ก็เพื่อแพร่เชื้อเข้าสู่คนให้มากที่สุดไวรัสไข้หวัดใหญ่ที่ร้ายกาจ คือ ไวรัสที่เข้าสู่คนคนหนึ่ง เพิ่มจำนวน และแพร่เชื้อสู่คนอื่นๆ แต่ร่างกายของคนเราสามารถต่อต้านมันได้ซึ่งเจ้าพวกไวรัสก็มีวิธีแพร่จำนวนของมันจนดำรงเผ่าพันธุ์ไว้ได้ เช่น อาจจะแพร่โดยยุง
แผนร้ายของไวรัส
ทำไมไวรัสไข้หวัดใหญ่จึงทำให้จาม
ก็เพื่อแพร่เชื้อเข้าสู่คนให้มากที่สุดไวรัสไข้หวัดใหญ่ที่ร้ายกาจ คือ ไวรัสที่เข้าสู่คนคนหนึ่ง เพิ่มจำนวน และแพร่เชื้อสู่คนอื่นๆ แต่ร่างกายของคนเราสามารถต่อต้านมันได้ซึ่งเจ้าพวกไวรัสก็มีวิธีแพร่จำนวนของมันจนดำรงเผ่าพันธุ์ไว้ได้ เช่น อาจจะแพร่โดยยุง (เพื่อเข้าสู่เซลล์เลือด) หรือแพร่โดยทางน้ำลายหรือสายคัดหลั่งในทางเดินหายใจ (เพื่อเข้าสู่ระบบย่อยอาหารหรือปอดให้เร็วที่สุด)
ส่วนไวรัสไข้หวัดใหญ่จะมุ่งสู่เซลล์ทางเดินหายใจของคนที่มีสุขภาพแข็งแรงดี แผนของมันคือ การไปรวมตัวอยู่ภายในเซลล์ผนังจมูกและก่อให้เกิดการอักเสบจนผู้ป่วยจามออกมา ผู้ที่ป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่จึงปล่อยสารคัดหลั่งหยดเล็ก ๆ ซึ่งเต็มไปด้วยไวรัสออกมา ผู้ที่อยู่ใกล้ก็จะหายใจเอาเชื้อเหล่านี้เข้าไป แล้วไวรัสไข้หวัดใหญ่ก็ถึงเป้าหมาย!
ทำไมไข้หวัดจึงหายได้เองภายในไม่กี่วัน
เพราะระบบภูมิคุ้มกันของเราเริ่มทำงาน และทำลายสิ่งแปลกปลอม ในระยะแรกของการแพร่เชื้อนั้น อะไรก็ราบรื่นไปหมดสำหรับไวรัส มันเพิ่มจำนวนอยู่ภายในเซลล์ของจมูก จนกลายเป็นไข้หวัดรุนแรงแต่แล้วเซลล์ในร่างกายของเราซึ่งคอยสอดส่องดูแลผู้บุกรุก จะเป็นผู้ตรวจจับมัน เซลล์สอดแนมพวกนี้จะกระตุ้นเซลล์ทหารที่ชื่อว่า ลิมโฟไซต์ (Lyumphocyte) โดยการหยิบยื่นชุดเกราะกันไวรัสให้แก่พวกมัน ซึ่งก็คือโปรตีนบนพื้นผิวนั่นเอง
เซลล์ลิมโฟไซต์บางเซลล์จึงเริ่มสร้างจรวดโมเลกุลเป็นล้านๆลำที่ชื่อว่า แอนติบอดี (antibody) แอนติบอดิถูกสร้างขึ้นเป็นจำนวนมากเพื่อส่งไปเกาะเกี่ยวกับไวรัสของไข้หวัด เพียงไม่กี่วันหลังจากนั้น การต่อสู้อย่างดุเดือดก็เริ่มขึ้น ไวรัสซึ่งถูกแอนติบอดิสกัดกั้นไว้ที่โปรตีนบนพื้นผิว จะไม่สามารถแทรกผ่านเข้าไปในเซลล์ได้อีกเลย พวกมันจึงถูกกลืนกินและทำลายโดยเซลล์ตัวใหม่ที่ชื่อว่า แมคโครฟาจ (macrophage)
ทำไมไวรัสพิษสุนัขบ้าจึงทำให้คนเราเสียชีวิต
สาเหตุแรก เพราะกลยุทธ์ของไวรัสชนิดนี้คือ การหลีกเลี่ยงภูมิคุ้มกันของร่างกายคนเรา มันจึงคุกคามเราอย่างเงียบๆ เมื่อถูกสัตว์ที่เป็นโรคกัด ไวรัสชนิดนี้จะเข้าไปอยู่ในสมอง อันเป็นอวัยวะที่ไม่มีเซลล์คุ้มกัน สาเหตุที่สอง เพราะไวรัสของโรคพิษสุนัขบ้าจะเข้าจู่โจมส่วนสำคัญของร่างกายซึ่งก็คือเซลล์ประสาท จนทำให้สมองอักเสบ
