ประโยชน์ของกระชายดำ และ คุณสมบัติทางยาของกระชายดำ พร้อม กระชายดำ ชื่อวิทยาศาสตร์ ด้วยครบ!!


15,159 ผู้ชม


ประโยชน์ของกระชายดำ และ คุณสมบัติทางยาของกระชายดำ พร้อม กระชายดำ ชื่อวิทยาศาสตร์ ด้วยครบ!!

    ข้อมูลทั่วไป
    ชื่อวิทยาศาสตร์ : Kaempferia pafiflora
    ชื่อวงศ์ : ZINGIBERACEAE
    ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : เป็นพืชล้มลุกมีเหง้าใต้ดิน รากสะสมอาหารมีลักษณะเป็นปุ่ม ๆ ไม่ยาวเป็นหางไหลเหมือนกับกระชายธรรมดา ขณะต้นเล็ก จะมีแต่รากและรากนั้นเองจะเปลี่ยนเป็นหัวเมื่อโตขึ้น เนื้อในหัวอาจเป็นสีม่วงหม่น หรือสีดำดังผลลูกหว้าขึ้นอยู่กับดินที่ใช้ แต่ถือกันว่ากระชายดำที่มีคุณสมบัติที่ดีต้องสีดำสนิท
    ใบ เป็นใบเดี่ยวเรียงสลับคล้ายกระชายธรรมดา แต่มีใบใหญ่และเขียวเข้มกว่า ผลิแทงม้วนเป็นกรวยขึ้นมาจากรากไม่มีต้น
    ดอก จะออกดอกจากยอดของต้น ช่อละหนึ่งดอก มีใบเลี้ยงที่ช่อดอก ริมปากดอกสีขาว เส้นเกสรสีม่วง และเกสรมีสีเหลือง
    การขยายพันธุ์ ใช้วิธีการแบ่งเหง้า ฤดูกาลขยายพันธุ์ ทำได้ทั้งปี แต่ถ้าต้องการผลิตหัวให้มีคุณภาพ ต้องปลูกขยายพันธุ์ตามฤดูกาล ช่วงประมาณ เดือน เมษายน ถึง พฤษภาคม และ ช่วงฤดูเก็บเกี่ยว ประมาณ เดือน ธันวาคม ถึง มกราคม กระชายดำ ชอบที่ร่ม ดินร่วนซุยหรือดินปนทรายที่มีการระบายน้ำได้ดี ชอบอากาศหนาวเย็น
    กระชายดำ หรือ โสมไทย เป็นพืชสมุนไพรที่มีการตื่นตัวในเรื่องการบริโภคมาก ในยุคปัจจุบัน เนื่องจากว่ามีสรรพคุณที่เชื่อกันว่าเป็นยาสมุนไพรอายุวัฒนะชั้นหนึ่งของไทย มาแต่โบราณกาลและสามารถเพิ่มพลังทางเพศให้กับผู้รับประทานได้ซึ่งชายไทยที่ เคยบริโภคต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า "เด็ดจริงๆ" กระชายดำ ยังเป็นพืชสมุนไพรที่สำคัญประจำเผ่าม้งและมักพกติดตัวไว้ในย่ามแทบทุกคน เพื่อใช้กินแก้ปวดเมื่อย เหนื่อยหอบ หืดหอบ ที่สำคัญเชื่อว่าเพิ่มสมรรถภาพทางเพศได้เป็นอย่างดี และถือว่าเป็นความลับประจำเผ่ามาหลายร้อยปี
