โครงการรถยนต์คันแรก นโยบายรถยนต์คันแรก ลดภาษีรถยนต์คันแรก รถยนต์คันแรก ลดภาษี
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
คืน ภาษีรถคันแรกส่อแววเละ ช่องโหว่เพียบ โดยเฉพาะหลังได้เงินคืนแล้วเลิกผ่อน "สรรพสามิต" รับไม่มีกฎหมายบังคับ เอกชนยันตามรถคืนได้ต้องจ่ายไฟแนนซ์ก่อนคืนรัฐ ฟรีดาวน์ 0% ไม่มีแน่ เพราะเสี่ยง
เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2554 นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวถึงมาตรการคืนภาษีสรรพสามิตรถยนต์คันแรกว่า ผู้สนใจสามารถเข้าไปดูเว็บไซต์ www.excise.go.th ได้หลังวันที่ 16 ก.ย. ซึ่งจะมีรายละเอียดและขั้นตอนปฏิบัติต่าง ๆ โดยเฉพาะรายละเอียดรถยนต์แต่ละยี่ห้อ ว่ามีภาษีที่จะได้รับคืนจำนวนเท่าใด ซึ่งผู้ซื้อรถคันแรกที่ขอคืนเงิน ต้องส่งหลักฐานครบ 7 อย่าง ภายในวันที่ 31 ธ.ค.2555 ซึ่งกรมฯ จะใช้เวลา 7 วัน ยืนยันการได้รับคืนภาษี และผู้ซื้อรถจะได้รับเงินหลังซื้อแล้ว 1 ปี
"ตั้งงบไว้ 3 หมื่นล้านบาท รองรับในปี 2556 แต่หากมีผู้ใช้สิทธิมากก็อาจขอเพิ่มงบจากรัฐบาลในอนาคต"
ขณะที่ นายจุมพล ริมสาคร รองอธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า มาตรการนี้จะยึดตามข้อมูลกรมขนส่งเป็นลำดับแรก แต่หากข้อมูลไม่สมบูรณ์ก็ต้องตรวจสอบต่อ ซึ่งหากพบภายหลังว่าไม่ใช่ผู้ซื้อรถยนต์คันแรกจริง ก็ต้องยึดเงินกลับคืน ส่วนกรณีรถติดไฟแนนซ์ก็มี 2 กรณีคือ ไฟแนนซ์ติดตามและนำมาคืนรัฐ แต่หากเกิดเหตุสุดวิสัย ก็ต้องให้ส่วนราชการติดตามคืน ทั้งนี้ การคืนไม่ใช่การคืนตามบทบัญญัติกฎหมาย และไม่ใช่คืนภาษี จึงไม่มีกฎหมายบังคับการกระทำผิด แต่จะมีเงื่อนไขระบุไว้ ซึ่งจะไม่มีเบี้ยปรับ แต่อาจมีดอกเบี้ยทางแพ่ง
ด้าน นายชลิต ศิลป์ศรีสุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารทิสโก้ ในฐานะรองประธานสมาคมธุรกิจเช่าซื้อไทย กล่าวว่า กรณียึดรถนั้นต้องปฏิบัติตามกฎหมายเช่าซื้อก่อน คือคืนหนี้เช่าซื้อก่อน จึงคืนเงินให้รัฐได้ ซึ่งมาตรการครั้งนี้อาจทำให้สถาบันการเงินที่ปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อ ต้องเพิ่มเงื่อนไขมากกว่าปกติ โดยเฉพาะการวางเงินดาวน์ 