๒๑...เรื่องผัวเครียด
ข้าพเจ้าไปเร่ดูดวงชะตาไปถึงบ้านนั้นเป็นร้านใหญ่โต ขายของชำครบ ทั้งเจ้าผัวนั้นซื้อแผ่นยาง ขี้ยาง และมาก ข้าพเจ้าเข้าไปนั่งดื่มน้ำส้ม เจ้าผัวอายุประมาณเกือบ ๖๐ ปี ขรึม รุนรถสองล้อชั่งขี้ยาง แล้วพาไปตั้งให้ถูกแดด จ่ายเงินให้เจ้าของขี้ยางโดยไม่พูดจาร่าเริงกับใครเลย แม้แต่ข้าพเจ้า แขกหน้าใหม่เดินผ่านไปมาไม่ทักข้าพเจ้าสักคำเดียว จนพอกินน้ำส้มเสร็จ เด็กพัทลุงที่มาอยู่บ้านนั้นมารับข้าพเจ้าไปดูเกณฑ์ชะตาให้คนที่เด็กนั้นนัดมา ๔-๕ คน ข้าพเจ้าก็ไปอยู่ถัดจากร้านค้านี้ไปนิดเดียว พอดูเกณฑ์คนอื่นเกือบเสร็จ นางเมียเจ้าของร้านผัวหน้าขรึมนั้นก็ตามข้าพเจ้าไปดูดวงด้วย ข้าพเจ้าถามวันเดือนปีลงเลขเสร็จคำนวณอายุราว ๕๒ ปี แต่อยู่สง่าราศีดีกว่าผัวหลายเท่า คนดูดวงจึงถามลาภผลการค้า ดีทั้งนั้นหมอตอบ แล้วก็ตามเลยไปถึงเกณฑ์ผัวว่าเหตุใดล่ะลุง รบกันอีตาย ไม่ว่างเว้น
หมอดูดวงนั้นจะต้องเรียนจิตวิทยา รู้แต่ศาสตร์เดียวไม่ดังแน่ ต้องรู้มนุษย์ศาสตร์ด้วย คำถามว่า รบกันอีตายไม่ว่างเว้น หมอจะต้องหาสาเหตุว่าเหตุใด เป็นหมอดูจะต้องเป็นหมอรู้ แก้ปัญหาด้วยจึงจะดัง ไม่มีครูอาจารย์ไหนจะสอนศิษย์ได้ทุกใบไม้พลิก ศิษย์จะต้องถือหลักครูให้มั่น แต่จะต้องมีปัญญาเชาว์ไวไหวพริบด้วยจึงจะดังได้ หมอรักษาคนไข้ก็เช่นกัน ยาที่ใช้ บริษัทที่ผลิต ซื้อมาคล้ายกันทุกหมู่แต่หมอที่ใช้ยาให้คนไข้หายนั้นเป็นหมอที่รู้สาเหตุของโรค หมอดูดวงก็เช่นกัน ผัวเมียคู่นี้ ผัว ๖๐ เมีย ๕๒ ตามศาสตร์มนุษย์ศาสตร์ ผู้หญิงเมื่อ ๔๕ ปีขึ้นไปน้อยคนนักที่จะหมกมุ่นในเรื่องรัก เพราะขาดเลือด หมดการอยากผสมพันธุ์ตามธรรมดาของสัตว์โลก แต่ผู้ชายส่วนใหญ่นั้นหากยังแข็งแรงอยู่ พระอิศวรไม่จำกัดอายุให้ จะอยากจนหมดลมหายใจได้ ….กำลังเหลือ (คนสุขภาพดี) อันนี้หมอจึงจับสาเหตุ ที่ว่าผัวรบอีตาย เพราะอะไร หมอจึงแก้ปัญหาชี้แนะให้ว่า ที่รบกันอีตายนั้น ผัวยังต้องการความรัก แต่ตัวเองเฉยเมย (ไม่อาจ) แล้ว ผัวจึงเครียด ส่วนมากในห้องอาหาร ชายอายุสูงขึ้นไปจะไปมาก ไปแก้กลุ้มกัน นางเมียจึงถามหมอว่า ไซร่หมันอีตายเห่อ ลุงหากไม่ได้แตกเลือดไอ้หนั่น หมอตอบว่า เอ้อ คนชายหมันกลุ้ม (ภาษาบ้านเรา) ภาษากลาง (เครียด) แล้วเราอีทำพรื่อง้าลุง หมอตอบ เอ็งต้องพยายามปรนนิบัติเอาใจแก้กลุ้ม แก้คลายเครียดให้ผัว ผัวจะรักเอ็งจะไม่ไปหาใหม่ จะไม่ไปเที่ยวห้องอาหาร อยู่เครียดอยู่บ้านนาน ๆ เป็นบ้า ข้าพเจ้าดูนางเมียน่าจะทำตามข้าพเจ้า
