ชุดชั้นในคนอ้วน ชุดชั้นใน ดาราเดินแบบชุดชั้นใน


1,127 ผู้ชม


ชุดชั้นในคนอ้วน ชุดชั้นใน ดาราเดินแบบชุดชั้นใน

วิธีเลือกชุดชั้นในที่ถูกต้อง  ชุดชั้นในสำหรับผู้หญิง แม้จะอยู่ใต้ร่มผ้าก็มีผลต่อการแต่งกายไม่น้อย เพราะการเลือก ชุดชั้นในที่เหมาะสมกับสรีระ จะช่วยทำให้รูปร่างได้สัดส่วน มีส่วนเว้าส่วนโค้งมากยิ่งขึ้น สำหรับคุณสาวๆ วันนี้ อัพยิ้ม มีวิธีเลือกชุดชั้นในที่ถูกต้องมาแนะนำค่ะ

วิธีเลือกชุดชั้นในที่ถูกต้อง

วิธีเลือกชุดชั้นในที่ถูกต้อง

สำหรับชุดชั้นในของผู้หญิงนั้น   มีหลากหลา่ยรูปแบบและหลายแบร์นดดัง ไซด์เดียวเบอร์เดียวกันแต่รูปแบบที่แตกต่างกันก็อาจทำให้สวมใส่ไม่พอดีกับ รูปร่าง การเลือกสวมชุดชั้นในที่เหมาะสมกับสรีระนอกจากจะช่วยทำให้รูปร่างได้สัดส่วนแล้ว ยังช่วยสริมแต่งส่วนที่บกพร่องให้ดูดีขึ้นด้วย ค่ะ วิธีเลือกชุดชั้นในที่ถูกต้องควรปฏิบัติ ดังนี้

วิธีเลือกชุดชั้นในที่ถูกต้อง

วิธีเลือกชุดชั้นในที่ถูกต้อง

 1.เลือกรูปทรง  ต้องเลือกรูปทรงที่เข้ากับรูปร่างสรีระ และทดลองสวมใส่ทุกครั้งที่ซื้อเพราะ ไซด์ และรูปแบบอาจแตกต่างกันทำให้เวลาสวมใส่ไม่กระชับพอดีกับรูปร่าง

2. เวลาทดลองสวม  การทดลองใส่ต้องเริ่มจากตะขอหลวมก่อนพราะเมื่อใส่ไปนานๆชุดชั้นในจะยืดออก

3.เลือกชุดชั้นใน  การเลือกสวมใส่ชุดชั้นในควรเลือกผ้าที่มีเนื้อนุ่ม มีความยืดหยุ่น เวลาสวมใส่จะทำให้รู้สึกสบาย

4.หากเป็นสาวที่มีหน้าอ  ควรเลือกแบบมีโครงฐานใต้อก เพื่อช่วยยกกระชับหน้าอก

5.อย่าซื้อชุดชั้นในก่อนมีประจำเดือน   ไม่ควรเลือกซื้อชุดชั้นใน ช่วงใกล้จะมีประจำเดือน ประมาณ 1 สัปดาห์ เพราะ หน้าอกจะใหญ่กว่าปกติ จะทำให้เลือกซื้อชุดชั้นในไม่กระชับพอดี

 5.การเลือกใส่ชุดชั้นในตะขอหน้า  การสวมใส่ชุดชั้นในตะขอหน้าจะช่วยทำให้หน้าอกได้รูปสวย โดยเฉพาะคนที่มีหน้าอกเล็ก

--------------

วิธีการ
เลือกยกทรงให้เข้ากับหน้าอก


กฎข้อที่ 1
วัดขนาด
ปัจจุบันทุกครั้งที่ซื้อเสื้อชั้นใน


อย่าซื้อเสื้อในเบอร์เดิมโดยไม่ได้วัดขนาด


ไม่ใช่ว่าเคยใส่ A75 ก็ใส่อยู่แบบนั้น ซื้อเบอร์นั้นตลอด 10 ปี


คนเราน่ะ อ้วน ผอม เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ขนาดของหน้าอกก็เหมือนกัน


วัดขนาดของรอบอกผ่านจุดยอดอก จดเอาไว้


วัดขนาดของรอบตัว (รอบใต้อก) จดเอาไว้


นำตัวเลขทั้งสองมาหักลบกัน


เช่น ... วัดขนาดรอบอกผ่านจุดยอดอกได้ 85 ซม.