    ประวัติ การปลูกกระชายดำที่จังหวัดเลย นั้น สายพันธุ์ ต้นกำเนิดมาจาก ชาวเขาเผ่าม้ง ที่มาตั้ง ถิ่นฐาน ตรงบริเวณรอยต่อ ระหว่าง อำเภอชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก - อำเภอนาแห้ว จังหวัดเลย และรอยต่อกับ สาธารณะรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว สมุนไพรกระชายดำ นี้ ชาวเขาเผ่าม้งหวงแหนมาก เพราะตระหนักดีในเรื่องของสรรพคุณ เพื่อไม่ให้กระชายดำแพร่พันธุ์มาก เวลานำมาขายให้คนไทยพื้นราบ จะนำไปนึ่งให้หัวกระชายดำตายเสียก่อน เมื่อนำมาปลูก จึงไม่สามารถขยายพันธุ์ได้ ต่อมา คนไทยพื้นราบ อำเภอนาแห้ว จังหวัดเลย ติดต่อค้าขายกับชาวเขาเผ่าม้ง จึงได้แอบนำติดตัวและมาปลูกขยายพันธุ์ ปัจจุบัน ที่อำเภอนาแห้วเป็นแหล่งปลูกกระชายดำ แหล่งใหญ่แห่งหนึ่งของประเทศ
    สรรพคุณ ช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ กระตุ้นระบบประสาท แก้ปวดเมื่อย ขับปัสสาวะ ขับลม รักษาสมดุลความดันโลหิต ขยายหลอดเลือดหัวใจ โรคเก๊าต์ โรคกระเพาะอาหาร รักษาระบบการย่อยอาหารให้เกิดสมดุลย์ โรคบิด โรคเบาหวาน ลดน้ำตาลในเลือด โรคหัวใจ สำหรับสุภาพสตรีทานแล้ว จะช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนทางเพศ ทำให้โลหิตไหลเวียนดีขึ้น ผิวพรรณผุดผ่องสดใส แก้อาการตกขาว ประจำเดือนมาไม่ปกติ
    " กระชายดำ " เพราะว่ามีสรรพคุณขึ้นชื่อลือชาในเรื่องเพิ่มพลังทางเพศ ซึ่งเรียกกันทั่วไปว่า " โสมไทย "
    ซึ่งที่จังหวัดเลย เพชรบูรณ์ ปราจีนบุรี สำนักงานเกษตรจังหวัดมักนิยมแนะนำให้เกษตรกรเพาะปลูกเพราะเป็นพืชที่มีอนาคต และราคาดี
    ข้อมูลทั่วไป
    กระชายดำ มีลักษณะเหง้าหรือหัวคล้ายกับกระชายธรรมดาที่ใช้ปรุงอาหารอยู่ในครัวเรือน แต่ไม่มีรากขนาดใหญ่ที่เรียกว่า "นิ้ว" เหมือนกระชายทั่ว ๆ ไป และเมื่อพิจารณาลักษณะใบจะพบว่า ใบของกระชายดำจะใหญ่และมีสีเขียวเข้มกว่า กาบใบมีสีแดงจางและหนาอวบ กระชายดำมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Boesenbergia pandurata(Roxb.)
