สมุนไพรตรีผลา น้ำตรีผลา สรรพคุณ คุณประโยชน์ของสมุนไพรตรีผลา แพทย์บอก


857 ผู้ชม


สมุนไพรตรีผลา น้ำตรีผลา สรรพคุณ คุณประโยชน์ของสมุนไพรตรีผลา แพทย์บอก
แพทย์แผนไทยฯ แนะดื่ม'ตรีผลา'ปรับธาตุหน้าร้อน

สมุนไพรตรีผลา น้ำตรีผลา สรรพคุณ คุณประโยชน์ของสมุนไพรตรีผลา แพทย์บอก
น.พ.สุพรรณ ศรีธรรมมา อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
กล่าว ว่า ในฤดูร้อนนี้ประชาชนทั่วไปมักจะหาวิธีคลายร้อนต่างกันไป สำหรับวิธีช่วยดับร้อนแบบไทยนั้นมีหลายวิธีเช่นกัน ในที่นี้จะแนะนำการใช้ตำรับยามาประยุกต์เป็นเครื่องดื่มสมุนไพรได้แก่ ตำรับตรีผลา หรือตรีผล เป็นยาตำรับสมัยพุทธกาลคือ การนำผลไม้ไทย 3 ชนิด ได้แก่ สมอไทย สมอพิเภก และมะขามป้อม มาปรุงเป็นยาปรับธาตุในหน้าร้อน มีสรรพคุณช่วยรักษาความสมดุลธาตุทั้ง 4 ของร่างกาย และเป็นยาที่ปลอดภัยไร้พิษข้างเคียงใดๆ ช่วยล้างพิษออกจากระบบต่างๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะระบบทางเดินอาหาร ระบบเลือด ระบบน้ำเหลือง และใช้ได้กับคนทุกธาตุ ทุกเพศทุกวัย

สำหรับ สมอไทย มีรสเปรี้ยวฝาด ขม แทรกด้วยรสเค็ม สรรพคุณช่วยกัดเสมหะ แก้ไอ กระหายน้ำ แก้ท้องผูก แก้ไข้ บำรุงน้ำดี ช่วยทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง รสฝาดช่วยสมานแผล แก้โรคกระเพาะอาหาร คนโบราณมักกล่าวว่า กินสมอไทยอย่างเดียวเท่ากับกินสมุนไพรหลายชนิด สมอพิเภก มีรสเปรี้ยวฝาด อมหวาน มีสรรพคุณตามตำรายาไทย แก้เสมหะ แก้ไข้ และแก้โรคริดสีดวงทวาร ส่วนที่ใช้คือ ผลแก่เต็มที่ ส่วนมะขามป้อมมีรสเปรี้ยว ฝาดขม สรรพคุณแก้ไอ แก้เสมหะ ทำให้ชุ่มคอ และมีวิตามินซีสูง

น.พ.สุพรรณ กล่าวว่า สำหรับวิธีการต้มยาตำรับตรีผลาในฤดูร้อน จะผสมอัตราส่วนของสมุนไพร สมอพิเภก 12 ส่วน สมอไทย 8 ส่วน มะขามป้อม 4 ส่วน ผสมน้ำ 3 ลิตร ต้มให้เดือด เคี่ยวให้เหลือ 1 ส่วน เทกรองกากออก ดื่ม30 ซีซี. ก่อนอาหารเช้า-เย็น กรณีปรุงเป็นเครื่องดื่มสมุนไพรสูตรของกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ ทางเลือก ใช้อัตราส่วน สมอพิเภก 100 กรัม สมอไทย 200 กรัม มะขามป้อม 400 กรัม (ล้างให้สะอาด) ใส่น้ำ 6 ลิตร ตั้งไฟต้มเดือด 30 นาที ใช้รับประทานก่อนอาหารเช้า-เย็น ครั้งละ 1 แก้ว แต่ถ้าอยากได้แบบเจือจางก็ให้ใส่น้ำมากหน่อย เติมเกลือ น้ำตาล ปรุงรสตามชอบ ชงดื่มในน้ำแข็งช่วยให้สดชื่นคลายร้อน ขณะนี้มีอาจารย์มหาวิทยาลัยมหิดล และธรรมศาสตร์ กำลังศึกษาตำรับตรีผลาต้านมะเร็ง จะเห็นว่านอกจากเป็นยาแล้ว ยังเป็นน้ำสมุนไพรที่ช่วยปรับสมดุลที่ดีเยี่ยมอีกตำรับหนึ่งอีกด้วย

ที่มา : เว็บไซต์ scimath