กฏการใช้กริยา verb to be
Be
ว่าด้วยกริยา เป็น อยู่ คือ
กริยา verb to be เป็นคำกริยาแท้ในประโยค จะใช้ก็เมื่อเราต้องการพูดอะไรก็ตามที่แสดงสถานะ สภาพของสิ่งต่างๆ กริยาตัวนี้มีสามความหมาย แปลว่า “เป็น” “ อยู่” “คือ” และกฎของกริยา Be มี 4 ประการคือ
1. เมื่อต้องการจะสื่อความหมายว่า เป็น คือ
I am a student.
ไอ แอม อะ สดิวเด็นท์
ฉัน เป็น นักเรียน
2.ความหมายว่า อยู่ ก็เช่น
I am in the classroom.
ไอ แอม อิน เดอะ คลาส รูม
ฉัน อยู่ในห้องเรียน
3.ใช้ควบคู่กับกริยา “กำลัง”
I am teaching English.
ไอ แอม ทีชชิ่ง อิงลิช.
ฉันกำลังสอนภาษาอังกฤษ
4.ใช้ควบคู่กับคำ “คุณศัพท์”
My cat is brown.
มาย แคท อิส บราว
แมวของฉัน สีน้ำตาล
กริยานี้ก็มีแค่สามความหมายนี้เท่านั้น แต่ถ้าไปรวมกับคำอื่นๆ ก็จะมีความหมายที่ต่างออกไป เช่น เมื่อไปอยู่หลัง there (there is, there are) จะแปลว่า “มี” ถ้าไปร่วมกับ able to = be able to จะแปลว่า “สามารถ” (can) การใช้ก็อย่างที่บอกว่าขึ้นอยู่กับว่า be จะอยู่กับ (ประธาน) ตัวไหน และประธานภาษาอังกฤษมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 7 ตัว ดังนี้คือ I, you, we, they, he, she, และ it เวลาใช้กริยา be ในความหมายที่เป็นปัจจุบัน ตอนนี้ ขณะนี้ ก็จะใช้ในสามรูปคือ is, am, are และก็ใช้ตามนี้ค่ะ
I am
You are
We are
They are
He/She/It is
เมื่อไรที่พูดถึงอดีตกริยา be ก็จะเปลี่ยนได้สองรูปคือ was กับ were
I was
He/She/It was
You/We/They were
ถ้าพูดถึงอนาคตก็ง่ายไปใหญ่เพราะ be จะไม่เปลี่ยนไปแต่จะใช้ will ซึ่งเป็นกริยาช่วยตัวเดียวเท่านั้น ไม่ว่าประธานจะเป็นอะไร กริยา be ก็จะใช้ will ตัวเดียว เช่น I/You/We/They/He/She/It will be….
ทั้งนี้ทั้งนั้นอย่าลืมทำความเข้าใจเรื่อง tense ต่างๆ ในภาษาอังกฤษด้วยนะคะ เพราะว่าสำคัญมาก tense ก็คือกาละ หรือเวลานั่นเอง จะให้คนอื่นเข้าใจเราก็ต้องบอกให้เค้ารู้ว่าเรากำลังพูดถึงอดีต ปัจจุบัน หรือเรื่องที่ยังมาไม่ถึงค่ะ ขอบคุณคำติชมค่ะ
ที่มา : https://www.sahavicha.com/?name=knowledge&file=readknowledge&id=407