    อยู่ในวงศ์ ZINGIBERACEAE ลักษณะแตกต่างที่เด่นชัดกับกระชายธรรมดาก็คือ เนื้อในของหัวกระชายดำจะมีสีคล้ายดั่งผลหว้า คือมีสีออกม่วงอ่อน ๆ ไปจนถึงสีม่วงเข้มถึงดำ จึงได้ชื่อว่า "กระชายดำ" กระชายดำเป็นพืชล้มลุกจัดเป็นว่านชนิดหนึ่ง ลำต้นมีความสูงประมาณ 30 ซม. ส่วนกลางของลำต้นเป็นแก่นแข็ง มีกาบหรือโคนใบหุ้ม ใบมีกลิ่นหอม ก้านใบแทงขึ้นจากหัวในดิน ออกเป็นรัศมีติดผิว ขนาดใบกว้างประมาณ 7-15 ซม. ยาว 30-35 ซม. ลักษณะใบและลำต้นเหมือนกระชายเหลืองและกระชายแดง แต่ขอบใบและก้านใบของกระชายดำอาจมีสีม่วงแกมเล็กน้อย ดอกออกจากยอด ช่อละหนึ่งดอก มีใบเลี้ยงที่ช่อดอก ดอกมีสีชมพูอ่อน ๆ ริมปากดอกมีสีขาว กลีบรองกลีบดอกเชื่อมติดกันมีลักษณะเป็นรูปท่อ มีขน โคนเชื่อมติดกันเป็นช่อยาว เกสรตัวผู้จะเหมือนกับกลีบดอกอับเรณูอยู่ใกล้ปลายท่อ เกสรตัวเมียมีขนาดยาวเล็ก ยอดของมันเป็นรูปปากแตรเกลี้ยงไม่มีขน การขยายพันธุ์การปลูกกระชายดำก็เหมือนกับการปลูกกระชายธรรมดาโดยทั่วไป สามารถปลูกได้ดีในดินที่ร่วนซุย การระบายน้ำดี แต่ระวังอย่าให้น้ำท่วมขังเพราะจะทำให้หัวหรือเหง้าเน่าเสียได้ง่ายส่วนใน ดินเหนียวและดินลูกรังไม่ค่อยจะเหมาะสมนัก โดยธรรมชาติแล้วกระชายดำชอบขึ้นตามร่มไม้ในป่าดิบและป่าเบญจพรรณทั่วไป แต่ในที่โล่งแจ้งก็สามารถปลูกกระชายดำได้ผลดี
    คุณสมบัติ
    กระชายดำ เป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณทางยาสูงจัดได้ว่า
    เป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณทำให้คึกคักกระชุ่มกระชวย
    ช่วยสร้างความสมดุย์ของความดันโลหิตให้ไหลเวียนดีขึ้น
    ผิวพรรณผุดผ่องสดใสและแก้โรคบิดแก้ปวดท้องเป็นต้น
    สำหรับสุภาพสตรีช่วยให้ผิวพรรณมีน้ำมีนวลแก้ตกขาว
    ขยายหลอดเลือดขจัดไขมันในหลอดเลือดโรคกระเพาะ
    ความดันโลหิตสูง,เบาหวาน,โรคหัวใจ..อื่นๆ
    สรรพคุณ
    - บำรุงฮอร์โมนเพศชาย ทำให้ชายเหนือชาย
    - กระตุ้นประสาท ทำให้กระชุ่มกระชวย
    - บำรุงกำลัง
    - เป็นยาอายุวัฒนะ ชลอความแก่
    - ขับลม ขับปัสสาวะ
    - แก้โรคกระเพาะอาหาร
    - แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ เนื่องจากรับประทานอาหารไม่เป็นเวลา
    - บำรุงเลือดสตรี แก้ตกขาว ทำให้ประจำเดือนมาเป็นปกติ
    วิธีใช้
    - ใช้รากเหง้า (หัวสด) ดองสุราขาวดื่มก่อนรับประทานอาหารเย็น ปริมาณ 30 ซีซี.
    - ผู้ที่ดื่มสุราไม่ได้ ให้ฝานเป็นแว่นบางๆ แช่น้ำร้อนดื่มทุกวัน หรือจะดองกับน้ำผึ้งก็ได้
    ปริมาณการผสม
    - หัวสด ใช้ประมาณ 4-5 ขีด ต่อสุราขาว 1 ขวด
    - หัวแห้ง บดเป็นผงละเอียด ผสม น้ำผึ้ง พริกไทยป่น กระเทียมผง บอระเพ็ดผง
    ในอัตราส่วน 10 : 5 : 2 : 1 : 0.5
    หรือดองกับสุราขาว ในอัตราส่วน 30 กรัม ต่อสุราขาว 1ขวด
    หรือใช้หัวสดหรือหัวแห้งก็ได้ ดองกับน้ำผึ้ง ในอัตราส่วน 1:1
    ทานทุกวัน บำรุงกำลังดีนักแล...
