ที่มาของคำว่า ลอดช่อง ลอดช่องสิงคโปร์ เกี่ยวอะไรกับประเทศสิงคโปร์ หรือไม่


2,467 ผู้ชม


ที่มาของคำว่า ลอดช่อง ลอดช่องสิงคโปร์ เกี่ยวอะไรกับประเทศสิงคโปร์ หรือไม่

ใครจะรู้บ้างว่า คำว่า ลอดช่องสิงคโปร์นั้น แท้จริงแล้วต้นกำเนิดไม่ได้มาจากประเทศสิงคโปร์ แต่เกิดจากภูมิปัญญาของคนไทยเรานี่เอง ที่ได้นำแป้งมันสำปะหลังมาปั้น และนวดให้เหนียว รับประทานกับกะทิสด และน้ำเชื่อม น้ำแข็งป่น ก็เพิ่มความสดชื่นให้กับผู้บริโภคได้แล้ว แต่หลายคนคงสงสัยว่าแล้วคำว่า สิงคโปร์ล่ะ มาจากไหน ซึ่งเป็นชื่อที่เรียกกันจนติดปาก ถึงบริเวณที่ตั้งร้านนี้ ที่เป็นเจ้าแรก ในการทำ “ลอดช่องสิงคโปร์” นั่นเอง
 
เพราะหากย้อนไปเมื่อประมาณ 60 ปีก่อน ร้านนี้บังเอิญไปตั้งอยู่บริเวณ หน้าโรงภาพยนต์สิงคโปร์ (เดิม) หรือโรงหนังเฉลิมบุรี บนถนนเยาวราช และเมื่อลูกค้าจะไปทาน ก็มักจะเรียกว่า “ไปทานลอดช่องหน้าโรงหนังสิงคโปร์” สุดท้ายก็เรียกให้สั้นลงว่า “ลอดช่องสิงคโปร์” แทน
ร้านสิงคโปร์โภชนา
ส่งผลให้ร้าน “สิงคโปร์โภชนา” เป็นร้านต้นกำเนิดลอดช่องสิงคโปร์ ที่เรียกกันติดปากมาจนถึงปัจจุบัน โดยนายณรงค์ จักรธีรังกูร เจ้าของร้านสิงคโปร์โภชนา ได้ย้อนอดีตให้ฟังว่า ธุรกิจกิจนี้เป็นของผู้เป็นพ่อ โดยได้รับการถ่ายทอดสูตรมาจากเพื่อนอีกทีหนึ่ง ซึ่งรวมระยะเวลาที่ร้านลอดช่องสิงคโปร์เปิดบริการให้ลูกค้าได้ลิ้มลองก็ประมาณกว่า 60 ปี โดยตั้งที่บริเวณแยกหมอมี ตรงข้ามธนาคาร UOB ถ.เจริญกรุง ซึ่งแต่เดิมเป็นโรงหนังสิงคโปร์ จนกระทั่งถูกรื้อทิ้ง สร้างใหม่เป็นโรงหนังเฉลิมบุรี
 