อยู่มาราว ๑ เดือนเห็นจะได้ ข้าพเจ้าไปร้านขายของชำนั้นอีกถึงไปหน้าเที่ยง เจ้าผัวคนเดิมที่เครียดวันก่อนไม่พูดกับใครนั้น พอเห็นข้าพเจ้าหยุดรถเดินเข้าบ้าน ก็รีบกุลีกุจอยกเก้าอี้ให้ข้าพเจ้านั่ง เอาน้ำส้มมาเปิดแก้วน้ำยื่นให้ พูดจาปราศรัยหน้าตาสดชื่นเปลี่ยนเป็นคนละคน เออ ต่อเดี๋ยวผมอีดูดวงบ้าง เมื่อลุงกินน้ำส้มแล้ว อี….(เมีย) ไปตลาดยังไม่กลับ) ประเดี๋ยวก็หอบเอาสาดชวนข้าพเจ้าไปตรงกับถนนใหญ่เป็นที่นั่งเล่น คนไม่พลุกพล่านให้ข้าพเจ้าดูวัดดวงให้
ข้าพเจ้าจึงนึกได้ว่าข้าพเจ้าชุบคนใหม่ได้เพราะเดือนก่อนหมอได้แนะนำแก้ปัญหาให้นางเมียถูกคน ผู้ผัวจึงดีกับหมอ
๒๒...เรื่องฟังไม่รู้ภาษา ฟังได้คนละเรื่องกับคนพูด
บ้านคลองทราย หมู่ ๒ จากสาดมีมาก สันนิษฐานว่าตั้งแต่ครั้งทวดลวดลา เมื่อขุดตอไม้ทำบิ้งนา ตามสายน้ำข้าง ๆ นานั้นทำนาไม่ได้ก็ต่างปลูกสาคูไว้ ใช้ใบเย็บจากมุงหลังคาบ้านไม่ร้อน ทั้งไม่แหลมไฟ สมัยก่อน……………..ขนาดงานแต่งงาน ลฯ จะต้องเตรียมตัดใบสาคู ขอช่วยคนเย็บจากกองไว้จนพอทำทัพต่อเรือน………..เตรียมกันเป็นเดือน รายจ่ายจึงน้อย ตรงกันข้ามกับสมัยนี้ จ่ายจิปาถะ ดิน น้ำ ไฟ ลม ค่าเต๊นท์ ลฯ ได้เป็นแสนเงินแขกให้จ่ายไม่เหลือ
จากสาคูเป็นอันดับหนึ่ง รองลงมาก็สะพานคนบ้านโดก็มีมาก พ่อแม่ข้าพเจ้าเมื่อข้าพเจ้าเล็ก ๆ เย็บจากสาคูขาย แลกกับไม้ทำเรือน คนบางกมชักลากไม้มาให้เอาจากสาคูไปเป็นการแลกเปลี่ยน เสื้อผ้าที่ข้าพเจ้าได้ใช้ ขนมที่ได้กิน ก็ราคาสาคู เพราะสมัยนั้นไม่มีต้นยางพาราเลย ข้าพเจ้าไม่ลืมบุญคุณสาคู และคนเลี้ยงหมูสมัยนั้น ก็ใช้ต้นสาคูที่พอออกดอก (ออกเขากวาง) โค่นผ่าเอามากาง ขุดตากแดดให้แห้ง ต้มใส่เกลือ ซาวหยวกกล้วยเลี้ยงหมูดีนัก ต้นสาคูที่เหลือด้วงลงราคาปัจจุบันกิโล ๒-๓ ร้อยบาท
แต่คนสมัยนี้ชอบทำลาย สภาตำบลสมัยผมเป็นอยู่ ๕-๖ สมัย ไม่เคยทำลายสาคู เพราะไม่มีงบทำลาย
ตรงข้ามสมัยนี้เงินงบมาก ส่งมาบำรุงสภาตำบลให้ใช้ส่งเสริมอาชีพ สร้างถนนหนทาง ประปา ลอกคลองหนองบึง