    ประโยชน์
    กระตุ้นประสาททำให้กระชุ่มกระชวย บำรุงกำลัง ขับลม แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ เพิ่มฮอร์โมนทำให้สมรรถภาพทาง เพศเพิ่มขึ้น แก้ปวดเมื่อย ขับปัสสาวะ รักษาโรคความดันโลหิตสูง ขยายหลอดเลือดหัวใจ
    ส่วนประกอบ : กระชายดำแท้ 100%
    วิธีใช้ : กระชายดำ 1 ซอง ชงน้ำร้อน 1แก้ว (ประมาณ 120 ซีซี.)
    ขนาดรับประทาน : รับประทานได้ตามต้องการ
    ข้อแนะนำ : หากต้องการรสชาติที่ดีขึ้น สามารถแต่งรสด้วยน้ำตาล
    หรือน้ำผึ้งตามชอบใจ
    ขนาดบรรจุ : บรรจุ 20 ซอง ๆ ละ 500 มก. น้ำหนักสุทธิ 10 กรัม
    • ด้วยสรรพคุณเหล่านี้ชาวเขาจึงปลูกกันมาแต่โบราณกาล
    ขณะที่ชาวพื้นราบเพิ่งตื่นเต้น กับกระแสสมุนไพรไทยไม่กี่ปีมานี้เอง โดยเฉพาะบรรดาคุณผู้ชายที่เริ่มรู้ตัวว่าอ่อนเปลี้ยเพลียแรง ไม่ซู่ซ่าส์เหมือนสมัยหนุ่ม ๆ พอรู้ว่ากินแล้วเพิ่มพลังอย่างว่าเลยขวนขวายหาซื้อกันใหญ่ เนื่องจาก ราคาไม่แพงมีเงินเป็นร้อยก็หาซื้อได้ ทำให้ตลาดกระชายดำมาแรงเพราะจะไปหาซื้อไวอะกร้าก็คง สู้ราคาไม่ไหว อย่างไรก็ตามถ้าไปถามนักวิชาการ ยังไม่กล้ายืนยันเรื่องสรรพคุณทางเพศเพียงแต่ บอกเป็นนัย ๆ ว่าเป็นยาอายุวัฒนะ ทำให้กระชุ่มกระชวยและบำรุงกำลัง
    การปลูกกระชายดำ
    ฤดูปลูก
    ปลูกได้ทั้งปี แต่ฤดูปลูกที่เหมาะสมอยู่ในระหว่างเดือนมีนาคม - พฤษภาคม
    การเตรียมหัวกระชายดำสำหรับปลูก
    หัวกระชายดำหัวหนึ่งจะมีหลายแง่ง ให้บิ(หัก)ออกมาเป็นแง่งๆ ถ้าแง่งเล็กก็ 2-3 แง่ง ถ้า แง่งใหญ่สมบูรณ์ก็แค่แง่งเดียวก็พอ เพราะเมื่อกระชายดำโตขึ้น กระชายดำก็จะแตกหน่อ และเกิดหัวกระชายดำหัวใหม่ขึ้นมาแทน และจะขยายหัวและหน่อออกไปเรื่อยๆ จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับการดูแลรักษา ส่วนหัวหรือแง่งที่ใช้ปลูกในตอนแรกจะเหี่ยวและแห้งไปในที่สุด
    ก่อนนำไปปลูก ควรทารอยแผลของแง่งกระชายดำที่ถูกหักออกมาด้วยปูนกินหมาก หรือจะจุ่มในน้ำยากันเชื้อราก็ได้ แล้วผึ่งในที่ร่มจนหมาดหรือแห้ง แล้วจึงนำไปปลูก(น้ำยากันเชื้อรามีจำหน่ายตามร้านเคมีภัณฑ์การเกษตรทั่วไป ขวดเล็กๆราคาไม่ถึงร้อยบาทก็มี)
