การคิดวิเคราะห์สารที่อ่านนั้นจะต้องรู้ถึงความหมายและหลักการ
ที่มาของภาพ : https://movie.sanook.com/story_picture/b/11369_029.jpg
ผิด....ผี ?
อ้ายหมึก...ยืนอยู่ในเงามืด รอบๆตัวปกคลุมไปด้วยต้นไม้ หลังจากตะวันลาฟ้าลับจากไป บรรยากาศรอบๆตัวเริ่มมืด มองไปทางไหนเหมือนสีดำไหลเข้าดวงตา มันขยับตัวด้วยความเมื่อยขบ เนื่องจากเข้ามาซุ่มอยู่ในบริเวณนี้ตั้งแต่ ช่วงเย็นที่ผ่านมา ก่อนออกจากบ้าน ก็เที่ยวประกาศบอกกับใครๆว่าจะไปหาเพื่อนที่ต่างจังหวัด..ความจริงแล้วคนอย่างอ้ายหมึกจะไปไหนมาไหนก็ไม่ค่อยมีคนสนใจ เพราะตามปกติมันก็หายหัวจากบ้านอยู่บ่อยๆ แต่ครั้งนี้ดูแปลกๆเพราะเจตนาให้ผู้คนรับรู้ว่าตัวมันจะไม่อยู่
สำหรับพ่อ-กับแม่ของอ้ายหมึก ถึงกับยกมือท่วมหัว เพราะอยู่บ้านขี้เกียจตัวเป็นขน การงานไม่เคยช่วยจับช่วยทำ แต่เรื่องกินเรื่องนอนเป็นที่หนึ่งไม่แพ้ใคร ทั้งพ่อและแม่ได้แต่ส่ายหัวด้วยความระอา ดุด่าก็แล้วสั่งสอนก็แล้ว อ้ายหมึกครับลูกเดียว แต่มึนเป็นควายนอนหลับ..จนคนด่าระอาเมื่อยปากไปเอง
นิสัยของอ้ายหมึก อันธพาลเกเรเหมือนพวกวัยรุ่นๆทั่วๆไป ชอบทะเลาะเบาะแว้งกับชาวบ้านเป็นประจำ ไม่ว่าเด็กผู้ใหญ่ ผู้หญิงและคนชรา หัวหงอกหัวดำ มันทะเลาะกับเขาไม่เลือก หากผู้นั้นมาเกะกะขวางตามัน ชาวบ้านที่รู้จักนิสัยจะพยายามหลีกหนีไม่อยากข้องแวะด้วย คิดว่าไม่อยากทะเลาะกับหมาบ้า
แต่ มีหนึ่งเดียวในหมู่บ้านนี้ที่ไม่คิดกลัวอ้ายหมึก ถึงอ้ายหมึกจะมีกล้ามใหญ่ หรือแข้งหนัก สำหรับ นางแห้งแล้ว แกมองเป็นแค่อ้ายหมึกเด็กในหมู่บ้านเท่านั้น นางแห้งอายุเกือบ 50 ปีรูปร่างสมกับที่พ่อ-แม่ตั้งให้ แต่ถึงจะมีรูปร่างที่แห้งเหี่ยวเหมือนคนไร้เรี่ยวแรง สวรรค์ก็ไม่ลำเอียงจัดการเอาลำโพงขนาด 100 วัตต์ยัดใส่ปากมาให้ด้วย ตามภาษานักเลงเค้าเรียกว่ามีปากเป็นอาวุธ ใครๆก็กลัวปากแก ไม่ใช่กลัวโดนกัด แต่กลัวพลังเสียงที่ด่าได้ต่อเนื่องยาวนาน จนคนฟังต้องหันหลังโกยแนบมานับไม่ถ้วน..
และแล้ววงจรอุบาทว์ก็มาบรรจบกันจนได้..เมื่อหมึกกับแห้งมาเจอกัน ...
นางแห้งเป็นคนรักหมา แกชอบหอบข้าวหรือเศษอาหารจากวัดหรือที่เหลือทิ้งจากงานบุญต่างๆ เอามาให้หมากิน แต่อ้ายหมึกเกลียดหมาเข้ากระดูก บางคนบอกว่าเพราะมีคนชอบเปรียบเทียบให้มันเป็นเหมือนหมา มันเลยพาลเกลียดหมา..มาตั้งแต่บัดนั้น..
