสี่ยงทางพฤติกรรมทางเพศ เช่นโสเภณี รักร่วมเพศ -
ผู้ที่ติดยาเสพติดชนิดฉีด -
ผู้ที่จะเดินทางไปยังประเทศที่มีความชุกชุมของโรคสูง -
ใช้ฉีดเพื่อกระตุ้นซ้ำภายหลังจากได้รับวัคซีนฉีดครบตามกำหนด -
ใช้ฉีดเพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งตับและไวรัสตับอักเสบ ดี ขนาดและวิธีใช้ แสดงขนาดและเวลาในการฉีดวัคซีน Engeric-B | ครั้งแรก | เดือนที่1 | เดือนที่2 | เดือนที่6 | เดือนที่12 | กระตุ้นซ้ำหลัง2-3 ปี | แรกเกิด-10ปี | 1 เข็ม | 1 เข็ม | - | 1 เข็ม | - | 1 เข็ม | เด็กโตและผู้ใหญ่ | 1 เข็ม | 1 เข็ม | - | 1 เข็ม | - | 1 เข็ม | ต้องการภูมิอย่างเร่งด่วน | 1 เข็ม | 1 เข็ม | 1 เข็ม | - | 1 เข็ม | - | แสดงขนาดเวลาในการฉีด H-B vax2 | ครั้งแรก | เดือน1 | เดือน6 | กระตุ้นหลังเข็มสุดท้าย | แรกเกิด-10ปี | 0.5 ซซ. | 0.5 ซซ. | 0.5 ซซ. | ไม่ได้ระบุ | เด็กโต-ผู้ใหญ่ | 1 ซซ. | 1 ซซ. | 1 ซซ. | ไม่ได้ระบุ | ข้อควรระวังและข้อห้ามใช้ - ไม่ควรฉีดในรายที่ไวต่อส่วนประกอบของวัคซีน เช่นแพ้ยีสต์
- ควรจะเลื่อนการฉีดในกรณีที่มีไข้สูง
- ไม่ควรฉีดในหญิงมีครรภ์
- ผู้ที่ได้รับการติดเชื้อมาก่อน การฉีดวัคซีนจะไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ บี
- ผู้ที่เป็นโรคไตหรือภูมิไม่ดี ภูมิที่สร้างอาจจะสูงไม่พอ ต้องได้รับการฉีดวัคซีนเพิ่ม
- ควรเตรียมยา adrenalin เพื่อผู้ป่วยแพ้วัคซีน
ผลข้างเคียงของยา เหมือนกับการฉีดวัคซีนชนิดอื่นคือมีอาการ ปวด บวม แดง บริเวณที่ฉีดซึ่งมีอาการไม่มากและหายเองได้ใน 2-5 วัน ปฏิกิริยาระหว่างยา สามารถฉีดร่วมกับวัคซีนชนิดอื่นได้ และฉีดร่วมกับภูมิ Heppatitis B immunoglobulin ได้แต่ต้องฉีดคนละข้าง โรคตับอักเสบชนิดบี วัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบี
|