0% อาจไม่สามารถทำได้ เพราะภายหลังจากที่ครบ 1 ปี เมื่อผู้ซื้อได้รับเงินภาษีคืนไปแล้ว 1 แสนบาท อาจกระตุ้นให้ผู้ซื้อเลิกผ่อนชำระต่อ สถาบันการเงินจึงต้องเพิ่มเงินดาวน์ เพื่อลดความเสี่ยง และยังกังวลว่ามาตรการจะกระตุ้นให้ผู้เช่าซื้อกลุ่มใหม่ที่มีกำลังซื้อไม่ มากพอเข้ามาซื้อรถยนต์เพิ่มขึ้น หรืออาจสวมสิทธิซื้อแทนกันเพื่อหวังได้รับการคืนภาษี
ทางฝั่งของนายกรณ์ จาติกวณิช ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีเงา กล่าวว่า ถือ เป็นการใช้เงินภาษีที่ไม่คุ้มค่า โดยควรนำเงิน 3 หมื่นล้านบาทไปลดค่าโดยสารรถไฟฟ้าให้เหลือ 20 บาทตลอดสาย ตามนโยบายที่รัฐบาลเคยประกาศไว้ดีกว่า เพราะรองรับผู้โดยสาร 5 แสนคนต่อวันได้ถึง 30 ปี
นายกรณ์ตั้งข้อสังเกตว่า รัฐบาลชุดนี้จะรีดภาษีจากใครมากขึ้น เพื่อชดเชยรายได้ที่หายไปจากการดำเนินมาตรการตามนโยบายประชานิยม ต้องการให้รัฐบาลชี้แจงเรื่องนี้ให้ชัดเจน เพราะเชื่อว่าสุดท้ายคงไม่พ้นภาษีสรรพากร ไม่ว่าจะเป็นภาษีบุคคลธรรมดา และภาษีมูลค่าเพิ่ม และอยากให้ยืนยันกฎหมายภาษีที่ดิน และสิ่งปลูกสร้าง ที่พรรคเพื่อไทยเคยยืนยันไว้ในหลายเวทีว่าพร้อมสนับสนุนด้วย
วันเดียวกัน นายเคร็ก สเตฟเฟนเซน ผู้อำนวยการ สำนักงานธนาคารพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) ประจำประเทศไทย เผยว่า เอดีบีได้ปรับลดอัตราการขยายตัวเศรษฐกิจไทยปีนี้จาก 4.5% เหลือ 4.0% และปีหน้าปรับจาก 4.8% เหลือ 4.5% โดยได้รวมผลของมาตรการนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทต่อวัน และภาษีรถยนต์คันแรกแล้ว แต่ภาพเศรษฐกิจโดยรวมยังชะลอตัว เนื่องจากครึ่งปีแรกขยายตัวต่ำมากเพียง 2.9% เพราะถูกกระทบจากภัยพิบัติในญี่ปุ่น
"ช่วงที่เหลือของปียังมีความเสี่ยงจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและประเทศคู่ค้า และยังมีแรงกดดันจากการเร่งตัวเงินเฟ้อ" นายเคร็กระบุ
เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยอมรับว่า การปรับลดคาดการณ์จีดีพีไทยของเอดีบีถือว่าใกล้เคียงกับที่ ธปท.ประเมินไว้อยู่แล้ว
[14 กันยายน] เปิดหลักเกณฑ์คืนภาษี รถคันแรก ซื้อก่อนปี 49 ส้มหล่น!!!