วัดขนาดของรอบตัว (รอบใต้อก) ได้ 75 ซม.


หักลบกัน 85 - 75 = 10 ซม.


ค่าของผลต่าง คือ ขนาด หรือที่เราเรียกว่า คัพ
นั่นแหละ


ผลต่างน้อยกว่า 5 ซม. = คัพ A


ผลต่างอยู่ระหว่าง 5 ถึง 10 ซม. = คัพ B


ผลต่างอยู่ระหว่าง 10 ถึง 15 ซม. = คัพ C


ผลต่างอยู่ระหว่าง 15 ถึง 20 ซม. = คัพ D


ถ้าผลต่างมากกว่านี้อาจจะต้องไปสั่งตัดเสื้อชั้นในแล้วหละ


เวลาไปซื้อก็บอกขนาดคัพกับขนาดรอบใต้อก


หญิงสาวที่ฉันยกตัวอย่าง มีผลต่าง 10 ซม. เธอจึงมีหน้าอก คัพ B


เธอมีรอบใต้อก 75 ซม. เวลาไปซื้อก็บอกคนขายว่าขนาด B75


กฎข้อที่ 2
ลองเสื้อในทุกครั้งก่อนซื้อ


ขนาดที่วัดได้นั้นเป็นขนาดโดยประมาณที่ใกล้เคียงที่สุด


เสื้อในแต่ละรุ่นอาจจะมีรูปแบบ การตัดเย็บ และการอุ้มทรงที่ต่างกัน


ดังนั้นควรลองทุกครั้ง ว่าเบอร์นั้นกระชับหรือไม่


โดยเฉพาะเสื้อชั้นในสำหรับออกกำลังกาย ต้องลองให้กระชับ


สมมติว่า B75 ลองแล้วรู้สึกว่ารอบตัวพอดี แต่เต้าแน่นเกินไป


ก็ให้ยึดขนาดรอบตัวเท่าเดิม แต่ขยายเต้าให้ใหญ่ขึ้นเป็น 90 ซม.


คำนวณใหม่ 90 - 75 = คัพ C จงหยิบ C75 มาลองดู


แต่ถ้าลองใส่แล้ว B75 รอบตัวคับเกินไป แต่เต้าพอดีแล้ว


ให้เพิ่มรอบตัวขึ้นหนึ่งเบอร์เป็น 80 ซม. เพื่อให้ใส่สบายขึ้น


แล้วคำนวณใหม่ 85 - 80 = คัพ A จงหยิบ A80 มาลองดู


เห็นไหมว่าคิดง่ายๆ ไม่ยากเลย คราวนี้ก็ไม่ต้องสงสัย


เวลาคนขายบอกว่า B75 กับ C70 รอบอกเท่ากันค่ะ ต่างกันแค่รอบตัว


เพราะถ้ามีรอบอก 85 ก็จะได้ว่า 85 - 75 = คัพ B และ 85 - 70 = คัพ C


ดังนั้น คนที่ใส่เสื้อใน B75 ก็มีรอบอกเท่ากับ C70


เพียงแต่ว่า B75 มีรอบตัวที่หนากว่า C70 เท่านั้นเอง


กฎข้อที่ 3
การลองเสื้อชั้นในให้ลองที่ตะขอนอกสุด


เสื้อชั้นในส่วนใหญ่จะมีตะขอ 2 ถึง 3 ระดับ ให้ลองที่ตะขอนอกสุด


เพราะเวลาใส่ไปสักพักมันอาจจะยืด ก็จะได้ขยับเข้าตะขอใน



สุดท้ายที่อยากฝากไว้ก็คือ
อย่าใส่เสื้อชั้นในตลอด 24 ชม.


ปล่อยให้หน้าอกมันเป็นอิสระบ้าง
โดยเฉพาะเวลานอน

อัพเดทล่าสุด