การรุกบริเวณหน้าตาข่ายหรือที่นิยมเรียกกันว่า การทำ จุดมุ่งหมายของการรุก เพื่อให้ ลูกตะกร้อตกลงในสนามฝ่ายตรงข้าม หรือไม่ให้ผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามสามารถรับหรือเล่นลูกตะกร้อได้อีก ในการเล่นกีฬาเซปักตะกร้อมีวิธีการรุกบริเวณหน้าตาข่ายด้วยกันหลายวิธี
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเชียงใหม่เขต 1 เตรียมระเบิดศึกหวดลูกพลาสติก"นักเรียน สพฐ. มาราธอน 2009"ชิงถ้วยพระราชทานของ"สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯสยามกุฏราชกุมาร"รอบคัดเลือกตัวแทนจังหวัดเชียงใหม่ใน 3 รุ่นอายุนายโกศล ปราคำ ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเชียงใหม่เขต 1 เปิดเผยว่าทางสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเชียงใหม่เขต 1 ได้รับมอบหมายจากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานให้ดำเนินการจัดการแข่งขันเซปักตะกร้อนักเรียน"สพฐ. มาราธอน 2009" ชิงถ้วยพระราชทานของ"สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯสยามกุฏราชกุมาร"รอบคัดเลือกตัวแทนจังหวัดเชียงใหม่ในระหว่างวันที่ 8 - 10 สิงหาคม 2552 ณ สนามตะกร้อสถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตเชียงใหม่
ในการแข่งขันเซปักตะกร้อนักเรียน"สพฐ. มาราธอน 2009" ครั้งนี้ได้กำหนดจัดแข่งขันใน 2 ประเภทมีประเภททีมชายและประเภททีมหญิงแบ่งออกเป็น 3 รุ่นอายุได้แก่รุ่นอายุไม่เกิน 12 ปี รุ่นอายุไม่เกิน 15 ปีและรุ่นอายุไม่เกิน 18 ปี สำหรับโรงเรียนต่างๆในจังหวัดเชียงใหม่ที่สนใจส่งทีมเข้าร่วมแข่งขันขอรายละเอียดเพิ่มเติมและสมัครได้ที่ฝ่ายส่งเสริมสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเชียงใหม่เขต 1 ได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปในวันเวลาราชการโดยทีมที่ชนะเลิศในแต่ระรุ่นอายุชาย - หญิงจะได้เป็นตัวแทนจังหวัดเชียงใหม่ไปแข่งขันในรอบภาคเหนือต่อไป
ที่มา: https://203.172.247.84/webcri2/modules/news/visit.php?fileid=569
สาระที่ ๓ : การเคลื่อนไหว การออกกำลังกาย เกม กีฬาไทย และกีฬาสากล
มาตรฐาน พ ๓. ๑: เข้าใจ มีทักษะในการเคลื่อนไหว กิจกรรมทางกาย การเล่นเกมและกีฬา
มาตรฐาน พ ๓.๒ : รักการออกกำลังกาย การเล่นเกม และการเล่นกีฬา ปฏิบัติเป็นประจำ อย่างสม่ำเสมอ มีวินัย เคารพสิทธิ กฎ กติกา มีน้ำใจนักกีฬา มีจิตวิญญาณในการแข่งขัน และชื่นชมในสุนทรียภาพของการกีฬา
ผลการเรียนรู้ที่คาดหว้ง