สภาตำบลทุ่งหมอนี้ทุกปีจะต้องมีงบลอกสาคู ก็คือ งบลอกคลองหนองบึง ก็หนองบึงทำตายายไหรได้ ลองสาคูจนเกือบหมดทั้งบ้านคลองทรายแล้ว พอลอกแล้วจะรกหญ้าท่วมช้าง ช้างจะลงเล่นน้ำก็ลงไม่รอด อย่าว่าแต่จะให้น้ำไหลหรือ เมื่อมีสาคูอยู่ใต้ใบสาคูจะเตียน น้ำจะใสสะอาด ปลาก็ได้อาศัยวางไข่สืบพันธุ์ได้ แต่พอลอกเสร็จ อยู่ให้หลังมา ๖ เดือน ก็จะรกจนช้างลงไม่ได้ เหมือนข้าพเจ้าเขียนไว้ข้างต้น ที่ทำไปนั้นหวังผลอะไรผู้อ่านลองทบทวนดู
๒๓...เรื่องไม่รู้ภาษา
เรื่องมีอยู่ว่าวันนั้นน้าผุดแกเป็นชาวอีสาน ได้เมียคลองทราย แกเย็บจากสาคูขายเก่ง ได้เมียชาวคลองทรายลูกเต้าไม่มี วันนั้นมาที่ร้านน้ำชา สองคนผัวเมีย ซึ่งข้าพเจ้านั่งคุยอยู่กับน้าเณรเมฆก่อน น้าผุดถึงมา น้าเณรเมฆยอว่าน้องผุดเย็บจากสาคูขายเก่งมาก ขณะนี้ยังเย็บอยู่เหลยไม่ น้าผุดตอบว่า เย็บไม่ค่อยไหวเสียแล้วพี่เณรเห่อ สามตับลุกที สี่ตับลุกที น้าเณรเมฆได้ฟังก็ว่า บ๊ะ ยังเก่งอยู่เหลยหน้อ ฟังคำพูดไปคนละเรื่องคือเรื่องลุก
๒๔...อีกเรื่อง
นายวันแกชาวอีสานเหมือนกัน ได้เมียอยู่หลังสถานีคลองรำ เพื่อนแกก็นายหอม เมียก็ป่าแจ่ม วันหนึ่งนายวันเดินมาพบป้าแจ่มที่บ้านประดู่ ถามป้าแจ่มว่า มันกวงมีไหมน้องแจ่ม ป้าแจ่มตอบว่า ยังว่ามัน แต่ชื่อ ถ้าไม่หอนได้ยิน มันกวงพูดกันไปพูดกันมาใครไม่รู้เดินมาได้ยินเข้าเขาจับภาษาแปลได้ว่า มันกวง คนอีสานก็คือ มันกวางนั่นเอง
นายวันต้องการเอามันกวางไปใส่ที่ถูกตีนดัน นี่เป็นเรื่องไม่รู้ฟังภาษากัน
ข้าพเจ้าเองเมื่อเด็ก ๆ พูดไม่ชัด (ไม่ซะ) แม่ใช้ให้ไปเอาดวงชั้นที่เรือนย่าทอง ไปบอกเขาว่า แม่ว่าให้เอาดวงช้างมากันเกือบครึ่งบ้านจึงรู้ว่าดวงช้างนั้นคือดวงชั้น นั่นเอง
และครั้งหนึ่งไปบ้านบางควาย เดินทางรถไฟอยากน้ำ เอากอบน้ำหวางหินให้กิน กลับมาเล่าปู่ย่าว่า ได้กินน้ำหว่างหี
การพูดไม่ซะนี้ข้าพเจ้าโตจำความได้แล้วยังพูดไม่ชัด ผู้ใหญ่ชอบพูดด้วยกับเด็กพูดไม่ซะ จะได้หัวเราะกันเป็นเสน่ห์ดี
๒๕...พูดผิดเสียวัว
