ทักษะตะกร้อตอนที่ 6


1,040 ผู้ชม


การรุกบริเวณหน้าตาข่ายหรือที่นิยมเรียกกันว่า การทำ จุดมุ่งหมายของการรุก เพื่อให้ ลูกตะกร้อตกลงในสนามฝ่ายตรงข้าม หรือไม่ให้ผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามสามารถรับหรือเล่นลูกตะกร้อได้อีก ในการเล่นกีฬาเซปักตะกร้อมีวิธีการรุกบริเวณหน้าตาข่ายที่ได้ผลเช่นการเล่นลูกซีนแบ๊ค   

          ทีมชาติไทยชนะเลิศการแข่งขันตะกร้อ คิงส์คัพ ครั้งที่ 25 ที่เชียงใหม่ ปิดฉากการแข่งขันตะกร้อชิงถ้วยพระราชทาน คิงส์คัพ ครั้งที่ 25 ที่เชียงใหม่ ทีมไทยชนะเลิศได้ครองถ้วยพระราชทานตามคาด ในขณะที่เกาหลีใต้เบียดมาเลเซียคว้าอันดับ 2 ไปครอง 
           นายอรรถนิติ ดิษฐอำนาจ องคมนตรี เป็นประธานในพิธีปิดการแข่งขันและมอบถ้วยรางวัลพระราชทาน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการแข่งขันตะกร้อชิงแชมป์โลก คิงส์คัพ ครั้งที่ 25 ที่โรงพลศึกษา สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งทำการแข่งขันระหว่าง 27 กรกฎาคม – 1 สิงหาคม 2553 มีประเทศต่างๆ ส่งทีมตะกร้อทั้งชายและหญิงเข้าร่วมแข่งขันจำนวน 23 ประเทศ แบ่งการแข่งขันออกเป็นประเภททีมชุด ทีมเดี่ยว ตะกร้อคู่ และตะกร้อลอดห่วงสากล โดยแยกทีมชาย-หญิง ทั้ง 4 ประเภท รวม 8 ประเภท ทีมที่ชนะเลิศประเภททีมชุด จะได้รับรางวัลถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไปครองเป็นเวลา 1 ปี 
            สำหรับผลการแข่งขันเป็นไปตามคาด ทีมชาติไทยสามารถครองตำแหน่งชนะเลิศ ได้รับถ้วยรางวัลพระราชทาน คิงส์คัพ ประจำปี 2553 โดยในรอบชิงชนะเลิศสามารถเอาชนะทีมชาติเกาหลีใต้ 2 – 0 ทีม ทำให้ทีมชาติเกาหลีใต้ได้ครองอันดับที่ 2 หรือรองชนะเลิศ ส่วนอันดับที่ 3 ไม่มีการชิง เป็นการครองร่วมกันระหว่างมาเลเซียและอินโดนีเซีย ทั้งนี้ ทีมเกาหลีใต้ถือว่าเป็นทีมที่สร้างความประหลาดใจไม่น้อย ที่สามารถชนะทีมมาเลเซียในรอบรองชนะเลิศและเข้าชิงชนะเลิศกับทีมชาติไทยได้

                                   ที่มา: สำนักข่าวแห่งชาติ กรมประชาสัมพันธ์ : https://thainews.prd.go.th

กลุ่มสาระการเรียนรู้ สุขศึกษาและพลศึกษา ช่วงชั้นที่ ๔( ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖)
สาระที่ ๓ :  การเคลื่อนไหว การออกกำลังกาย  เกม  กีฬาไทย และกีฬาสากล
มาตรฐาน พ ๓. ๑:  เข้าใจ มีทักษะในการเคลื่อนไหว กิจกรรมทางกาย การเล่นเกมและกีฬา
มาตรฐาน พ ๓.๒ : รักการออกกำลังกาย การเล่นเกม และการเล่นกีฬา  ปฏิบัติเป็นประจำ  อย่างสม่ำเสมอ  มีวินัย  เคารพสิทธิ กฎ กติกา  มีน้ำใจนักกีฬา  มีจิตวิญญาณในการแข่งขัน  และชื่นชมในสุนทรียภาพของการกีฬา

ผลการเรียนรู้ที่คาดหว้ง

๑.สามารถอธิบายและปฏิบัติทักษะการกระโดดเตะสลับหลังได้
๒.สามารถอธิบายความสำคัญของการกระโดดเตะสลับหลังได้