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
ทันทีที่ มติ ครม.เมื่อวันที่ 13 กันยายน ไฟเขียวมาตรการคืนภาษีสรรพสามิตรถยนต์คันแรกไม่เกิน 1 แสนบาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ก็ส่งผลให้ทั้งผู้ที่ฝันอยากจะมีรถคันแรกหลายคนถึงกับเฮ ที่จะได้รับสิทธิจากนโยบายนี้ ขณะที่ค่ายรถน้อยใหญ่ต่างก็ขานรับ และเร่งปรับกลยุทธ์กระตุ้นยอดขายกันจ้าละหวั่น หลังจากก่อนหน้านี้นโยบายดังกล่าวยังสร้างความสับสนในรายละเอียด ส่งผลให้ผู้บริโภคชะลอการซื้อรถยนต์เป็นจำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ใครจะเดินเข้าไปเลือกซื้อรถยนต์ เพื่อรับสิทธิ์คืนภาษีแล้ว ผู้ ซื้อต้องตรวจสอบหลักเกณฑ์ของนโยบายนี้ให้แน่ชัดเสียก่อน เพื่อพิจารณาให้ดีว่า เราเข้าข่ายได้รับสิทธินี้หรือไม่ ซึ่งหลักเกณฑ์นโยบายรถคันแรก มีดังนี้
1. ต้องเป็นรถยนต์คันแรกของผู้ซื้อ
2. ต้องทำสัญญาซื้อขายรถยนต์ตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน พ.ศ.2554-31 ธันวาคม พ.ศ.2555
3. เป็นรถยนต์ราคาขายปลีกไม่เกิน 1 ล้านบาทต่อคัน
4. เป็นรถยนต์นั่ง ขนาดความจุกระบอกสูบไม่เกิน 1,500 ลูกบาศก์เซนติเมตร/รถกระบะ (Pick up)/รถยนต์นั่งกึ่งบรรทุก (Double Cab)
5.เป็นรถยนต์ที่ผลิตขึ้นในประเทศ ไม่รวมถึงรถยนต์ที่ประกอบจากชิ้นส่วนนำเข้าใช้แล้วจากต่างประเทศ (รถยนต์จดประกอบ)
6. คืนเงินเท่ากับค่าภาษีตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 1 แสนบาทต่อคัน
7. ผู้ซื้อต้องมีอายุ 21 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
8. ผู้ซื้อต้องครอบครองรถยนต์ไม่น้อยกว่า 5 ปี หากผู้ซื้อรถไม่สามารถผ่อนต่อได้ หรือมีเหตุอย่างอื่น จะต้องคืนเงินภาษีที่ได้รับให้กรมสรรพสามิต หากไม่ดำเนินการ ทางกรมสรรพสามิตจะใช้วิธีการทางศาล เพื่อให้สั่งให้คืนทะเบียนรถยนต์
9. การคืนเงินจะคืนเมื่อครอบครองรถยนต์ 1 ปีไปแล้ว โดยจะเริ่มจ่ายคืนให้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2555 เป็นต้นไป ซึ่งกรมสรรพสามิตจะจ่ายผ่านทางเช็คเงินสดครั้งเดียวเต็มจำนวน
10. สามารถซื้อรถแบบเงินผ่อนผ่านไฟแนนซ์ หรือเงินสดก็ได้
11. รถมือสองไม่สามารถเข้าร่วมโครงการนี้ได้ เนื่องจากรถมือสองไม่มีภาษีสรรพสามิตในการซื้อ-ขาย
สำหรับ แนวทางการดำเนินงาน หลังจากซื้อรถยนต์ตามหลักเกณฑ์ข้างต้นในช่วงวันที่ 16 กันยายน พ.ศ.2554-31 ธันวาคม พ.ศ.2555 แล้วนั้น ผู้ซื้อรถคันแรกต้องยื่นคำขอคืนเงินกับกรมสรรพสามิต หรือสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ พร้อมเอกสารหลักฐาน ดังนี้
- หนังสือยินยอมสละสิทธิการโอนภายใน 5 ปี
- สำเนาบัตรประชาชนและทะเบียนบ้านของผู้ซื้อ
- สำเนาหนังสือสัญญาเช่าซื้อ (ในกรณีเช่าซื้อ)