นางแห้งนั้นหมาตัวไหนที่แกเคยเอาอาหารให้มันกิน มันก็แสนรู้จำได้แม่นยำ..และมีความรู้สึกว่านางแห้งเป็นญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง ในทางกลับกันนางแห้งก็จำลูกน้องของแกได้ มีความรู้สึกผูกพันเหมือนลูกเหมือนหลาน ความรู้สึกรักกันของคนและหมานั้นบางครั้งมีมากกว่าคนกับคนด้วยซ้ำไป.........
ข้อความที่ยกมาเป็นตัวอย่างสื่อการสอนของการสอนการคิดวิเคราะห์ โดยครูผู้สอนจะต้องสอนหลักการ ความหมายของ
การคิดวิเคราะห์ดังนี้
ความหมายของการอ่านเชิงวิเคราะห์
การอ่านเชิงวิเคราะห์เป็นการอ่านหนังสือแต่ละเล่มอย่างละเอียดให้ได้ความครบถ้วนแล้วจึงแยกแยะให้ได้ว่าส่วนต่างๆนั้นมีความหมายและความสำคัญอย่างไรบ้าง แต่ละด้านสัมพันธ์กับส่วนอื่นๆ อย่างไร
วิธีอ่านแบบวิเคราะห์นี้ อาจใช้วิเคราะห์องค์ประกอบของคำและวลี การใช้คำในประโยควิเคราะห์สำนวนภาษา จุดประสงค์ของผู้แต่ง ไปจนถึงการวิเคราะห์นัย หรือเบื้องหลังการจัดทำหนังสือหรือเอกสารนั้น
การวิเคราะห์เรื่องที่อ่านทุกชนิด สิ่งที่จะละเลยเสียมิได้ก็คือ การพิจารณาถึงการใช้ถ้อยคำสำนวนภาษาว่ามีความเหมาะสมกับระดับ และประเภทของงานเขียนหรือไม่ เช่น ในบทสนทนาก็ไม่ควรใช้ภาษาที่เป็นแบบแผน ควรใช้สำนวนให้เหมาะสมกับสภาพจริงหรือเหมาะ แก่กาลสมัยที่เหตุการณ์ในหนังสือนั้นเกิดขึ้น เป็นต้น ดังนั้น การอ่านวิเคราะห์จึงต้องใช้เวลาอ่านมาก และยิ่งมีเวลาอ่านมากก็ยิ่งมีโอกาสวิเคราะห์ ได้ดีมากขึ้น การอ่านในระดับนี้ ต้องรู้จักตั้งคำถามและจัดระเบียบเรื่องราวที่อ่าน เพื่อจะได้เข้าใจเรื่องและความคิดของผู้เขียนต้องการ
การวิเคราะห์การอ่าน
การวิเคราะห์การอ่านประกอบด้วย
1.รูปแบบ
2.กลวิธีในการประพันธ์
3.เนื้อหาหรือเนื้อเรื่อง
4.สำนวนภาษา
กระบวนการวิเคราะห์
1.ดูรูปแบบของงานประพันธ์ว่าใช้รูปแบบใด อาจเป็นนิทาน บทละคร นวนิยาย เรื่องสั้น บทร้อยกรอง หรือบทความจากหนังสือพิมพ์
2.แยกเนื้อเรื่องออกเป็นส่วนๆ ให้เห็นว่าใครทำอะไร ที่ไหน อย่างไร เมื่อไร
3.แยกพิจารณาแต่ละส่วนให้ละเอียดลงไปว่าประกอบกันอย่างไร หรือประกอบด้วยอะไรบ้าง
4.พิจารณาให้เห็นว่าผู้เขียนให้กลวิธีเสนอเรื่องอย่างไร
ที่มาของข้อมูล: https://www.arunsawat.com/board/index.php?topic=9448.0
และ https://www.st.ac.th/bhatips/tip49/reading1.html
ที่มา : https://www.sahavicha.com/?name=knowledge&file=readknowledge&id=1798