1.สามารถอธิบายและปฏิบัติทักษะการสกัดกั้นได้
2.สามารถอธิบายความสำคัญของการสกัดกั้นได้
การสกัดกั้นหรือการบล๊อกลูกตะกร้อเป็นทักษะอย่างหนึ่ง ที่ใช้เล่นในกีฬาเซปักตะกร้อ เป็นการเล่นของผู้เล่นฝ่ายรับ ซึ่งมีวิธีการสกัดกั้น ดังนี้ คือ การสกัดกั้นด้วยขาและลำตัว การสกัดกั้นด้วยหลังและการสกัดกั้นด้วยศีรษะ เพื่อ ไม่ให้ลูกตะกร้อจากการรุกของฝ่ายตรงข้าม ข้ามตาข่ายมาลงในแดนของฝ่ายรับได้ หรือเพื่อเพิ่มความกดดันการรุกหรือการทำบริเวณหน้าตาข่าย ของผู้เล่นฝ่ายตรงข้าม
การสกัดกั้นหรือที่นิยมเรียกกันว่า การบล๊อก เป็นการเล่นของฝ่ายรับ ที่พยายามไม่ให้ลูกตะกร้อจาการรุกหรือการทำของฝ่ายตรงข้าม ข้ามมาลงในสนามของฝ่ายรับ และเพื่อกดดัน การรุกหรือการทำของฝ่ายตรงข้าม สถาพร เกษแก้ว (2543 : 133) ได้ให้ความหมายของ การสกัดกั้นหรือการบล๊อกไว้ว่า คือ การตั้งรับที่เกิดหลังจากการรุกด้วยการเสิร์ฟ ซึ่งฝ่ายตรงข้ามจะรุกกลับทันทีหลังจากการเสิร์ฟแล้ว อาจจะเป็นการเล่นครั้งที่ 2 หรือครั้งที่ 3 ซึ่งเป็นการรุก ที่รุนแรงและรวดเร็ว ยากแก่การตั้งรับแบบธรรมดา
การสกัดกั้นหรือบล๊อกด้วยศีรษะ การสกัดกั้นหรือบล๊อกด้วยหลัง การสกัดกั้นหรือบล๊อกด้วยลำตัวและขา
การสกัดกั้นหรือบล๊อกด้วยศีรษะ
การสกัดกั้นหรือการบล็อกด้วยศีรษะ คือ การกระโดดใช้ศีรษะบริเวณด้านบน บล๊อกหรือสกัดกั้นจากการรุกของคู่แข่งขัน มักจะนิยมใช้กับการรุกใกล้ตาข่าย หรือลูกที่อยู่เหนือตาข่าย โดยระมัดระวังไม่ให้อวัยวะส่วนของศีรษะยื่นข้ามตาข่าย ซึ่งมีวิธีการปฏิบัติดังนี้
1 ยืนตรงหันหน้าเข้าหาตาข่าย อย่าให้ร่างกายชิดตาข่ายมากเกินไป
2 ย่อเข่ากระโดดลอยตัวขึ้นตรง ๆ ด้วยเท้าทั้งสองข้าง แขนทั้งสองกางออก เล็กน้อย เพื่อการทรงตัว
3. ก้มศีรษะ เก็บใบหน้า ให้บริเวณด้านบนของศีรษะตั้งเป็นแผงรับการรุกของ คู่แข่งขัน โดยไม่ต้องหลับตา
4 ระวังอย่าให้ศีรษะยื่นข้ามตาข่าย และส่วนต่าง ๆ ของร่างกายถูกตาข่ายหรือเหยียบเส้นแบ่งกลาง
ให้ฝึกเคลื่อนตัวไปทั้งด้านซ้ายและขวา โดยสไลด์เท้า 2 – 3 ก้าว แล้วกระโดดขึ้นบล๊อกตลอดแนวของตาข่าย
การสกัดกั้นหรือบล๊อกด้วยหลัง
การสกัดกั้นหรือการบล๊อกด้วยหลัง คือ การกระโดดขึ้นบล๊อกตรง ๆ หรือ เอียงตัว โดยใช้บริเวณส่วนของแผ่นหลังสกัดกั้นการรุกของคู่แข่งขัน การบล๊อกด้วยหลังนิยมเล่นกัน 2 แบบ คือ การขึ้นบล๊อกแบบตัวตรง และการขึ้นบล็อกแบบตัวเอียง โดยมีวิธีปฏิบัติดังนี้
1 การสกัดกั้นหรือการบล๊อกด้วยหลังแบบตัวตรง
2 ยืนหันหลังเข้าหาตาข่าย แต่อย่าให้ชิดตาข่ายมากเกินไป
