ณ เวลานี้คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกคนไม่รู้จักเขา เพราะเขาเป็นคนที่มีชื่อเสียงระดับโลก ทำไมเขาจึงโด่งดัง ลองไปหาคำตอบกัน
ที่มาของภาพ : https://bkmarcus.com/
แล้วคำว่า pig กับ pigs แตกต่างกันไหมครับ แล้วมันต่างกันอย่างไร
สองคำนี้แปลว่าหมูทั้งสองคำ แตกต่างกันตรงที่จำนวนครับ สังเกตจากพยัญชนะที่ต่อท้าย ถ้าคำนามตัวใดมี s ต่อท้ายหมายความว่ามีจำนวนหลายตัว แต่ถ้าไม่มี s ต่อท้ายแปลว่ามีจำนวนตัวเดียวครับ เช่น
I a have a pig. ฉันมีหมูหนึ่งตัว
Pigs are eating. หมูหลาย ๆ ตัวกำลังกินข้าว
อ๋อเข้าใจแล้ว การเติม s ต่อท้ายคำหมายความมีจำนวนหลายตัว ถ้าอย่างนั้น fly แปลว่าแมลงวันหนึ่งตัว flys ก็แปลว่าแมลงวันหลายตัวใช่ไหมครับ ยัง....ยังก่อน กฎเกณฑ์ของภาษาอังกฤษมีอะไรที่่ต้องศึกษามากมาย วันนี้เราจะมาเรียนรู้หลักเกณฑ์ทางภาษาเรื่อง Singular & plural กันนะครับ
หลักการทำคำนาม เอกพจน์ให้เป็นพหูพจน์
เอกพจน์คือนามที่มีเพียงจำนวนเดียว พหูพจน์คือคำนามที่มีตั้งแต่สองจำนวนขึ้นไป หลักเกณฑ์ในการทำคำนามเอกพจน์ให้เป็นพหูพจน์มีดีงนี้
1. เติม s ที่ท้ายคำนาม เช่น
dog > dogs ดอก > ดอกส สุนัข
birds > birs เบิด > เบิดส นก
tiger > tigers ไทเกอะ > ไทเกอส เสือ
book > books บุค > บุคส หนังสือ
2. คำนามที่ลงท้ายด้วย s, x, z, ch และ sh ให้เติม es เวลาอ่านจะลงท้ายว่า เช็ส หรือ เซ็ส นะครับ
bus > bus บัส > บัสเซ็ส รถบัส
box > boxes บ็อกซ > บ็อกเซ็ส กล่อง
watch > watches ว็อทช > ว็อทเช็ส นาฬิกา
dish > dishes ดิช > ดิชเช็ส จาน
3. คำนามที่ลงท้ายด้วย y ถ้าหน้า y ลงท้ายด้วยสระ a, e, i, o, u ให้เติม s ได้เลย
day > days เด > เดส วัน
monkey > monkeys มังคิ > มังคิส ลิง
toy > toys ทอย > ทอยส ของเล่น
แต่ถ้าหน้า y เป็นพยัญชนะ ให้เปลี่ยน y เป็น i แล้วเติม es
fly > flies ฟลาย > ฟลายส แมลงวัน
baby > babies เบบิ > เบบิส เด็กทารก
lady > ladies เลดิ > เลดิส สุภาพสตรี
4. คำนามที่ลงท้ายด้วย o ค่อนข้างยากนิดนึง เพราะว่ามีบางคำที่ให้เติม s บางคำให้เติม es และบางคำเติมได้ทั้ง s และ es
คำที่ให้เติม s ที่ควรรู้จักมีดังนี้
radio > radios เรดิโอ > เรดิโอส วิทยุ
studio > studios สตูดิโอ > สตูดิโอส ห้องสตูดิโอ
piano > pianos พิแอโน > พิแอโนส เปียโน
คำนามที่เติม es ที่ควรรู้จักคือ
hero > heroes เฮียโร > เฮียโรส
pataato > patatoes พะเทโท > พะเทโทส
tomato > tomatoes ทะเมโท > ทะเมโทส
คำนามที่เติมสามารถเติมได้ทั้ง s และ es ที่ควรรู้จักคือ
buffalo > buffalos/ mangoes บัฟโล > บัฟโลส ควาย
mango > mangos/ mangoes แมงโก > แมงโกส มะม่วง
5. มีคำนามบางตัวที่ไม่ต้องเติม s แต่เป็นการเปลี่ยนรูปแทน
man > men แมน > เม็น ผู้ชาย
woman > women วูเมิน > วีมิน ผู้หญิง
foot > feet ฟุท > ฟีท เท้า
tooth > teeth ทุธ > ทีธ ฟัน
นี่คือหลักเกณฑ์การเปลี่ยนคำนามเอกพจน์ให้เป็นพหูพจน์ ซึ่่งเป็นแค่เบื้องต้นเท่านั้นนะครับ ยังมีรายละเอียดปลีกย่อยอีกมากมายแต่ในขั้นต้นขอให้ทำความเข้าใจเนี้อหาเหล่านี้ให้ถ่องแท้ก็ถือว่าเยี่ยมยอดแล้วครับ
ประเด็นคำถามเพื่อนำไปสู่การอภิปรายในห้องเรียน
1. อะไรคือความแตกต่างระหว่างคำในภาษาอังกฤษและภาษาไทย
กิจกรรมเสนอแนะ
1. ควรศึกษาความแตกต่างของการใช้คำ ระหว่างภาษาอังกฤษและภาษาไทย
การบูรณาการกับกลุ่มสาระอื่น
1. สาระการเรียนรู้ภาษาไทย เรื่องความแตกต่างของภาษา
แหล่งที่มาของข้อมูล
https://dictionary.cambridge.org
https://th.wikipedia.org
ที่มา :https://www.sahavicha.com/?name=knowledge&file=readknowledge&id=308