ตายายคู่หนึ่งมีวัวอยู่ ๑ ตัว ว่าจะไถนาก็ขาดวัวอยู่อีกตัว เพราะภาคใต้เราไถวัวคู่ จึงคิดกันว่านายอำเภอท่านใจดีและมีวัวอยู่หลายตัว จำจะไปขอยืมวัวนายอำเภอมาสักตัวจะได้มาเข้าคู่ไถกัน สมัยนั้นการเข้าหาเจ้านายต้องหมอบคลานเข้าไป ซึ่งจำจะต้องซ้อมกันเสียก่อน ว่าแล้วนางเมียก็กลิ้งครกตำข้าวให้คว่ำลง แล้วตัวเองทำเป็นนายอำเภอขึ้นไปนั่งไขว่ห้างสูบบุหรี่กระดิกปลายเท้าข้างหนึ่ง แล้วใช้ผัวซ้อมกัน ให้ผัวหมอบคลานเข้ามา พอถึงนายอำเภอก็ยกมือไหว้ นายอำเภอก็พูดเสียงดัง แบบผู้ดีสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชว่า เออ ลุงจะมาธุระอะไรหรือ
ชายลุงผู้ผัวจึงตอบนายอำเภอไปว่า ลุงมีวัวอยู่ ๑ ตัว ถึงฤดูไถนาจะมาขอยืมวัวนายอำเภอสักตัวไปเข้าคู่ไถกัน
นางเมียแสดงเป็นนายอำเภอตอบว่า เออดีแล้ว เราจะให้ไปไถเสร็จส่งคืนนะลุง ลุงก็รับปากว่าขอรับกระผม
ให้ผัวคลานซ้อมอยู่หลายเที่ยว เห็นว่าชำนาญดีแล้วก็ให้ไปได้ ก็ไป พอถึงบ้านท่านนายอำเภอ ท่านตกประหม่า เพราะเจ้านายสมัยก่อนมีตะบะมาก จึงหมอบคลานตัวสั่นเทาเข้าไปถึงตรงหน้านายอำเภอก็ยกมือไหว้
นายอำเภอ เออ! ท่านตามาธุระอะไรหรือ
ตาตอบ ผมมีวัวอยู่ตัวหนึ่งว่าจะเอามาให้นายอำเภอจะได้หรือไม่
นายอำเภอว่า เออ! เออ ดี ๆ ๆ กลับไปเอามาเลย
แล้วท่านตาก็กลับร้องไห้มาบอกนังเมียว่า ไปพูดผิดคำว่ามีวัวอยู่ตัวหนึ่งจะเอาไปให้นายอำเภอ จึงต้องกลับมาเอาวัวไปให้ท่าน ดังนั้นในทางราชการส่วนใหญ่ เมื่อจะทำการใด จึงมักทำเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อกันผิดพลาด
๒๖...นอนกับเมียเพื่อนหรอยใจ
เรื่องราวของหญิงฝรั่ง ๒ สาว เป็นเพื่อนเกลอกัน ก็แต่งงาน อายุก็ไล่เลี่ยกัน อยู่กับสามีมาหลายปี ต่างคนต่างไม่ได้ลูก ก็คิดขึ้นได้ว่า เราลองแลกนอนผัวกันแต่อย่าให้ผัวรู้ เพราะอยู่กันมานานรู้สึกชิน จืดชืดชาเย็นธรรมดา ๆ เสียแล้ว รู้สึกใหม่ มีชีวิตชีวาขึ้น ฝ่ายเจ้าผัวก็สบายใจที่ได้เมียเพื่อนมาร่วมสมสู่ด้วย แล้วต่างคน ต่างก็ตั้งท้อง หารู้ไม่ว่าเมียเองเพื่อนก็เอาไปเสวย
๒๗...เรื่องพูดจาหละปาก
คำว่าพูดหละปากคือพูดไปไม่ทันคิดว่าจะทำได้หรือไม่ เรื่องมีว่า ชายหญิงคู่หนึ่งได้กันไม่นานนัก ทั้งแม่ยายก็ยังหนุ่มสวย ผัวตาย ซื้อล็อตเตอรี่ทุก ๆ งวด ๆ ละ หลาย ๆ ใบ ก็ไม่ถูก บนบานสารกล่าวหมดทุกสิ่งแล้ว โมโหไม่เท่บนไหรครั้งนั้นแหลงหละปากไปว่า หากถูกล็อตเตอรี่กูจะยัดเอาโต้ยายคนสวยแก้บน งวดนั้นบังเอิญถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่ ๔ จริง ๆ ทั้ง ๒-๓ ใบ เพื่อนรักกันรู้เข้าก็มากินเลี้ยงฉลองกัน