จากนั้นกรมสรรพสามิต หรือสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ จะส่งหนังสือถึงกรมการขนส่งทางบก หรือสำนักงานขนส่งจังหวัด เพื่อขอตรวจสอบการครอบครองรถยนต์คันแรก และแจ้งการสละสิทธิการโอนภายใน 5 ปีของผู้ซื้อ ก่อนที่กรมการขนส่งทางบกหรือสำนักงานขนส่งจังหวัดตรวจสอบและบันทึก "ห้ามโอนภายใน 5 ปี" ลงในคอมพิวเตอร์และในสมุดคู่มือการจดทะเบียน
เมื่อบันทึก "ห้ามโอนภายใน 5 ปี" ลงในคอมพิวเตอร์แล้ว กรมการขนส่งทางบก หรือสำนักงานขนส่งจังหวัด จะส่งหนังสือรับรองการครอบครองรถยนต์คันแรก และสำเนาคู่มือการจดทะเบียนที่บันทึก "ห้ามโอนภายใน 5 ปี" ให้กรมสรรพสามิต หรือสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ เมื่อกรมสรรพสามิต หรือสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ตรวจสอบเอกสารหลักฐานต่าง ๆ เรียบร้อยแล้ว จะสั่งจ่ายเช็คเงินสดคืนให้แก่ผู้ซื้อตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2555 เป็นต้นไป
ทั้ง นี้ จากการตรวจสอบจากราคารถยนต์ และอัตราภาษีของรถยนต์ประเภทต่าง ๆ ในท้องตลาด เพื่อคิดเป็นสัดส่วนเงินภาษีที่จะได้รับคืน จะพบว่า
- รถอีโคคาร์ ราคาประมาณคันละ 3.75-5.4 แสนบาท เก็บภาษี 17% ผู้ซื้อจะได้รับเงินคืนเฉลี่ย 45,000 บาท
- รถยนต์นั่งขนาดเล็ก (ไม่เกิน 1,500 ซีซี) ราคาประมาณคันละ 5-7 แสนบาท เก็บภาษี 25% ผู้ซื้อจะได้รับเงินคืนสูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท
- รถกระบะ 2 ประตู ราคาประมาณคันละ 3-5 แสนบาท เก็บภาษี 3% ผู้ซื้อจะได้รับเงินเฉลี่ย 10,000 บาท
- รถกระบะ 4 ประตู ราคาประมาณคันละ 7-8 แสนบาท เก็บภาษี 12% ผู้ซื้อจะได้รับเงินคืนเฉลี่ย 60,000 บาท
โดยมาตรการการคืนเงินภาษีดังกล่าวนี้ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง มั่นใจว่าจะก่อให้เกิดผลดีต่อระบบเศรษฐกิจ เพราะรัฐบาลสามารถจัดเก็บภาษีได้ทุกประเภท ทั้งภาษีรถยนต์ ภาษีเงินได้นิติบุคคล รวมถึงภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งเป็นเงินที่มากกว่าจำนวนเงินที่จะต้องใช้คืนภาษีรถคันแรก โดยจะใช้งบประมาณราว 3 หมื่นล้านบาท และเบื้องต้นคาดว่าจะมีผู้ยื่นจดทะเบียนซื้อรถยนต์คันแรกประมาณ 5 แสนคัน
อย่างไรก็ตาม รมช.คลัง ยอมรับว่า ยังไม่ได้หารือแนวทางการป้องกันการสวมสิทธิ์ แต่ก็จะขอร้องให้ผู้ที่จะมาสวมสิทธิ์แสดงความเห็นใจบุคคลที่ยังไม่เคยมีรถ ยนต์เป็นของตัวเองด้วย
ขณะที่ นายเทียนโชติ จงพีร์เพียร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) กล่าวถึงการดำเนินงานตามมาตรการรถคันแรก ว่า ทางกรมขนส่งทางบกจะเชื่อมโยงฐานข้อมูลรายชื่อการยื่นจดทะเบียนการครอบครองรถยนต์ไปยังกรมสรรพสามิต เพื่อตรวจสอบว่า ผู้ที่ยื่นขอใช้สิทธิลดหย่อนภาษีรถคันแรกเคยเป็นเจ้าของรถยนต์มาก่อนหรือไม่ หากพบว่ามีรายชื่ออยู่ก็จะถูกตัดสิทธิทันที