“การที่ร้านเราสามารถครองใจลูกค้ามาได้ยาวนานถึง 60 ปี เนื่องจากการคงคุณภาพวัตถุดิบ และสูตรของขนมลอดช่องสิงคโปร์ที่ไม่เปลี่ยนแปลงโดยเฉพาะการใช้กะทิ แบบเข้มข้น เพื่อให้ได้ความหอม มัน ที่เป็นธรรมชาติมากที่สุด ส่วนเส้นของลอดช่อง ก็มีความเหนียวนุ่ม โดยสีที่นำมาใช้จะเป็นสีเขียวของใบเตยและสีผสมอาหาร ซึ่งหากใช้สีของใบเตยเพียงอย่างเดียวจะทำให้สีไม่สวย สดใส ในขณะที่น้ำเชื่อมก็ไม่หวานจนเกินไปนัก พร้อมใส่ขนุนลงไปในน้ำเชื่อมด้วย ทำให้ลูกค้าในปัจจุบันมีทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ที่เคยมารับประทานตั้งแต่สมัยเป็นหนุ่มสาว ซึ่งเดี๋ยวนี้ก็ยังเป็นลูกค้าประจำแม้อายุจะล่วงเลยไปถึง 70-80 ปี แล้วก็ตาม โดยทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า มานั่งกินลอดช่องสิงคโปร์เพื่อมารำลึกความหลัง”
ลอดช่อง
ปัจจุบันร้านลอดช่องสิงคโปร์ ได้มีการเพิ่มเมนูที่เป็นของคาวเพิ่มขึ้นด้วย คือ ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นหมูน้ำใส จากเดิมที่ขายก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟ และก๋วยเตี๋ยวเนื้อ ซึ่งก็ได้รับนิยมของลูกค้าไม่แพ้กัน เพราะเมื่อลูกค้าสั่งก๋วยเตี๋ยวรับประทานแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะสั่งของหวาน อย่างลอดช่องสิงคโปร์ตบท้ายเพื่อความสดชื่น รวมถึงขณะนี้ได้ขยายสาขาไปที่บริเวณแยกสะพานควาย ข้างบิ๊กซี
ส่วนยอดขายในปัจจุบัน นายณรงค์ บอกว่า ตนเองไม่เคยคำนวณกำไร และต้นทุน เพราะเมื่อจะเอาเงินไปซื้อวัตถุดิบ ก็จะหยิบเอามาจากถัง ที่ถูกชักลอกด้วยเชือก ที่อยู่ในร้าน แต่ก็ถือว่าไม่เคยขาดทุน มีเงินหมุนเวียนใช้ในร้านตลอดเวลา รวมถึงจำนวนแก้วของลอดช่องสิงคโปร์ที่ขายได้ในปัจจุบัน ก็ไม่เคยนับด้วยเช่นกัน เพราะตั้งแต่เปิดร้านเวลา 11.00 -21.00 น. เมื่อลอดช่องสิงคโปร์ให้โถแก้วหมด ก็จะทำเติมอยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งร้านปิด ซึ่งขณะนี้ขายในราคาแก้วละ 15 บาท โดยยังไม่มีโครงการขึ้นราคาตามราคาของแป้ง น้ำตาล และมะพร้าว ที่ปรับราคาขึ้นไปแล้ว
 
เป็นที่น่าเสียดาย เมื่อเราถาม ณรงค์ว่า มีแผนการดำเนินธุรกิจนี้ต่อไปอย่างไรในอนาคต คำตอบที่ได้คือ คงจะทำอีกไม่กี่ปี ก็จะเลิกทำแล้ว เพราะไม่มีผู้สืบทอด ซึ่งโดยส่วนตัวคิดจะเลิกหลายครั้งแล้ว เพราะเหนื่อย ทำไม่ค่อยไหว เนื่องจากอายุอานามที่เพิ่มขึ้น เข้าสู่วัยเกษียณ ซึ่งลูกหลานก็อยากให้เลิกทำ อยากให้พักผ่อน ซึ่งฟังแล้วก็ใจหาย ที่ในอนาคตจะไม่ได้เห็นและรับประทานขนมลอดช่องสิงคโปร์ที่เป็นต้นตำรับ หาใครทำเลียนแบบได้ยาก
ร้านลอดช่องสิงคโปร์ โภชนานั้น ปัจจุบันได้กลายเป็นตำนานบนถนนเยาวราช เพราะไม่เพียงแต่ความเก่าแก่ที่ครองใจผู้บริโภคมานานกว่า 60 ปีแล้ว ร้านนี้ยังถูกทางสำนักงานเขตสัมพันธ์วงศ์ ได้ขอให้คงอยู่ไว้ เพราะถือว่าร้านนี้กลายเป็นตำนานและเป็นส่วนหนึ่งของเยาวราชที่ขาดไม่ได้ไปแล้ว
 
ลอดช่องน่ากิน
สนใจติดต่อ 02-221-5794 เปิดทุกวันไม่เว้นวันหยุด ตั้งแต่เวลา 11.00-21.00 น.
 
ที่มา: ผู้จัดการออนไลน์ หรือ
         https://www.dmc.tv/forum/index.php?showtopic=16066

อัพเดทล่าสุด