อันตรายของเชื้อโรคตัวหนึ่งขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่มันไปแพร่เชื้อ อีกอย่างไวรัสชนิดนี้ไม่ฉลาดพอที่จะฆ่าเจ้าของร่างที่มันเข้าไปอาศัยอยู่ได้ ถ้าหากผู้ป่วยเสียชีวิตลง มันจะไม่สามารถแพร่พันธุ์ได้อีกเลย เป็นสิ่งที่อธิบายได้ว่าโรคพิษสุนัขบ้าไม่ใช่โรคระบาด
ทำไมเรามีโอกาสเป็นไข้หวัดใหญ่สองครั้ง แต่เป็นอีสุกอีใสได้ครั้งเดียว
มันคือความแตกต่างที่ตลกมาก กาครที่เราไม่เป็นอีสุกอีใสซ้ำสอง ก็เพราะร่างการของเราจะจำรูปร่างลักษณะของเชื้อโรคที่ผ่านเขามาเอาไว้ได้ และไวรัสของอีสุกอีใสก็ไม่สามารถเปลี่ยนรูปได้ ดังนั้นเมื่อมันเข้าสู้ร่างกายของเรา เซลล์ทหารจะผลิตอาวุธ (แอนติบอดิ) ออกมาสู้รบ ส่วนเซลล์ทหารอีกกลุ่มจะคอยจดจำรูปร่างของไวรัสซุ่มอยู่เงียบ ๆ
เมื่อการทำสงครามกับไวรัสอีสุกอีใสสิ้นสุดลง ร่างกายของเราจะกักเก็บอาวุธเอาไว้บางส่วน แอนติบอดิที่ต่อต้านอีสุกอีใสจะไหลเวียนอยู่ในกระแสเลือดนาน 2-3 ปี ส่วนเซลล์ความจำจะจดจำลํกษณะของเชื้อโรคชนิดนี้ไปตลอดทั้งชีวิตของพวกมัน ผลที่ได้คือ แม้ว่าเราจะไปกอดน้องชายที่ป่วยเป็นโรคนี้อยู่ ไวรัสของอีสุกอีใสก็ไม่สามารถทำอะไรเราได้ ต่างจากไวรัสของไข้หวัดใหญ่เพราะเชื้อโรคชนิดนี้จะหวนกลับมาด้วยรูปร่างลักษณธที่เปลี่ยนแปลงไป อาวุธต่อต้านไข้หวัดใหญ่ของปีที่แล้ว จึงอาจใช้งานไม่ได้ผลเป็นไปได้ที่ไข้หวัดใหญ่จะกลับมาเล่นงานเราอีกเรื่อย ๆ
รู้หรือไม่
โรคซาร์ส (Sars) คือ โรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง โดยพบเชื้อที่เมืองกวางตุ้งของจีน ก่อนข้ามไปยังเกาะฮ่องกง และแพร่ระบาดไปทั่งโลก ผู้ป่วยจะมีอาการไข้สูง ไอแหบแห้งหายใจติดขัด และมีความผิดปกติที่ปอด อาจทำให้ปอดบวมและเสียชีวิตได้
ประเด็นคำถาม
1. การศึกษาแหล่งที่มาหรือสาเหตุของโรคมีผลดีอย่างไร
2. ทำไมไวรัสไข้หวัดใหญ่จึงทำให้จาม
3. ทำไมเรามีโอกาสเป็นไข้หวัดใหญ่สองครั้ง แต่เป็นอีสุกอีใสได้ครั้งเดียว
4. ทำไมไวรัสพิษสุนัขบ้าจึงทำให้คนเราเสียชีวิต
5. โรคซาร์ส (Sars) มีลักษณะอาการเป็นอย่างไร
กิจกรรมเสนอแนะ
1. ให้นักเรียนไปศึกษาเพิ่มเติมในห้องสมุดโรงเรียนหรือในอินเตอร์เน็ต
2. เชิญเจ้าหน้าที่สาธารณสุขออกให้ความรู้เกี่ยวกับโรคที่เกิดจากไวรัสและการป้องกันรักษา
การบูรณาการกับกลุ่มสาระอื่นๆ
1. ภาษาไทย การอ่านจับใจความ การสรุปบทความในข่าว
2. วิทยาศาสตร์ ไวรัส และแบคทีเรียเป็นเชื้อโรคที่ไม่สามารถมองด้วยตาเปล่า
3. สังคมศึกษา สิทธิการเข้ารักษาโรคในโรงพยาบาลของรัฐ
4. สุขศึกษาและพลศึกษา (พลศึกษา) การศึกษาโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสชนิดต่างๆ และการป้องกันรักษา
แหล่งที่มาของข้อมูลและภาพ
นิตยสาร GoGenius ปีที่ 5 ฉบับที่ 50 มิถุนายน 2552