ำหรับหลักเกณฑ์และแนวทางดำเนินการในโครงการดังกล่าว มีดังนี้
1.เป็นรถยนต์คันแรกของผู้ซื้อ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2554 จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2555
2.เป็นรถยนต์ราคาขายปลีกไม่เกิน 1 ล้านบาทต่อคัน
3.เป็นรถยนต์นั่ง ขนาดความจุกระบอกสูบไม่เกิน 1,500 ลูกบาศก์เซนติเมตร/รถกระบะ (Pick up)/รถยนต์นั่งกึ่งบรรทุก (Double Cab)
4.เป็นรถยนต์ที่ผลิตขึ้นในประเทศ ไม่รวมถึงรถยนต์ที่ประกอบจากชิ้นส่วนนำเข้าใช้แล้วจากต่างประเทศ (รถยนต์จดประกอบ)
5.คืนเงินเท่ากับค่าภาษีตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 1 แสนบาทต่อคัน
6.ผู้ซื้อต้องมีอายุ 21 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
7.ผู้ซื้อต้องครอบครองรถยนต์ไม่น้อยกว่า 5 ปี
8.การคืนเงินจะคืนเมื่อครอบครองรถยนต์ 1 ปี ไปแล้ว (เริ่มจ่ายคืนให้ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2555 เป็นต้นไป)
แนวทางการดำเนินงาน
1.ผู้ซื้อรถยนต์ดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2554 ถึงวันที่ 31 ธ.ค.2555 ต้องยื่นคำขอคืนเงินกับกรมสรรพสามิตหรือสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ พร้อมเอกสารหลักฐาน ดังนี้
-หนังสือยินยอมสละสิทธิการโอนภายใน 5 ปี
-สำเนาบัตรประชาชนและทะเบียนบ้านของผู้ซื้อ
-สำเนาหนังสือสัญญาเช่าซื้อ (ในกรณีเช่าซื้อ)
2.กรมสรรพสามิตหรือสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่มีหนังสือถึงกรมการขนส่งทาง บกหรือสำนักงานขนส่งจังหวัด เพื่อขอตรวจสอบการครอบครองรถยนต์คันแรก และแจ้งการสละสิทธิการโอนภายใน 5 ปีของผู้ซื้อ
3.กรมการขนส่งทางบกหรือสำนักงานขนส่งจังหวัดตรวจสอบและบันทึก “ห้ามโอนภายใน 5 ปี” ลงในคอมพิวเตอร์และในสมุดคู่มือการจดทะเบียน
4.กรมการขนส่งทางบกหรือสำนักงานขนส่งจังหวัดส่งหนังสือรับรองการครอบครอง รถยนต์คันแรก และสำเนาคู่มือการจดทะเบียนที่บันทึก “ห้ามโอนภายใน 5 ปี” ให้กรมสรรพสามิตหรือสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่
5.กรมสรรพสามิตหรือสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ตรวจสอบเอกสารหลักฐานต่างๆ และสั่งจ่ายเช็คให้แก่ผู้ซื้อตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2555 เป็นต้นไป
ตารางสรุป ราคารถแต่ละรุ่น เมื่อได้ส่วนลดหักภาษี จากนโยบายคืนภาษีรถยนต์คันแรกมาดูกันว่าได้คันละกี่บาท
ขอบคุณ ตารางคำนวณโดย Narin-nar @pantip.com
จากนโยบาย คืนภาษี รถยนต์ คันแรก อาจทำให้ใครหลายคน ที่กำลังคิดซื้อ รถยนต์ ต้องอดใจนั่งรอฟังนโยบายกัน ตอนนี้ นโยบายชัดเจนแล้ว มาดูกันครับ ว่าแต่ละรุ่น ได้ส่วนลดกันไปเท่าไหร่
รายละเอียดข้อมูล เงื่อนไขต่างๆ ของนโยบาย
https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=khemtid&month=13-09-2011&group=13&gblog=12
-----------
https://www.promotiontoyou.com/2011/09/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%94%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%99%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A9%E0%B8%B5%E0%B8%A3%E0%B8%96%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%8C%E0%B8%84%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%90%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%A5/