การกระโดดเตะสลับหลัง
                  การกระโดดเตะสลับหลังหรือที่นิยมเรียกกันว่า  การเตะซันแบค  (Son  Back)   เป็นการรุกหรือทำบริเวณหน้าตาข่ายวิธีหนึ่ง ที่มีความรุนแรงและมีประสิทธิภาพสูง เพราะยากต่อการสกัดกั้น และการรับของฝ่ายตรงข้าม ประเทศที่นิยมเล่นการรุกหรือทำด้วยการเตะสลับหลังมากที่สุด คือประเทศมาเลเชีย   การกระโดดเตะสลับหลังเป็นทักษะอย่างหนึ่ง ที่จะพัฒนาผู้เล่นไปสู่การกระโดดฟาดหรือการกระโดดเตะคล้ายการตีลังกา  ขอแนะนำการกระโดดเตะสลับหลังดังนี้
                ๑.   ยืนหันหลังให้ตาข่ายเท้าไม่ถนัดอยู่ด้าน เท้าถนัดหรือเท้าที่จะใช้เตะลูกตะกร้ออยู่ด้านหลัง ยืนห่างจากตาข่ายพอประมาณ
                ๒.   สายตามองดูลูกตะกร้อที่กำลังเคลื่อนที่เข้ามา   
                ๓  เมื่อลูกตะกร้อเคลื่อนที่เข้ามาใกล้ระยะการเตะ ให้ยกเท้าไม่ถนัดขึ้นและลดเท้าลงสู่พื้น   ในจังหวะที่กำลังจะลดลงสู่พื้น    ให้ออกแรงสปริงเท้าข้างถนัดขึ้นสูงเหนือลูกตะกร้อแล้วเตะลูกตะกร้อให้ข้ามตาข่ายลงสนามฝ่ายตรงข้ามหรือหากลูกตะกร้อเคลื่อนที่เข้ามาไม่ถึงระยะการเตะ ให้เคลื่อนที่เข้าไปหาลูกตะกร้อโดยการก้าวเท้าถนัด  1  ก้าว  แล้วยกเท้าไม่ถนัดขึ้นและลดเท้าลงสู่พื้น ในจังหวะที่เท้ากำลังจะลงสู่พื้นให้ออกแรงสปริงเท้าข้างถนัดขึ้นสูงเหนือลูกตะกร้อ แล้วเตะลูกตะกร้อให้ข้ามตาข่ายลงสนามฝ่ายตรงข้าม
                ๔.   เมื่อเตะลูกตะกร้อแล้วให้ผ่อนแรงลง กลับสู่พื้นในทิศทางเดิม

ทักษะตะกร้อตอนที่ 6

ทักษะตะกร้อตอนที่ 6

ทักษะตะกร้อตอนที่ 6


ประเด็นคำถาม

๑. ทักษะการเล่นลูกกระโดดเตะสลับหลังเป็นอย่างไร
๒. การเล่นลูกกระโดดเตะสลับหลังมมีความสำคัญอย่างไร

กิจกรรมเสนอเสนอแนะ 
๑.ก่อนการเล่นตะกร้อควร Warm  Up ทุกครั้ง และหลังการเล่นต้อง Cool Down 
๒.ศึกษาเพิ่มเติมและติดตามการแข่งขันตะกร้อเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง
๓.ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ด้วยการตะกร้อ

การบูรณาการกับสาระการเรียนรู้อื่นๆ
๑.สาระการเรียนรู้ภาษาไทย เกี่ยวกับ การเล่นลูกการกระโดดเตะสลับหลัง
๒.สาระการเรียนรู้ศิลปศึกษา เกี่ยวกับ การวาดภาพ
๓.สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เกี่ยวกับ แรงและการเคลื่อนไหว ในการเล่นลูกการกระโดดเตะสลับหลัง

แหล่งที่มาของข้อมูล
๑.ที่มา:  https://www.prdnorth.in.th
๒.ที่มา: นักเรียนโรงเรียนวังเหนือวิทยา จังหวัดลำปาง

 
<iframe width="560" height="315" src="//www.youtube.com/embed/JgAF6mcBvyA" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>
ที่มา : https://www.sahavicha.com/?name=knowledge&file=readknowledge&id=3109

อัพเดทล่าสุด