บทความนี้จะเป็นเรื่องของสาเหตุทำให้เป็นรอยแดง-ดำหลังจากที่สิวเราหายแล้ว พร้อมกับวิธีการดูแลเบื้องต้น เห็นหลายๆคนถามถึงเรื่องนี้กันมากว่าทำไมสิวหายแล้วแต่หน้ายังเป็นรอย แดงอยู่ เลยค้นบทความนี้มาให้อ่านกันและจะได้เข้าใจเกี่ยวกับรอยแดง-ดำที่เป็นที่ หน้าเรานะครับ
รอยแดง-ดำคล้ำจากผิวอักเสบ คืออะไร เป็นอาการสีผิวไม่สม่ำเสมอที่เกิดขึ้นเมื่อผิวหายจากการอักเสบ และรวมถึงอาการเหล่านี้ด้วย -การติดเชื้อที่ผิวหนัง -อาการแพ้ -อุบัติเหตุ -ปฎิกิริยาจากการใช้ยา -อาการแพ้ยาที่ผิวหนังโดยมีปฎิกิริยาจากแสงแดดร่วมด้วย -แผลบาดเจ็บ (เช่นผิวไหม้) -ปฎิกิริยาจากการอักเสบ (เช่นสิว, ผิวหนังอักเสบ) รอย แดง-ดำคล้ำที่เกิดขึ้นนี้จะอยู่ในบริเวณที่เกิดการบาดเจ็บที่รักษาหายแล้ว จะมีสีตั้งแต่น้ำตาลอ่อนไปจนถึงดำ สีที่ดำคล้ำขึ้นเนื่องจากเผชิญกับแสงแดด (รังสียูวี) การใช้ยารักษาบางอย่างก็อาจทำให้สีผิวคล้ำขึ้น เช่นยาต้านเชื้อมาลาเรีย, ยารักษาโรคเรื้อน, เตตร้าไซคลิน, ยาต้านมะเร็งเช่น bleomycin, doxorubicin, 5-fluorouracil และ busulfan รอย ดำคล้ำนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน แต่จะเกิดได้มากกว่าในคนที่มีผิวคล้ำ อาการเหล่านี้จะเห็นได้ขัดเจนมากขึ้นเมื่อสัมผัสกับแสงแดด ตัวอย่างของอาการเหล่านี้เช่น การสัมผัสกับพิษของพืชบางชนิดแล้วแพ้ สาเหตุของการเกิดรอยคล้ำจากผิวอักเสบ เกิด จากการผลิตเม็ดสีในบริเวณที่เป็นแผลอักเสบซ้ำๆในขั้นตอนที่ผิวทำการรักษาแผล นั้น อธิบายกันอย่างละเอียดก็คือ เมลาโนไซท์ทำหน้าที่ผลิตเมลานินมากขึ้น (เม ลานินคือเม็ดสีผิว) ซึ่งจะแพร่ไปยังเคราติโนไซท์รอบ ๆ (เคราติโนไซท์ คือเซลล์ผิว) ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในกลุ่มความผิดปกติของเม็ดสีผิว (hypermelanosis) ชั้นหนังกำพร้า อีก สาเหตุหนึ่งคือความผิดปกติของเม็ดสีผิวในชั้นหนังแท้ เม็ดสีผิวที่เกิดที่ชั้นลึกลงไป จะเกิดขึ้นเมื่อการอักเสบนั้นกระจายลงไปถึงขอบเขตสุดท้ายของชั้นหนังกำพร้า ทำให้เกิดเม็ดสีผิวขึ้นที่ชั้นผิวที่อยู่ติดกับหนังกำพร้า (ชั้นบนสุดของชั้นหนังแท้)การเกิดภาวะอักเสบที่ชั้นผิวหนังกำพร้า (ชั้นนอกสุดของผิวหนัง) ที่ตอบสนองจากการบาดเจ็บหรือเป็นแผล มีผลให้ผิวหลั่งและทำปฎิกิริยากับกรดอะราชิโดนิค (arachidonic) ไปยัง prostaglandin ยากินกลุ่มโลคูเทรียน (leukotriene) และผลิตภัณฑ์อื่น ๆที่ใกล้เคียงกันนี้จะไปปรับเปลี่ยนการทำงานของภูมิคุ้มกันเซลล์ และเมลาโนไซท์และทำให้เกิดรอยแดง รอยดำได้เช่นกัน
วิธีการรักษารอยดำคล้ำจากผิวอักเสบ โดยปกติแล้วจุดด่างดำบนผิวจะค่อย ๆ จางลงและกลับเป็นสีผิวปกติได้ต้องใช้เวลา ซึ่งกระบวนการต่าง ๆ นั้นอาจใช้เวลานานถึง 6-12 เดือน หรืออาจนานถึง 2 ปีในบางรายก็เป็นได้ ผู้ป่วยควรจะได้รับการแนะนำให้ใช้ครีมกันแดดที่มีคุณภาพดีเป็นประจำทุกวัน เมื่อต้องเผชิญแสงแดดเพื่อ ป้องกันจุดด่างดำนั้นไม่ให้คล้ำขึ้นกว่าเดิม ผลิตภัณฑ์ ที่ใช้รักษาภายนอกมีมากมายที่จะช่วยให้ขาวขึ้น หรือฟอกสีจุดด่างดำที่ชั้นหนังกำพร้าได้ ส่วนใหญ่แล้วให้ผลดี แต่หากรักษาร่วมกันกับวิธีการต่าง ๆ ที่แนะนำด้านล่างนี้ก็จะให้ผลที่ชัดเจนมากขึ้น -Hydroquinone -Tretinoin Cream -Corticosteroid creams -AHA -Azelaic acid -Applecider Vinegar -Laser -Gylcolic acid peel วิธีการรักษาต่าง ๆ เหล่านี้ไม่สามารถรักษาความผิดปกติของเม็ดสีผิวที่ชั้นหนังแท้ได้ การแต่งหน้าเพื่ออำพราง – เทคนิคการใช้เมคอัพก็สามารถใช้เพื่อปกปิดอำพรางจุดด่างดำของผิวได้ โดยไม่ทำลายผิว |
ที่มา www.acnethai.com |