หลักเกณฑ์การคืนเงินสำหรับรถยนต์คันแรก หลักเกณฑ์และ รายละเอียด นโยบาย คืนภาษี รถยนต์คันแรกเข้าสู่ ครม. 13 ก.ย. 54
เปิดรายละเอียดหลักเกณฑ์การคืนเงินสำหรับรถยนต์คันแรกที่กระทรวงการคลังจะเสนอขออนุมัติต่อที่ประชุมครม.ในวันที่ 13 ก.ย.นี้
การ ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 13 ก.ย. กระทรวงการคลังจะเสนอที่ประชุมเพื่อขออนุมัติเรื่อง "การคืนเงินสำหรับรถยนต์คันแรก" ตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องเร่งดำเนินการให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2555-31 ธ.ค.2555 โดยมีรายละเอียดของการดำเนินการต่างๆดังนี้
หลักเกณฑ์การคืนเงินสำหรับรถยนต์คันแรก
1.เป็นรถยนต์คันแรกของผู้ซื้อที่ซื้อตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2554 จนถึงวันที่ 31 ธ.ค.2555
2.เป็นรถยนต์ราคาขายปลีกไม่เกิน 1 ล้านบาทต่อคัน
3.เป็นรถยนต์นั่ง ขนาดความจุกระบอกสูบไม่เกิน 1,500 ลูกบาศก์เซนติเมตร/รถกระบะ (Pick up)/รถยนต์นั่งกึ่งบรรทุก (Double Cab)
4.เป็นรถยนต์ที่ผลิตขึ้นในประเทศ ไม่รวมถึงรถยนต์ที่ประกอบจากชิ้นส่วนนำเข้าใช้แล้วจากต่างประเทศ (รถยนต์จดประกอบ)
5.คืนเงินเท่ากับค่าภาษีตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 1 แสนบาทต่อคัน
6.ผู้ซื้อต้องมีอายุ 21 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
7.ผู้ซื้อต้องครอบครองรถยนต์ไม่น้อยกว่า 5 ปี
8.การคืนเงินจะคืนเมื่อครอบครองรถยนต์ 1 ปี ไปแล้ว (เริ่มจ่ายคืนให้ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2555 เป็นต้นไป)
แนวทางการดำเนินงาน
1.ผู้ ซื้อรถยนต์ดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2554 ถึงวันที่ 31 ธ.ค.2555 ต้องยื่นคำขอคืนเงินกับกรมสรรพสามิตหรือสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ พร้อมเอกสารหลักฐาน ดังนี้
-หนังสือยินยอมสละสิทธิ์การโอนภายใน 5 ปี
-สำเนาบัตรประชาชนและทะเบียนบ้านของผู้ซื้อ
-สำเนาหนังสือสัญญาเช่าซื้อ (ในกรณีเช่าซื้อ)
2.กรม สรรพสามิตหรือสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่มีหนังสือถึงกรมการขนส่งทางบกหรือ สำนักงานขนส่งจังหวัด เพื่อขอตรวจสอบการครอบครองรถยนต์คันแรก และแจ้งการสละสิทธิ์การโอนภายใน 5 ปีของผู้ซื้อ
3.กรมการขนส่งทางบกหรือสำนักงานขนส่งจังหวัดตรวจสอบและบันทึก “ห้ามโอนภายใน 5 ปี” ลงในคอมพิวเตอร์และในสมุดคู่มือการจดทะเบียน
4.กรมการ ขนส่งทางบกหรือสำนักงานขนส่งจังหวัดส่งหนังสือรับรองการครอบครองรถยนต์คัน แรก และสำเนาคู่มือการจดทะเบียนที่บันทึก “ห้ามโอนภายใน 5 ปี” ให้กรมสรรพสามิตหรือสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่
5.กรมสรรพสามิตหรือ สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ตรวจสอบเอกสารหลักฐานต่างๆ และสั่งจ่ายเช็คให้แก่ผู้ซื้อตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2555 เป็นต้นไป