    การปลูกลงในกระถาง
    ควรใช้กระถางที่มีขนาดกลาง -ใหญ่ เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 15 - 18 นิ้ว เพื่อให้มีพื้นที่ในการขยายหัวหรือเหง้า ใส่วัสดุปลูกให้มาก ๆ ประมาณ 3 ใน 4 ส่วนของกระถาง (ปุ๋ยคอก 1 ส่วน/ดิน 2 ส่วน) จะทำให้ได้หัวที่มีคุณภาพและมีปริมาณหัวต่อต้นมาก การปลูกในกระถางควรใช้หัวหรือเหง้า ประมาณ 3 - 5 หัว(แง่ง) แล้วแต่ขนาดของกระถาง
    การปลูกลงแปลง
    ต้องเตรียมแปลงปลูก โดยการพรวนดินตากแดดทิ้งไว้นาน 5 - 7 วัน เพื่อปรับสภาพดิน ยกร่องกว้างประมาณ 1.50 เมตร ขุดหลุมลึกประมาณ 10 - 15 ซม.ใส่ปุ๋ยคอกให้พอเหมาะ แล้วทำการปลูก ระยะห่างระหว่างหลุมและแถวประมาณ 30 X 30 ซม. ใส่หัวหรือเหง้า 2 -3 หัว(แง่ง) ต่อหลุม แล้วกลบหลุมรดน้ำให้ชุ่ม
    การปลูกในไร่ (กรณีปลูกปริมาณมากๆ)
    การเตรียมดิน
    ควรไถ 2 ครั้ง ครั้งแรกไถพรวนเพื่อย่อยดิน ทำการยกร่องปลูก ระหว่างต้นประมาณ 25 - 30 ซม. ก่อนปลูกควรใส่ปูนขาวเพื่อปรับสภาพดินในอัตรา 200 - 400 กก./ไร่ ทิ้งไว้ประมาณ 15 วัน โดยฝังเง้าหรือหัวพันธุ์ลงในหลุมปลูกลึก ประมาณ 5 - 10 ซม.ในพื้นที่ 1 ไร่ จะใช้เหง้าพันธุ์ประมาณ 160 - 200 กก.
    การดูแลรักษา
    เมื่อต้นกระชายดำอายุได้ 1 เดือน ควรดายหญ้ากำจัดวัชพืชพร้อมทั้งใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักในอัตรา 1,000 กก./ไร่ (ไม่ควรใส่ปุ๋ยเคมีเพราะจะทำให้หน่อกระชายดำที่เกิดใหม่ยาว และสีของหัวกระชายดำไม่ดำ ทำให้คุณภาพเปลี่ยนไป) และเมื่อต้นกระชายดำอายุได้ 2 เดือน ให้พรวนดินกลบโคนต้นควรมีการปลูกซ่อมในหลุมที่ไม่งอก
    การเก็บเกี่ยว
    เมื่อกระชายดำอายุได้ 10 -12 เดือน สังเกตจากใบและลำต้นจะเริ่มเหี่ยวแห้งและหลุดออกจากต้น ระยะนี้ คือ ระยะพักตัวของกระชายดำเพราะจะทำให้กระชายดำมีโอกาส ได้สะสมอาหารและตัวยาได้เข้มข้นอย่างเต็มที่ เพื่อที่จะขยายพันธุ์ต่อไป จึงเป็นระยะที่เก็บเกี่ยวได้ดี ทำให้ได้กระชายดำที่มีคุณภาพดี กระชายดำที่ปลูกในเขตพื้นที่อำเภอนาแห้ว - อำเภอภูเรือ จะได้รับผลผลิตประมาณ 650 - 900 กก./ไร่