เพื่อน ๆ ถามว่าหมึงบนไหรมั่งที่ถูกล็อตเตอรี่ตั้ง ๓ ใบ บอกได้ว่าบน แต่บอกไม่ได้ว่าบนอะไรไว้ ก็ไปเที่ยวนั่งเชื่อมชุ่นอยู่ นางเมียปลอบถามก็บอกไม่ได้ ปลอบหลายเที่ยวเข้า เจ้าผัวว่ากูอีบอก แต่หมึงอย่าโกรธและช่วยพูดให้กูทีจะได้หรือไม่ จึงบอกเมียไปเมื่อ เมื่อเห็นเมียรับคำว่าไม่โกรธ เมียก็รับอาสาไปแหลงกับแม่ให้ แม่ยายว่าไม่พรื่อและถ้าเณรหมันอีแก้บนก็ยอมให้ อยู่มาราวสักเดือนก็ถูกรางวัลอีก ครั้งนี้แม่ยายท่ารอว่าลูกสาวจะมาขอให้ผัวแก้บนอีกก็เห็นเฉย ๆ แม่ยายขัดใจก็ไปถามลูกเขยเองว่า หมึงไปเที่ยวแหลงหละปากไปมั่งไม่ แสดงว่าแม่ยายอยากให้ลูกเขยแก้บนอี
จบนิทานหละปากแต่เพียงนี้ (เรื่องนี้ห้ามอ่านดัง ๆ)
๒๘...กลโกง
น้าเนื่องสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง แกมาได้เมียอยู่บ้านทุ่งหมอ เป็นคนปัญญาแกมโกง เนื้อหมูสมัยนั้นกิโล ๗-๘ บาท หากท่านจะซื้อเนื้อหมูจะได้ทั้งเงินทั้งเนื้อหมู วิธีทำ เอาใบร้อยสักใบหนึ่งทำเครื่องหมายไว้ด้วยให้เห็นชัด แล้วดูว่าเขียงไหนเฉพาะวันเปิดตรงตลาดนัดคนจะรุมกันซื้อมาก สมัยนั้นขายกันไม่กี่เจ้า จึงใช้ให้เพื่อนเอาธนบัตรใบน้อยที่ทำเครื่องหมายไว้นั้นไปซื้อเนื้อหมู แล้วแกเองก็รุมซื้อ เอาที่ลูกค้ากลุ้มรุมกันซื้อ แกก็ให้จีนเชือดให้ ๑ ก.ก. ๘ บาทเหมือนกัน แล้วทวงเงินทอน โดยไม่ได้ยื่นตางค์ให้จีนเลย จีนว่าลื้อไม่ให้อั๊วที น้าเนื่องเถียงขึ้นหน้าว่าให้ใบร้อยแดง ๆ ไป และของหวามีเครื่องหมายเป็นอะไรที่แกทำให้เพื่อนไปซื้อก่อน ก็ว่าไป จีนค้นดูก็มีจริง อั๊วขอโท้ก ๆ จึงทอนตางค์ให้ ๙๒ บาท เนื้อหมูก็ได้เปล่า แถมเงิน ๙๒ บาท เท่ากับโกง ๑๐๐ บาท
๒๙...ขายลูกไม้เปรี้ยวหมดก่อน
ฤดูลูกไม้สมัยนั้นมีลูกไม้พื้นเมือง เช่น ลูกมะไฟสุกก็เอาไปนั่งขายเรียงหน้ากันที่ใกล้ทางคนจรไปมาในตลาด น้าเนื่องแกหาบลูกไฟสุกเปรี้ยวไปเต็มหาบ และไปนั่งใกล้คนที่ขายมะไฟหวาน พอคนขายมะไฟหวานเผลอ แกก็แลกมะไฟกัน หยิบของเขาเอามาอวดให้คนที่เดินผ่านชิมลอง แกเป็นคนพูดเก่ง พอชิมก็หวานหวาน ตกลงมะไฟเปรี้ยวของแกหมดก่อนมะไฟหวานที่นั่งขายใกล้ ๆ กัน
แต่ข้าพเจ้าเห็นน้าเนื่องคนนี้ฉลาดค้าขายคล่องว่องไว น่าจะร่ำรวย แต่ไม่เห็นรวยสักที ปัจจุบันหายสาบสูญไปอื่นเสียแล้ว ไม่ควรเอาอย่าง