่ 3 กระโดดลอยตัวด้วยเท้าทั้งสองข้างให้แผ่นหลังอยู่สูงเหนือตาข่าย
4 เก็บแขนทั้งสองข้างให้ดี หรือกางออกด้านข้างเล็กน้อยเพื่อการทรงตัว
5 ฝึกเคลื่อนตัวไปทั้งด้ายซ้ายและขวา โดยสไลด์เท้า 2 – 3 ก้าว แล้วกระโดดขึ้นบล๊อกตลอดแนวตาข่าย
การสกัดกั้นหรือบล๊อกด้วยลำตัวและขา
การสกัดกั้นหรือการบล๊อกด้วยลำตัวและขา คือ การกระโดดใช้อวัยวะของร่างกายส่วนขาและลำตัว ขึ้นสกัดกั้นหรือบล๊อกลูกตะกร้อ จากการเล่นลูกตะกร้อบริเวณหน้าตาข่ายของ ผู้เล่นฝ่ายตรงข้าม การบล๊อกวิธีนี้นิยมเล่นกันมากที่สุด เพราะสามารถบล๊อกได้ทั้งลูกสูง ลูกต่ำ ระยะใกล้ ระยะไกล และมีประสิทธิภาพสูง ขอแนะวิธีการสกัดกั้นหรือบล๊อกด้วยลำตัวและขา ดังนี้
1 ยืนหันไหล่ข้างที่ตนเองถนัดเข้าหาตาข่าย เท้าถนัดอยู่ด้านหน้า เท้าไม่ถนัดอยู่ด้านหลังห่างจากตาข่ายโดยประมาณ คือไม่ชิดตาข่ายหรือห่างตาข่ายมากเกินไป และหันหน้าไปยังฝ่ายตรงข้าม สายตามองที่ลูกตะกร้อ
2 เมื่อผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามกระโดดขึ้นเตะ (ฟาด) ลูกตะกร้อ ให้ก้าวเท้าไม่ถนัดไปด้านหน้า 1 ก้าว แล้วใช้เท้าไม่ถนัดกระโดดพร้อมยกขาข้างถนัดและลำตัวขึ้นเหนือตาข่าย โดยเหยียดลำตัว ต้นขา และปลายเท้าให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แขนข้างถนัดให้แนบชิดกับลำตัว และงอพับเก็บไว้บริเวณหน้าท้อง และระมัดระวังไม่ให้ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายถูกตาข่าย หรือล้ำเข้าไปยังฝ่าย ตรงข้ามไม่ว่าจะเป็นส่วนบนหรือส่วนล่าง หรือเหยียบเส้นกลางสนาม
3 กลับลงสู่พื้นด้วยเท้าไม่ถนัด พร้อมกางแขนออกเพื่อการทรงตัว
ที่มา: hilight.kapook.com
กิจกรรมเสนอเสนอแนะ
1.ก่อนการเล่นตะกร้อควร Warm Up ทุกครั้ง และหลังการเล่นต้อง Cool Down
2.ศึกษาเพิ่มเติมและติดตามการแข่งขันตะกร้อเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง
3.ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ด้วยการตะกร้อ
การบูรณาการกับสาระการเรียนรู้อื่นๆ
1.สาระการเรียนรู้ภาษาไทย เกี่ยวกับ การเล่นลูกการสกัดกั้น
2.สาระการเรียนรู้ศิลปศึกษา เกี่ยวกับ การวาดภาพ
3.สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เกี่ยวกับ แรงและการเคลื่อนไหว ในการเล่นลูกการสกัดกั้น
อ้างอิงแหล่งที่มาของข้อมูล
1.ที่มา: https://www.prdnorth.in.th
2.ที่มา: hilight.kapook.com
ประเด็นคำถาม
2. การเล่นลูกการสกัดกั้นมีความสำคัญอย่างไร
ที่มา : https://www.sahavicha.com/?name=knowledge&file=readknowledge&id=1560