กระทรวง การคลังเสนอครม.อนุมัติและจัดสรรงบประมาณในปีงบประมาณ 2555 จำนวน 100 ล้านบาทเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการ และเสนออนุมัติจัดสรรงบประมาณในปีงบประมาณ 2556 จำนวน 3 หมื่นล้านบาท เพื่อคืนเงินสำหรับรถยนต์คันแรกเท่ากับค่าภาษีตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกินคันละ 1 แสนบาท
กระทรวงการคลังเสนอให้ครม.อนุมัติใน หลักการให้หัวหน้าส่วนราชการกรมสรรพสามิต (อธิบดีกรมสรรพสามิต) หรือผู้ที่อธิบดีมอบหมายมีอำนาจอนุมัติให้คืนเงินสำหรับรถยนต์คันแรกให้กับ ผู้ซื้อ และเสนอครม.มอบหมายให้กรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคมให้ความร่วมมือกับกรมสรรพสามิตในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการแสดง หลักฐานการครอบครองรถยนต์คันแรก การบันทึกข้อมูลห้ามจำหน่ายโอนรถยนต์ภายใน 5 ปี ตามมาตรการดังกล่าวของรัฐบาลต่อไป
กระทรวงการคลังรายงานว่า ตามนโยบายรัฐบาลนายกรัฐมนตรี (น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร) ที่แถลงต่อรัฐสภาเมื่อวันอังคารที่ 23 ส.ค.2554 ซึ่งเป็นนโยบายยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน โดยเพิ่มกำลังซื้อในประเทศ สร้างสมดุลและความเข้มแข็งอย่างมีคุณภาพให้แก่ระบบเศรษฐกิจมหภาค
โดย มีมาตรการภาษีเพื่อลดภาระการลงทุนสำหรับสิ่งที่จำเป็นในชีวิตของประชาชนทั่ว ไป ได้แก่ บ้านหลังแรกและรถยนต์หลังแรก กรมสรรพสามิต ได้รับมอบหมายจากการะทรวงการคลัง ให้ดำเนินแนวทางการใช้มาตรการภาษีเพื่อลดภาระการลงทุนสำหรับสิ่งที่จำเป็นใน ชีวิตของประชาชนทั่วไปสำหรับรถยนต์คันแรก
ขณะที่การดำเนินตามมาตรการ ดังกล่าวคาดว่าจะส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจ ได้แก่ 1.สนับสนุนให้ประชาชนมีโอกาสซื้อรถยนต์ สำหรับผู้ที่ไม่เคยมีรถยนต์มาก่อน สามารถซื้อรถยนต์ได้ไม่น้อยกว่า 5 แสนคน
2.มาตรการนี้จะสนับสนุน อุตสาหกรรมยานยนต์และอุตสาหกรรมต่อเนื่องให้มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากอุตสาหกรรมรถยนต์เป็นอุตสาหกรรมหลักของประเทศ ซึ่งช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย
3.มาตรการดังกล่าวส่งผลให้การจัดเก็บรายได้ของรัฐบาล เช่น ภาษีนิติบุคคล ภาษีมูลค่าเพิ่ม และภาษีสรรพสามิตรถยนต์ เพิ่มขึ้นมาก
4.เมื่อ พิจารณาจากปริมาณการเสียภาษีรถยนต์นั่งที่มีราคาขายปลีกไม่เกิน 1 ล้านบาทต่อคัน ในปี 2553 เป็นฐานพบว่ามีปริมาณรถยนต์นั่งขนาดไม่เกิน 1,800 ลูกบาศก์เซนติเมตร รถกระบะ (Pick up)/และรถยนต์นั่งกึ่งบรรทุก (Double Cab) มีจำนวนประมาณ 5.2 แสนคัน การคืนเงินเท่ากับภาษีตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 1 แสนบาทต่อคัน ต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก
ฉะนั้น เพื่อสนับสนุนให้ประชาชนที่มีรายได้น้อยที่ไม่เคยมีรถยนต์มาก่อน สามารถซื้อรถยนต์ได้จึงเห็นควรให้กำหนดเป้าหมายคืนเงินเท่ากับภาษีที่จ่าย จริงแต่ไม่เกิน 1 แสนบาทต่อคัน ให้แก่ผู้ซื้อรถยนต์ ขนาดไม่เกิน 1,500 ลูกบาศก์เซนติเมตร รถกระบะ (Pick up) และรถยนต์นั่งกึ่งบรรทุก (Double Cab) ซึ่งมีจำนวนประมาณ 5 แสนคัน โดยใช้งบประมาณ 3 หมื่นล้านบาท