สำหรับโครงการนี้ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ยอมรับว่า ยัง มีปัญหาเรื่องฐานข้อมูลการยื่นจดทะเบียนรถยนต์ เพราะฐานข้อมูลมีบันทึกไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ถึงปัจจุบันเท่านั้น แต่ช่วงก่อนหน้าปี พ.ศ.2549 ยังไม่ได้มีการเชื่อมฐานข้อมูลให้ออนไลน์ทั่วประเทศ ทำให้ฐานข้อมูลไม่สมบูรณ์ โดยเฉพาะในต่างจังหวัด ดังนั้น อาจต้องยกประโยชน์ให้กับผู้ที่เคยยื่นจดทะเบียนซื้อรถยนต์ก่อนปี พ.ศ.2549 สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้เช่นกัน
รถคันแรก สรรพสามิตคืนภาษีทางตรงให้ผู้ซื้อ (ไอเอ็นเอ็น)
บุญ ทรง เผยซื้อรถคันแรก สรรพสามิตคืนภาษีทางตรงให้ผู้ซื้อ ไม่ต้องขอลดหย่อน เมินดึงรถมือสองร่วมโครงการ เหตุปลอดภาษีสรรพสามิตในการซื้อ - ขายอยู่แล้ว
นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า หลังจากที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติมาตรการคืนภาษีสรรพสามิตรรถยนต์คันแรกไม่เกิน 100,000 บาท ไปเมื่อวานนี้ (13 กันยายน) โดยในวันนี้ (14 กันยายน) ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทางด้านภาษีเข้าหารือที่กระทรวงการคลัง รวมถึงผู้ประกอบการรถยนต์ในประเทศ สถาบันการเงินที่ปล่อยสินเชื่อและบริษัทประกันภัยเข้าฟัง ชี้แจง และรับทราบปัญหา โดยรถกระบะเชิงพาณิชย์ เริ่มเก็บภาษีสรรพสามิตที่ 3 % ดับเบิ้ลแคป 12 % อีโคคาร์ 17 % และรถยนต์นั่ง ประมาณกว่า 120 %
ทั้งนี้ รูปแบบการคืนภาษีรถยนต์คันแรกให้กับผู้ซื้อนั้น กระทรวงการคลังจะยึดตามมติ ครม. เมื่อวานนี้ (13 กันยายน) ที่ให้คืนภาษีสรรพสามิตโดยตรงให้กับผู้ซื้อรถ โดยไม่ต้องเข้าแบบฟอร์มยื่นเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเพื่อขอลดหย่อนภาษี โดยกระทรวง การคลังจะคืนเงินให้เป็นเช็คไม่เกิน 100,000 บาท แต่ผู้ซื้อต้องมีคุณสมบัติตามที่กำหนด เช่น อายุไม่ต่ำกว่า 21 ปี ไม่เคยเป็นเจ้าของรถมาก่อน ห้ามเปลี่ยนมือภายใน 5 ปี ขนาดของเครื่องยนต์ไม่เกิน 1,500 ซีซี ราคาไม่เกิน 1,000,000 บาท และเป็นรถยนต์นั่ง รถกระบะ กระบะดับเบิ้ลแคป ส่วนจะซื้อแบบผ่อนผ่านไฟแนนซ์ หรือเป็นเงินสดก็สามารถดำเนินการได้
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของรถยนต์มือสอง ยังไม่รวมเข้าโครงการนี้ เนื่องจากรถมือสอง ไม่มีภาษีสรรพสามิตในการซื้อ - ขาย
[13 กันยายน] ครม.ไฟเขียว ลดภาษีรถคันแรก
นายกฯ เผย ครม. อนุมัตินโยบายลดภาษีรถคันแรก มีผล 1 ก.ย.นี้ ส่วนโยกย้ายอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ให้ รมว.ยุติธรรม เป็นผู้ตอบ
เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2554 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในการประชุม คณะรัฐมนตรี ได้มีการอนุมัติการลดภาษีรถคันแรก 100,000 บาท โดยให้มีผลตั้งแต่ วันที่ 1 กันยายน 2554 เป็นต้นไป และที่ประชุมยังมีการพิจารณาเรื่องการโยกย้ายข้าราชการในส่วนของกระทรวง ยุติธรรม ส่วนการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการโยกย้าย อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ว่า เพื่อต้องการเปิดทางช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ให้ทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นผู้ชี้แจงจะดีกว่า
นอกจากนี้ นายกฯ ยังกล่าวด้วยว่า ในวันพรุ่งนี้ เวลา 20.30 - 23.00 น. ทางรัฐบาลได้จัดงานรวมพลังไทยช่วยไทยน้ำท่วม โดยสำนักนายกรัฐมนตรีและภาคส่วนต่าง ๆ ได้ร่วมมือกัน เพื่อนำรายได้ช่วยประชาชนที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ต่าง ๆ ซึ่งในงานทางคณะรัฐมนตรี ศิลปิน และดารา จะช่วยกันรับบริจาค โดยจะมีการถ่ายทอดสด จึงขอเชิญชวนประชาชนร่วมด้วยช่วยกัน
เปิดหลักเกณฑ์ ลดภาษีรถคันแรก
1. จะต้องเป็นผู้ที่มีอายุไม่ต่ำกว่า 21 ปี และไม่เคยเป็นเจ้าของรถยนต์คันใดมาก่อน
2. จะต้องซื้อในระหว่างวันที่ 1 กันยายน 2554 ถึง 31 ธันวาคม 2555
3. ต้องเป็นรถยนต์นั่งขนาดเครื่องยนต์ไม่เกิน 1,500 ซีซี หรือรถกระบะไม่จำกัดขนาดเครื่องยนต์ ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท
4. ต้องขึ้นทะเบียนเพื่อประทับตราห้ามซื้อขายแลกเปลี่ยนมือลงในสมุดทะเบียนรถยนต์คันดังกล่าว เป็นระยะเวลา 5 ปี
5. ต้องจ่ายเงินในราคาเต็มไปก่อน และเมื่อถือครองรถยนต์ครบ 1 ปี ให้มาติดต่อทางกรมสรรพสามิตพื้นที่ เพื่อขอเงินชดเชยคืนในอัตราที่จ่ายภาษีไป
จับตา ครม.วันนี้ ถกจำนำข้าว-ภาษีรถคันแรก
วาระสำคัญประชุม ครม.วันนี้ พิจารณาหลักเกณฑ์การรับจำนำข้าวและรายชื่อ กขช. ด้านกระทรวงการคลัง ชงคืนเงินภาษี 1 แสนบาทผู้ซื้อรถคันแรก และจับตาการโยกย้าย ขรก.ยุติธรรม
การ ประชุมคณะรัฐมนตรี โดยมี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในการประชุมวันนี้ มีวาระสำคัญ คือ การพิจารณาเรื่องหลักเกณฑ์การรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ฤดูการผลิตปี 2554 และ 2555 ทั้งในเรื่องของราคา การรับจำนำข้าว รายชื่อคณะอนุกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ รวมทั้งการตั้งคณะกรรมการองค์การคลังสินค้า นอกจากนี้ กระทรวงการคลังเตรียมเสนอโครงการปล่อยกู้บ้านหลังแรกดอกเบี้ย 0 % และการคืนเงินภาษี 100,000 บาท สำหรับผู้ที่ซื้อรถคันแรกเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุม
นอกจากนี้ ในการประชุม ครม. ยังต้องจับตาการโยกย้ายข้าราชการ ภายหลังจากมีรายงานข่าวว่า รัฐมนตรี ว่าการกระทรวงยุติธรรมได้จัดทำบัญชีรายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับ 10 เพื่อทดแทนข้าราชการที่จะครบเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 ก.ย.นี้ เพื่อเสนอให้เลขาธิการคณะรัฐมนตรีบรรจุเป็นวาระเพื่อพิจารณาในการประชุม
อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการประชุมคณะรัฐมนตรีเสร็จสิ้น นายกรัฐมนตรีก็จะเดินทางเข้าที่ทำการพรรคเพื่อไทยต่อไป
[30 สิงหาคม] คลังสรุปลดภาษีรถคันแรก ให้เฉพาะอีโคคาร์-กระบะ
กระทรวง คลัง สรุปลดภาษีสรรพสามิต รถยนต์คันแรก ให้เฉพาะรถกระบะ และอีโคคาร์ ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท เร่งเสนอ ครม. ให้ประกาศบังคับใช้ในเดือน ต.ค. นี้
วันนี้ (30 สิงหาคม) นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ความคืบหน้าโครงการรถคันแรก ในขณะนี้ได้ข้อสรุปเบื้องต้นว่า ทาง รัฐบาลจะมีการลดหย่อนภาษีให้ในส่วนเฉพาะรถกระบะ และรถยนต์อีโคคาร์ เท่านั้น ซึ่งจะต้องมีราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท โดยจะปรับลดหย่อนในส่วนของภาษีสรรพสามิตให้เต็มจำนวน แต่ไม่เกินวงเงิน 1 แสนบาท ซึ่งจะนำไปลดหย่อนในการเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลธรรมดา ในระยะเวลา 5 ปี กับทางกรมสรรพากร ทั้งนี้มีผู้สิทธิลดหย่อนภาษี จะต้องเป็นผู้ที่อยู่ในระบบภาษีของกรมสรรพากรเท่านั้น ส่วนผู้ที่ไม่ได้อยู่ในระบบภาษีกรมสรรพากรจะไม่ได้รับสิทธิ์ ซึ่งในรายละเอียดต่าง ๆ นั้น คงต้องให้ทางกรมสรรพากรไปหาข้อสรุปร่วมกับกรมสรรพสามิตต่อไป
นาย บุญทรง กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า โครงการดังกล่าวจะเร่งเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีให้ได้โดยเร็วที่สุด เพื่อให้มีการประกาศในเดือน กันยายน และให้มีผลบังคับใช้ในเดือนตุลาคม 2554
[29 สิงหาคม] คลังเดินหน้า นโยบายลดภาษีรถยนต์คันแรก
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
คลังมาตามสัญญา เตรียมลดภาระภาษีรถยนต์คันแรกตามที่หาเสียงไว้ เน้นรถราคาไม่เกินล้าน ห้ามเปลี่ยนมือ 5 ปีแรก
เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวระหว่างมอบนโยบายให้กับผู้บริหารกรมสรรพากร ว่า กระทรวง การคลังกำลังเดินหน้านโยบายรถยนต์คันแรก ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายระยะสั้นตามที่หาเสียงไว้ เพื่อต้องการให้คนทำงาน นักศึกษาจบใหม่ที่เพิ่งเข้าทำงาน มีรถยนต์คันแรกไว้ใช้ในการประกอบอาชีพ หรือขับไปทำงาน เน้นรถยนต์ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท เช่น รถปิกอัพ รถยนต์ส่วนบุคคล ห้ามเปลี่ยนมือในช่วง 5 ปีแรก
สำหรับ แนวทางการลดภาระภาษี จะใช้แนวทางการลดหย่อนภาษี ซึ่งขณะนี้กำลังหาข้อสรุปอยู่ โดยจะนำข้อสรุปทั้งหมดเสนอพร้อมกับนโยบายอื่นให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พิจารณา และในฐานะกำกับดูแล 3 กรมจัดเก็บรายได้ จะหารือกับอธิบดีทั้ง 3 กรมอีกครั้ง เกี่ยวกับแนวทางการจัดเก็บภาษี รองรับการดำเนินนโยบายด้านเศรษฐกิจของรัฐบาล
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก