ความเป็นมานิทานพื้นบ้านเรื่องไกรทอง นิทานพื้นบ้านเรื่องไกรทองพร้อมภาพประกอบ


9,931 ผู้ชม


ความเป็นมานิทานพื้นบ้านเรื่องไกรทอง นิทานพื้นบ้านเรื่องไกรทองพร้อมภาพประกอบ

ไกรทอง


ความเป็นมานิทานพื้นบ้านเรื่องไกรทอง นิทานพื้นบ้านเรื่องไกรทองพร้อมภาพประกอบ 
                        ไกรทอง เป็นนิทานพื้นบ้านภาคกลางของไทย ที่มีตัวเอกชื่อไกรทอง เล่าไว้หลายสำนวนด้วยกัน ภายหลังพระบาทสมเด็จพระเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ ๒ ได้ทรงพระราชนิพนธ์เป็นบทละครสำหรับละครนอก และได้รับความนิยม ยกย่องเป็นฉบับมาตรฐานฉบับหนึ่ง
                เรื่องนี้เกิดขึ้นที่จังหวัดพิจิตรซึ่งมีถ้ำอยู่ในแม่น้ำแห่งหนึ่งและถ้ำนั้นก็เป็นถ้ำของจระเข้ กล่าวกันว่าในถ้ำมีลูกแก้ววิเศษซึ่งส่องประกายแวววาว ทำให้บริเวณถ้ำนั้นสว่างไสวอยู่เป็นนิตย์ ดุจเวลากลางวันเลยทีเดียว เมื่ออยู่ในถ้ำจระเข้ทุกตัวก็จะกลายร่างเป็นร่างเป็นมนุษย์ได้และจะไม่รู้สึกหิวอะไรเลย ภายในถ้ำมีพญาจระเข้ผู้เฒ่าอยู่ตัวหนึ่งชื่อว่า ท้าวรำไพ เป็นราชาแห่งจระเข้ที่ไม่ยอมกินสิ่งมีชีวิตและบำเพ็ญตนถือศีลมาเป็นเวลานาน จระเข้ผู้เฒ่านี้มีบุตรอยู่ตัวหนึ่งชื่อว่า ท้าวโคจร และท้าวโคจรเองก็มีบุตรตัวหนึ่งชื่อว่า ชาละวัน ในเวลาต่อมาท้าวโคจรเกิดทะเลาะวิวาทกับพญาจระเข้ด้วยกันชื่อ ท้าวพันตาและพญาพันวัง ทั้งสามต่อสู้กัน เพื่อชิงความเป็นใหญ่น้ำแต่ผลปรากฏว่า ทั้งสามต้องมาจบชีวิตลงจากบาดแผลที่เกิดจากการต่อสู้กันนั้น
ความเป็นมานิทานพื้นบ้านเรื่องไกรทอง นิทานพื้นบ้านเรื่องไกรทองพร้อมภาพประกอบ
 
                 ดังนั้นพญาชาลาวัน จึงได้ครอบครองความเป็นใหญ่ในถ้ำโดยไม่มีใครกล้าท้าทายอำนาจหลังจากนั้นก็ได้นางจระเข้สองตัวเป็นภรรยา คือ นางวิมาลา และนางเลื่อมลายวรรณ โดยธรรมชาติของสัตว์กินเนื้อ ถึงแม้ว่ามันจะกลายร่างเป็นมนุษย์ได้ก็ตามที พญาชาละวันก็ยังมีนิสัยดุร้าย  และชอบกินเนื้อมนุษย์ไม่เหมือนกับจระเข้ที่เป็นปู่ของตน พญาจระเข้ตัวใหม่นี้ไม่รักษาศีลแต่อย่างใด
                 ณ หมู่บ้านดงเศรษฐี แขวงเมืองพิจิตร มีพี่น้องฝาแฝดคู่หนึ่ง มีความงามเป็นที่ เลื่องลือ ชื่อนางตะเภาแก้ว ผู้พี่ และนางตะเภาทอง ผู้น้อง ทั้งสองเป็นบุตรเศรษฐีคำ และ คุณนายทองมา วันหนึ่งนางตะเภาแก้วและนางตะเภาทองได้ลงไปเล่นน้ำที่ท่าหน้าบ้าน พญาชาละวันออกมาจากถ้ำเพื่อหาเนื้อมนุษย์กินเป็นอาหาร ได้ว่ายตามน้ำมาจนถึงท่าน้ำเมืองพิจิตรเวลานั้นสองสาวพี่น้องคือ ตะเภาแก้วและตะเภาทอง บุตรสาวของเจ้าเมืองพิจิตรกำลังลงเล่นน้ำอยู่ในแม่น้ำหน้าบ้านของตนอยู่พอดี สองพี่น้องห้อมล้อมด้วยบ่าวไพร่หลายคน
                 ความงามของตะเภาทองเป็นที่ต้องตาต้องใจของชาละวันมาก มันเกิดความรักในมนุษย์ขึ้นมาในทันที เจ้าสัตว์ร้ายเปลี่ยนใจทันที จากความต้องการที่จะกิจเนื้อเหยื่อกลับกลายเป็นรักเหยื่อดังนั้นมันจึงว่ายน้ำตรงรี่เข้าไปหาหญิงสาวแล้วคาบนางไว้ท่ามกลางความตกตะลึงของบ่าวไพร่ ชาละวันคาบหญิงสาวผู้ไร้เดียงสาไปสู่ถ้ำของตนในทันที
                 ในขณะที่ถูกคาบอยู่ในปากตะเภาทองสลบไสลไม่ได้สติ ชาละวันทำการแก้ไขจนกระทั่งนางฟื้น ครั้นลืมตาขึ้นนางก็ต้องตกใจที่ได้พบกับถ้ำอันวิจิตรตระการตายิ่งนัก เมื่อนางเห็นชาละวันผู้ซึ่งตอนนี้ได้กลายร่างเป็นมนุษย์แล้ว นางก็รู้สึกขวยเขินที่ได้เห็นชายหนุ่มรูปงาม ฝ่ายชาละวันก็จัดการเกี้ยวพาราสีนางจนกระทั่งนางหลงรักและตกเป็นภรรยาคนที่สามของชาละวันไป และนับจากนั้นมาก็เริ่มมีการทะเลาะวิวาทในระหว่างภรรยาทั้งสามของชาละวันอยู่เป็นประจำ
                 ในขณะเดียวกัน หลังจากได้ทราบข่าวที่ทำให้ตกตะลึงนี้แล้ว เจ้าเมืองพิจิตรก็เกิดวิตกกังวลเป็นอย่างมากเกี่ยวกับความปลอดภัยของลูกสาวตน และแค้นเคืองเจ้าสัตว์ร้าย เพื่อกำจัดเจ้าจระเข้ร้ายเสีย ท่านเจ้าเมืองจึงป่าวประกาศว่าผู้ใดก็ตามสามารถสังหารจระเข้ได้และสามารถนำลูกสาวของตนกลับมาในขณะมีชีวิต จะได้แต่งงานกับนางและได้ส่วนแบ่งในทรัพย์สมบัติของตนความเป็นมานิทานพื้นบ้านเรื่องไกรทอง นิทานพื้นบ้านเรื่องไกรทองพร้อมภาพประกอบ
                 ขณะนั้นมีชายหนุ่มวัยแตกพานอายุ 18 ปี อยู่คนหนึ่งชื่อว่า “ไกรทอง” เป็นชาวจังหวัดนนทบุรีได้คุมเรือไปทำการค้าขายอยู่ที่เมืองพิจิตร และได้ถือโอกาสเล่าเรียนวิชาอาคมกับอาจารย์ที่นั่นเขามีความชำนาญในการปราบจระเข้และสามารถระเบิดน้ำเป็นทางเดินเข้าไปได้
                 เมื่อไกรทองรู้ข่าวการประกาศให้รางวัล เขาก็อาสาปราบจระเข้โดยไม่รีรอ ก่อนอื่นเขาไปพบอาจารย์และเล่าให้ท่านฟังเกี่ยวกับการพจญภัยในครั้งนี้ อาจารย์ของเขาจึงได้ทำการตรวจดู ดวงชะตาราศีและตรวจดูฤกษ์ยามเห็นว่าไกรทองจะต้องมีชัยชนะในการพิชิตจระเข้ร้ายได้อย่างแน่นอน แต่เนื่องจากจระเข้ร้ายมีเขี้ยวแก้ว จึงไม่มีอาวุธใดที่จะระคายผิวของมันได้ อาจารย์จึงได้มอบของวิเศษ 3 อย่างให้ไกรทองไปซึ่งก็ได้แก่ เทียนชัย ใช้จุดระเบิดน้ำเป็นทางเดินไปจนถึงที่หมาย มีดหมอลงอาคม และหอกสัตตะโลหะ พร้อมให้พรให้ไกรทองประสบชัยชนะ
                  ฝ่ายชาละวันหลังจากได้ตะเภาทองเป็นภรรยาคนที่สามแล้ว คืนวันหนึ่งได้ฝันว่าเกิดมีไฟไหม้ขึ้น และ มีเทวดาผู้ทรงอิทธิฤทธิ์ใช้พระขรรค์ตัดคอตนขาดกระเด็น หลังจากตื่นขึ้นก็ตกใจรีบไปปรึกษาปู่ของตน คือท้าวรำไพผู้ซึ่งรู้ได้ทันทีว่าหลานของตนกำลังตกอยู่ในอันตราย จึงสั่งให้ชาละวันจำศีลอยู่ในถ้ำเป็นเวลา 7 วัน เพราะถ้าเขาขืนออกไปก็จะต้องประสบกับอันตรายอย่างแน่แท้ ชาละวันเกิดความกลัวจึงสั่งให้บริวารจระเข้นำหินมาปิดปากถ้ำไว้อย่างแน่นหนา และเริ่มถือศีลตามคำแนะนำของจระเข้ผู้เป็นปู่         
                  ในขณะเดียวกันหลังจากกล่าวลาผู้เป็นอาจารย์แล้ว ไกรทองก็ต่อแพลอยลงน้ำและประกอบพิธีเรียกราชาแห่งจระเข้มาต่อสู้กัน ชาวบ้านที่อยากดูเหตุการณ์เมื่อรู้ข่าวการล่าพญาจระเข้ทั้งอยู่ใกล้ไกลก็แห่กันมาดูเหตุการณ์อยู่บนฝั่งแม่น้ำอย่างใจจดใจจ่อและถึงแม้ว่าพญาชาละวันจะพยายามปกป้องชีวิตของตนอย่างดีที่สุดแล้วก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถหนีโชคชะตาไปได้ ดังนั้นพิธีของไกรทองจึงทำให้ชาละวันรู้สึกเร้าร้อนเหมือนถูกไฟเผา เมื่อสุดจะทนไหวแล้วชาละวันก็ลืมคำสั่งของผู้เป็นปู่เสียสนิท พญาชาละวันจึงแผลงฤทธิ์พังประตูถ้ำออกมาแล้วโผล่ขึ้นเหนือน้ำกลายเป็นจระเข้ใหญ่น่ากลัว แม่น้ำที่สงบเงียบก็ปั่นป่วยด้วยฤทธิ์ของสัตว์ร้าย ทันทีที่ทั้งคู่เผชิญหน้ากันก็เกิดการต่อสู้กันชุลมุนท้ายที่สุดไกรทองก็แทงสัตว์ร้ายเข้าที่ใต้ราวนมด้วยหอกสัตตะโลหะทันใดนั้นทั่วทั้งลำน้ำก็กลับกลายเป็นสีแดงฉานพร้อมทั้งกลิ่นคาวเลือด เพื่อปกป้องชีวิตของตนไว้ พญาชาละวันจึงหนีเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในถ้ำใต้น้ำ แต่ว่าไกรทองไม่หยุดอยู่เพียงแค่นั้นเขาตามคู่ต่อสู้ลงไปในถ้ำ โดยจุดเทียนชัยระเบิดน้ำเป็นทางลงไปใต้น้ำ
                  เมื่อเข้าไปในถ้ำไกรทองเห็นวิมาลา ภรรยาของชาละวันก็แกล้งทำเป็นเข้าไปลวนลามเพื่อให้นางส่ง เสียงจะได้ยั่วให้สัตว์ร้ายที่กำลังได้รับบาดเจ็บออกมาที่ซ่อน ชาละวันเองเข้าไปหาปู่ของตนเพื่อให้ช่วยรักษาบาดแผลให้ แต่ว่าจระเข้เฒ่าไม่สามารถจะช่วยอะไรได้เพราะชาละวันไม่รักษาสัญญาที่ให้ไว้ เสียงหวีดร้องของภรรยาทำให้เจ้าสัตว์ร้ายเดือดดาลยิ่งนักถึงกับออกมาจากที่ซ่อนแต่ก็มาถูกแทงตายอยู่ตรงนั้นเอง ไกรทองสามารถช่วยตะเภาทองออกมาได้และนำนางขึ้นสู่เหนือผิวน้ำท่ามกลางเสียงโห่ร้องฝูงชน
                 ด้วยความดีใจอย่างสุดซึ้ง ท่านเจ้าเมืองพิจิตรจึงมอบรางวัลให้ไกรทองตามสัญญาพร้อมกับยกลูกสาว อีกคนหนึ่งคือตะเภาแก้วให้เป็นภรรยาของไกรทองด้วย ดังนั้นไกรทองจึงได้สองพี่น้องเป็นภรรยาพร้อมกับสมบัติอีกส่วนหนึ่งจากท่านเจ้าเมือง ทั้งสามจึงใช้ชีวิตอยู่ในเมืองพิจิตรอย่างมีความสุข และเรื่องไกรทองนี้ก็นำมาเล่าสู่กันฟังซ้ำอีกทั่วทั้งประเทศ แง่คิด : ถึงแม้ตนจะเก่งกล้าสามารถและวิเศษขนาดไหนก็ย่อมมีผู้ที่เหนือกว่าสมดังคำที่ว่า “ เหนือฟ้าก็ยังมีฟ้า ”

อัพเดทล่าสุด