๓๐...ขอพรพระอิศวร
สมัยแรกตั้งสัตว์โลก ตามศาสนาพราหมณ์พระอิศวรเป็นผู้สร้างโลกและสรรพสัตว์ทั้งโลก ดังนั้นบรรดาสัตว์ทั้งหลายต่างก็ขึ้นไปขอพรจากพระอิศวร เช่น วัวควายขึ้นไปขอพรพระอิศวรให้สมจรกันเพื่อสืบพันธุ์ในเดือน ๕-๖ นกเขา นกกุลา นกเจียะ ในเดือนยี่เดือนสาม บางนกเช่นนกเงือก นกกุ้ม ให้ตัวผู้ฟักไข่เลี้ยงลูก ปลาก็เช่นกัน ปลามีหูให้เลี้ยงลูกด้วยน้ำนม พวกแม่ปลาละละลายไข่ผสมพันธุ์ฤดูน้ำใหญ่ หลังจากฤดูแล้ง สุนัขก็เดือน ๙ เดือน ๑๐ ทั้งวันพระอิศวรไม่ได้นอน เหนื่อยมาก มนุษย์ขึ้นไปพระอิศวรง่วงนอนเหนื่อยมากแล้ว โมโหให้พรว่าตามใจพวกสูได้ทุก ๆ ฤดู นั่นแหละมนุษย์จึงผสมพันธุ์ไม่เลือกฤดู ได้ตลอดทั้งปี
๓๑...เรื่องตามล่าเม่น
ลุงทองแกเป็นคนชอบล่าเม่น ในฤดูฝนใหญ่ เม่นจะลงนอนในรู เขาเรียก สงเม่น ใช้หมาล่าเนื้อไล่ต้อนเม่นลงรู แล้วใช้บ่วงดัก เวลาหมาไล่เม่นจะวิ่งขึ้นเร็ว เหมือนลูกธนู ลุงทองแกคนว่องไว แกลับมีดพร้าคมจนกันโกนผมได้ ก็ไปท่าฟันเม่น เวลาหมาไล่ขึ้นจากรู เสียงคลุก ๆ ขึ้นมา ลุงทองฟันทันที เม่นวิ่งพ้นหายไป ลุงทองก็วิ่งตามไปพักหนึ่งไม่ทัน เพื่อนหวูตามถามมาว่าได้ไม่ ลุงทองเดินกลับตามรอยเลือดกลับมารูเม่น เพื่อนถึงมาถาม ลุงทองว่าฟันถูก นี่แหละหนิเลือด หยดเป็นทางไปตามไปตามมาเพื่อนจึงบอกว่า ก็เลือดหูหมึงเอง
ความเร็วของเม่น และความเร็วของคนฟัน ให้ทันกับเร็วต่อเร็วตัดเอาใบหูเองโดยไม่รู้ตัว
๓๒...เรื่องเสือกินคน
ท่านปลัดชาญเล่าว่าท่านไปเป็นคนนั่งห้างบนปลายไม้ เอาคนที่เสือกัดตาย ตั้งใกล้ ๆ ห้างในดิน พอเหงียบคน เสือจะด้อมเข้าตะครุบศพคนตาย กัดไปมาพอหน้าคนหายขึ้น เสือกลัววิ่งกลับเข้าป่า ด้อมมองตะคุรบใหม่อีก ท่านเล่าว่าหน้าคนเสือกลัว ตามเขาเล่าว่าคนล้าต้า (บ้าจี้) เสือไม่กัด ก็พอเสืออูกมาคนล่าต้าก็อูกไปสู้หน้ากับเสือ เสือจะวิ่งหนีเพราะเสือกลัวหน้าคน
๓๓...เรื่องเสือลักควายตายทั้งคู่
ที่บ้านเขารูปช้าง ลุกยก ศักดิ์ทะเลเล่า เจ้าของควายพาควายถึก ไปฟันไม้ทำเรือนจนค่ำจึงล่ามควายมัดไว้ หัวรุ่งจะลากไม้กลับบ้าน แต่พอตกดึก เจ้าเสือมาลักควาย ร้องอู๊ด ๆ เสือขบควาย พอเสียงอู๊ดหาย เสียงดัง เอ๊อะ เอ่อะ ๆ อยู่นานก็เงียบไป คืนนั้นเจ้าของควายไม่กล้าลงมาดู พอรุ่งเช้าไปดูเสือกัดควายแล้วจะลากควายถึกไปกิน ธรรมดาเสือจะไม่กินที่ ๆ นั้น กัดแล้วจะต้องแบกหรือลากไปกินอื่นคล้ายแมวจับหนู
เสียงอู๊ด ๆ ๆ เสือกัดควายตาย พอเสียงเงียบเสือก็ลากควายครึ่งแบกครึ่งลากไปกินอื่น ก็พอดี มาข้ามสายน้ำแห้งขวางอยู่ เสือแบกควายตกลงไป ต้นไม้ใหญ่ขวางอยู่ เสือก็ไปนอนทับต้นไม้ ควายถึงตกตามลงไป อย่างกระชั้นชิดก็ทับร่างเสือไว้ตรงโคนไม้ใหญ่ ที่ดังเอ๊อะ เอ่อะ ๆ นั้น เสือหายใจแค้น ๆ จนตายในที่สุด ตายกันทั้งคู่
๓๔...เรื่องต้องฆ่าพ่อ
เป็นเรื่องควายเกิดตัวเมีย ถ้าลูกตัวผู้ไม่ไว้จะต้องฆ่าเสีย ข้าพเจ้าเมื่อหนุ่มเคยเลี้ยงควายเป็นฝูง ควายหากเกิดจะต้องซ่อนลูกไว้ในป่ารก เสือหรือสัตว์อื่นจะไม่เห็นกระทั่งว่าเจ้าของผู้เลี้ยงก็หาไม่พบแล้วมันจะไปหากินไม่แตกฝูง ไปจากที่ซ่อนลูกพอถึงตอนเย็นจึงรีบกลับมา เอาจมูกแยงเข้าในใต้ป่าที่ซ้อนลูกก็จะลุกขึ้นมากินนม หากแม่ไม่มาแยกพุ่มไม้ที่ปิดออก ลูกควายจะไม่ลุกขึ้นทั้งวัน เมื่อปู่เล่าว่าหากเกิดตัวผู้ทางแม่จะต้องซ่อนเพราะกลัวพ่อมันฆ่าเสียตัวเมียเอาไว้ เพราะต้นตระกูลควายมันเป็นมาเช่นนั้น จนบังเกิดทรพีมาเกิด ในวันอังคารปีมะขาล เดือนห้า หน้าเที่ยง แม่เกิดแล้วไปซ่อนไว้ในถ้ำอย่าให้พ่อรู้ ส่งนมให้กินวันละครั้ง จนกระทั่งใหญ่ขึ้นมา พ่อเดินไปหากินผ่านถ้ำแต่เช้าทุกวัน ทรพีพอตกกลางงายเช้าจะต้องออกมาวัดรอยพ่อ นั่นแหละโบราณจึงถือกันนักกันหนา หากใครเกิดลูกปีมะขาลวันอังคาร เดือนห้า ร้อยทั้งร้อยพ่อแม่จะต้องตาย จะต้องตกเป็นลูกกำพร้าพ่อแม่หากเกิดเช่นนี้จะต้องยกให้ผู้อื่นเสียจึงจะปลอดภัย ทรพีนั้นออกวัดรอยเท้าพ่อจนกระทั่งรอยเท่ากันจึงออกมาแสดงตัวชนกันกับพ่อ ทรพีหนุ่มแน่น พ่อแก่มากแล้วก็ถูกทรพีฟันด้วยเขาควายตาย จึงเป็นภาษิตว่า อ้ายลูกทรพีฆ่าพ่อ
๓๕...หักสวนพระยาพาลี
เทวดาทั้ง ๙ องค์ที่เลี้ยงมนุษย์นั้น ตามโหราศาสตร์ว่าเลี้ยงสัตว์ด้วยทรพีนี้มีเทวดาเลี้ยงทั้ง ๔ เท้า จึงมีอิทธิฤทธิ์มาก จนโตขึ้นสำแดงฤทธิ์เข้าไปหักสวนผลไม้พระยาพาลี คือใช้เขาควายฟันต้นไม่จนพินาศหมด จึงตามไปรบกันในสวน ในที่แจ้ง พาลีมีฤทธิ์แรงมากเช่นกันแต่ก็ฆ่าฟันทรพีไม่ได้ เพราะกลางแจ้งมีเทวดารักษาทั้ง ๔ เท้าจึงว่องไวนัก พระยาพาลีจึงนัดกับทรพีให้ไปรบกันในถ้ำในวันรุ่งขึ้น ทรพีก็ตกลง
๓๖...สุครีพถูกลงโทษ
สุครีพเป็นยักษ์น้องพระยาพาลีก่อนพาลีจะเข้าไปรบกันไนถ้ำกับทรพีนั้นได้สั่งให้น้องว่า หากเลือดเหลวไหลออกมาจากถ้ำ แสดงว่าพระยาพาลีแพ้ให้น้องรีบปิดปากถ้ำให้ทรพีตายตามไปด้วย หากเลือดออกเป็นก้อนไม่ต้องปิด เป็นเลือดควาย ตกลงรบกันในถ้ำ พาลีถามทรพีว่าเองดีกับอะไรที่เราฆ่าฟันอาวุธไม่ถูกตัวเอง ทรพีลืมบุญคุณเทวดาที่รักษาทั้ง ๔ เท้าจึงตอบไปว่ากูดีกับตัวกูเอง เทวดาเสียใจก็ออกจาก ๔ เท้าทรพี จึงรบกันถูกพาลีฆ่าตายและฝนก็ตกลงเฉพาะในถ้ำ เลือดควายจึงไหลออกมานอกถ้ำสุครีพเห็นเลือดเหลวไหลก็รีบปิดปากถ้ำตามพี่สั่งเพราะพี่ตายเลือดเหลว กว่าพาลีจะหาทางอื่นออกได้ก็โมโหไม่ทันถามเรื่องราว ก็จับสุครีพขว้างไปตกกลางป่าใหญ่
๓๗...นอนร้องขี้ตาเท่าปลวก
เรื่องนี้นักศึกษาวิชาโหราศาสตร์จะต้องท่องจำ อยู่ในเคราะห์สานชั้นของโหราศาสตร์จะต้องดูประกอบกับเลขเจ็ดตัวและมหาทักษา หาในมหาทักษาหรือเลข ๗ ต้องมีพระหัสบดีเลี้ยงและนับอายุไปตกทิศนี้คือ ทิศปัจฉิมและหัสบดี ๒ ทับ เรียกว่าหัสทับหัสให้ระวังผู้ใหญ่จะให้โทษและหลงผิดลูกเมียสีดำแดง จะต้องถูกจากที่(ย้าย)ด้วย ในสี่เดือนแรกแกลงชะตาผู้ชายให้ตั้ง ๑๐ ปีที่ที่นั่งสุครีพแล้วเลือนซ้ายไป แม้ที่ที่นั่งราหูทิศพายับ ๑๒ ปี ที่ส่งหนุมารทิศอุดร
๓๘...พระรามมาช่วย
เกณฑ์ผู้ชายเมื่ออายุ ๔ เดือนกลางพระรามยกกองทัพเดินป่าไปรบกับทศกัณฑ์ก็มาเห็นสายน้ำไหล และออกรสคาว ๆ จึงรู้ว่าไม่ใช้น้ำธรรมดาจึงเดินตามขึ้นไปทางเหนือก็พบสุครีพนอนร้องขี้ตาเท่าปลวกอยู่และน้ำตาไหลเป็นทาง พระรามเดินตามน้ำตามาเล่าเรื่องให้สมกับน้ำตายักษ์มาก พระรามจึงช่วยเหลือพาไปกับกองทัพเป็นทหารด้วย
๓๙...คำสาบาน
สี่เดือนหลังพาลีช่วยรบพระรามด้วยทั้งน้อง คือ สุครีพก็เป็นทหารก่อนสุครีพจะแต่งงานไม่รู้ว่าสุครีพทำความดีอะไรไว้กับเทวดา เทวดาจึประธานนางอัปสรมากับพาลีผู้พี่ฝากมาให้น้องและพาลีสาบาลกับเทวดาว่าหากพาของฝากไม่ถึงน้องขอให้ศรพระนารายณ์ กินตับ กินปอด
๔๐...ฝากเนื้อไว้กับเสื้อ
พาลีจึงอุ้มนางอัปสรเหาะจากสวรรค์ตามที่เทวดาฝากมา ท่านลองคิดดูผู้ชายอุ้มสาวสวย เหาะมาทางเปลี่ยวและไกล ผมว่าทั้งผู้เขียนและผู้อ่านใครจะอดได้ก็ไม่ใช่พระอิฐพระปูน จะต้องมีจิตกำหนัดเกิดขึ้นก็พาไปเป็นเมียเองเสีย