    การเก็บรักษาพันธุ์
    กระชายดำที่แก่จัดจะมีอายุประมาณ 11 - 12 เดือน หัวจะต้องสมบูรณ์ อวบใหญ่ปราศจากเชื้อโรค เก็บไว้ในที่แห้งและเย็นนาน ประมาณ 1 - 3 เดือน จึงจะนำไปปลูกต่อได้
    ความแตกต่างระหว่างกระชายดำกับกระชายม่วง
    ความแตกต่างระหว่างกระชายดำ(ดำแท้)กับกระชายม่วง
    กระชายดำ(ดำแท้) จะมีใบเขียวเข้มกว่าและเรียวยาวกว่า ส่วนใบของกระชายม่วงนั้น(รูปขวา) จะสีเขียวอ่อนและปลายค่อนข้างมน
    ที่ใต้ใบและที่ขอบใบของกระชายดำ(ดำแท้) จะมีสีม่วงแกมขึ้นมามากจนสังเกตเห็นได้ชัดเจน
    ส่วนที่ขอบใบและใต้ใบของกระชายม่วงนั้น(รูปขวา) จะมีสีม่วงแกมเล็กน้อยหรือบางต้นอาจจะไม่มีเลยก็ได้
    หัวกระชายดำ(ดำแท้) เวลาฝานออกมา เนื้อในจะมีสีม่วงคล้ำไปจนถึงสีดำสนิท
    หัวกระชายม่วง เมื่อฝานออกมา จะมีสีชมพูอ่อนปนน้ำตาล
    เมื่อแห้งจะเป็นสีน้ำตาลอ่อนๆ
    อย่างไรก็ตามยังไม่มีข้อสรุปที่แน่ชัดว่าลักษณะภายนอกของต้น กระชาย จะเป็นตัวบ่งชี้ว่าต้นใหนคือกระชายดำ(ดำแท้) และต้นใหนคือกระชายม่วง
    เพราะลักษณะภายนอกของต้นกระชายดำจะแปรเปลี่ยนไปตามสภาพภูมิ อากาศและสภาพแวดล้อม เช่น เมื่อนำหัวพันธุ์กระชายดำ(ดำแท้) ไปปลูกในที่แห่งใหม่ที่ไม่ใช่เขต อ.ภูเรือ หรือ อ.นาแห้ว จ.เลย แล้ว ที่ใต้ใบหรือที่ขอบใบของกระชายดำ อาจไม่มีสีม่วงให้เห็นเลยก็ได้ แต่ใบยังคงเป็นสีเขียวเข้มและเรียวยาวเหมือนเดิม และเมื่อถึงฤดูเก็บเกี่ยว เมื่อฝานหัวกระชายออกมาดูก็ยังเป็นกระชายดำอยู่ดี
    ดังนั้นหากท่านใดอยากได้กระชายดำที่เป็นดำแท้จริงๆ ก็ควรจะหาหัวพันธุ์ที่เป็นดำแท้ไปปลูก จะทำให้มั่นใจว่าต้นกระชายที่งอกขึ้นมาใหม่นั้น เป็นกระชายดำ สายพันธุ์ดำแท้จริงๆ
    กระชายดำ(หัวสด)
    • กระชายดำ นั้นมีสรรพคุณหลายอย่างทั้งบำรุงกำลังเพิ่มฮอร์โมนทำให้สมรรถภาพทาง เพศเพิ่มขึ้น แก้ปวดเมื่อย ขับปัสสาวะ ขับลม รักษาโรคความดันโลหิตสูง ขยายหลอดเลือดหัวใจ
    โรคเก๊าต์ โรคกระเพาะอาหาร สตรีประจำเดือนมาไม่ปกติ
    • การรับประทานนั้นหากไม่ใช่คอเหล้า ที่มักนิยมนำไปดองกับเหล้าขาวก็มักหั่นเป็นชิ้น นำไปตากแห้งแล้ว มาต้มกับน้ำรับประทานก็ได้
    บางตำราก็บอกให้นำหัวกระชายดำหั่นตากแห้งหรือหัวสดก็ได้ไปดองกับน้ำผึ้งแท้ 7 วันนำมาดื่มก่อนนอน วันละ 1 ครั้ง
    อาการมะเขือเผาก็จะทุเลาหรืออาจจะนำมาปั้นเป็นลูกกลอนก็ได้
    • ด้วยสรรพคุณเหล่านี้ชาวเขาจึงปลูกกันมาแต่โบราณกาล ขณะที่ชาวพื้นราบเพิ่งตื่นเต้น กับกระแสสมุนไพรไทยไม่กี่ปีมานี้เอง
    โดยเฉพาะบรรดาคุณผู้ชายที่เริ่มรู้ตัวว่าอ่อนเปลี้ยเพลียแรง ไม่ซู่ซ่าส์เหมือนสมัยหนุ่ม ๆ พอรู้ว่ากินแล้วเพิ่มพลังอย่างว่าเลยขวนขวายหาซื้อกันใหญ่ เนื่องจาก ราคาไม่แพงมีเงินเป็นร้อยก็หาซื้อได้ ทำให้ตลาดกระชายดำมาแรงเพราะจะไปหาซื้อไวอะกร้าก็คง สู้ราคาไม่ไหว
    อย่างไรก็ตามถ้าไปถามนักวิชาการ ยังไม่กล้ายืนยันเรื่องสรรพคุณทางเพศเพียงแต่ บอกเป็นนัย ๆ ว่าเป็นยาอายุวัฒนะ ทำให้กระชุ่มกระชวยและบำรุงกำลัง
    ลักษณะกระชายดำที่ดี
    • ลักษณะของหัวกระชายดำ(ดำแท้)นั้น จะต้องหัวไม่อวบใหญ่มากนัก เมื่อผ่าดูเนื้อใน จะมีสีม่วงคล้ำคล้ายลูกหว้าสุก ว่ากันว่าหัวกระชายดำที่มีลักษณะที่ดีนั้นเนื้อในจะต้องมี สีดำสนิท แสดงถึงการมีสรรพคุณทางยาที่เพียบพร้อมนั่นเอง
    รายละเอียดวิธีใช้
    - ใช้รากเหง้า (หัวสด) ดองสุราขาวดื่มก่อนรับประทานอาหารเย็น ปริมาณ 30 ซีซี.
    - ผู้ที่ดื่มสุราไม่ได้ ให้ฝานเป็นแว่นบางๆ แช่น้ำร้อนดื่มทุกวัน หรือจะดองกับน้ำผึ้งก็ได้ จะได้รสชาติหอมกลมกล่อม ทานง่าย
    ปริมาณการผสม
    หัวสด ใช้ประมาณ 4-5 ขีด ต่อสุราขาว 1 ขวด อาจแต่งรสด้วยน้ำผึ้งได้ตามใจชอบ หรือถ้าหากดองกับน้ำผึ้ง ใช้อัตราส่วน 1:1 ทานทุกวัน บำรุงกำลังดีนักแล
    กระชายดำ(หัวแห้ง)
    • กระชายดำ นั้นมีสรรพคุณหลายอย่างทั้งบำรุงกำลังเพิ่มฮอร์โมนทำให้สมรรถภาพทาง เพศเพิ่มขึ้น แก้ปวดเมื่อย ขับปัสสาวะ ขับลม รักษาโรคความดันโลหิตสูง ขยายหลอดเลือดหัวใจ
    โรคเก๊าต์ โรคกระเพาะอาหาร สตรีประจำเดือนมาไม่ปกติ
    • กรรมวิธีการผลิต : การทำกระชายดำแบบฝานเป็นแว่นอบแห้ง ก็โดยการนำหัวสดของกระชายดำไปล้างทำความสะอาด นำมาฝานเป็นแว่น แล้วนำเข้าตู้อบ อบให้แห้งที่อุณหภูมิสูง จนแห้งได้ที่แล้วจึงนำมาเก็บไว้ในที่แห้งและเย็น ซึ่งวิธีการนี้ จะช่วยให้เก็บรักษากระชายดำได้นาน
    • การรับประทานนั้นหากไม่ใช่คอเหล้า ที่มักนิยมนำไปดองกับเหล้าขาวก็มักหั่นเป็นชิ้น นำไปตากแห้งแล้ว มาต้มกับน้ำรับประทานก็ได้ บางตำราก็บอกให้นำหัวกระชายดำหั่นตากแห้งสดก็ได้ไปดองกับน้ำผึ้งแท้ 7 วันนำมาดื่มก่อนนอน อาการมะเขือเผาก็จะทุเลาหรืออาจจะนำมาปั้นเป็นลูกกลอนก็ได้
    • ด้วยสรรพคุณเหล่านี้ชาวเขาจึงปลูกกันมาแต่โบราณกาล
    ขณะที่ชาวพื้นราบเพิ่งตื่นเต้น กับกระแสสมุนไพรไทยไม่กี่ปีมานี้เอง
    โดยเฉพาะบรรดาคุณผู้ชายที่เริ่มรู้ตัวว่าอ่อนเปลี้ยเพลียแรง ไม่ซู่ซ่าส์เหมือนสมัยหนุ่ม ๆ พอรู้ว่ากินแล้วเพิ่มพลังอย่างว่าเลยขวนขวายหาซื้อกันใหญ่ เนื่องจาก ราคาไม่แพงมีเงินเป็นร้อยก็หาซื้อได้ ทำให้ตลาดกระชายดำมาแรงเพราะจะไปหาซื้อไวอะกร้าก็คง สู้ราคาไม่ไหว อย่างไรก็ตามถ้าไปถามนักวิชาการ ยังไม่กล้ายืนยันเรื่องสรรพคุณทางเพศเพียงแต่ บอกเป็นนัย ๆ ว่าเป็นยาอายุวัฒนะ ทำให้กระชุ่มกระชวยและบำรุงกำลัง
    รายละเอียดวิธีใช้
    - หัวแห้ง ประมาณ 15 กรัม ( 1 กล่อง ) ดองกับเหล้าขาว 1 แบน ผสมน้ำผึ้งเพื่อรสชาดที่ดีขึ้น ได้ตามชอบใจ ดื่มก่อนนอนวันละ 30 ซีซี. ( 1 เป็ก )
    -หรือ หัวแห้ง ดองกับน้ำผึ้งแท้ในอัตราส่วน 1:1
    - หรือ หัวแห้ง บดเป็นผงละเอียด ผสม น้ำผึ้ง พริกไทยป่น กระเทียมผง บอระเพ็ดผง ในอัตราส่วน 10 : 5 : 2 : 1 : 0.5 บำรุงกำลังดีนักแล...
    กระชายดำ(แบบชาชง)
    • กระชายดำ นั้นมีสรรพคุณหลายอย่างทั้งบำรุงกำลังเพิ่มฮอร์โมนทำให้สมรรถภาพทาง เพศเพิ่มขึ้น แก้ปวดเมื่อย ขับปัสสาวะ ขับลม รักษาโรคความดันโลหิตสูง ขยายหลอดเลือดหัวใจ
    โรคเก๊าต์ โรคกระเพาะอาหาร สตรีประจำเดือนมาไม่ปกติ
    • กรรมวิธีการผลิต : การทำกระชายดำแบบชาชง ก็เพียงแต่นำหัวกระชายดำที่ฝานเป็นแว่น อบให้แห้ง แล้วนำมาบดให้ละเอียด แล้วจึงบรรจุซอง
    กระชายดำแบบชาชง จะไม่มีส่วนผสมอื่นอีก จะมีแต่กระชายดำแท้ 100% เท่านั้น
    • เครื่องดื่มสมุนไพรเพื่อสุขภาพ
    ที่มา : https://www.thaikrachaidum.com https://www.thai.net/kachaidam
 

อัพเดทล่าสุด