การทำธุรกิจทุกประเภท ล้วนต้องอาศัยการทำการตลาดเป็นกลยุทธ์หลัก ซึ่งปัจจุบันนิยมใช้ การตลาดอิเล็กทรอนิกส์ หมายถึง การนำเอาเทคโนโลยีการสื่อสารอิเล็กทรอนิกส์ (electronic communication technology) เข้ามาช่วยในการทำการตลาด เทคโนโลยีการสื่อสาร อิเล็กทรอนิกส์นี้ประกอบด้วย อินเตอร์เน็ต (internet) จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (e-mail) หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e-books) ฐานข้อมูล (database) และโทรศัพท์มือถือ (mobile phone) วัตถุประสงค์ในการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้นั้น เพื่อเป็นการช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับธุรกิจและลูกค้า เนื่องจากระบบ อิเล็กทรอนิกส์สามารถสนับสนุนการร้องขอข้อมูลของลูกค้า การจัดเก็บประวัติ และพฤติกรรมของลูกค้าเอาไว้ ตลอดจนการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าได้ ซึ่งสามารถที่จะอำนวยประโยชน์ในการประกอบธุรกิจได้อย่างครบวงจร
การตลาดแนวใหม่บนอินเทอร์เน็ต ที่หันมานำเสนอโฆษณา โปรโมชั่น แคมเปญต่างๆ เข้าถึงลูกค้าผ่านทาง e-mail เนื่องด้วยประสิทธิภาพในการส่งข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว และมีต้นทุนต่ำ ยิ่งถ้าหากมีการดีไซน์รูปลักษณ์และเนื้อหาใน e-mail ให้น่าสนใจ ยิ่งเป็นการช่วยเสริมภาพลักษณ์ที่ดี และเพิ่มความน่าเชื่อถือให้แก่องค์กรได้มากขึ้น กลยุทธ์การทำตลาดในยุค cyber ที่นิยมมากที่สุดได้แก่ e-mail marketing หมายถึง การโฆษณาผลิตภัณฑ์สินค้า และการบริการผ่านจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ ส่วนใหญ่การใช้จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ติดต่อสื่อสารกันนั้น มุ่งประโยชน์ทางการค้าเป็นหลัก โดยจะส่งไปยังกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่มีศักยภาพในการซื้อสินค้าและการบริการ และมีวัตถุประสงค์ คือ : เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าเก่า และลูกค้าปัจจุบันที่ใช้บริการสินค้าของตนอยู่อย่างเสมอต้นเสมอปลาย และเป็นการตอกย้ำตราสัญลักษณ์ (Brand) ของธุรกิจให้แน่ใจยิ่งขึ้น เพื่อให้ได้ลูกค้ารายใหม่ๆ เข้ามา และเป็นการทำให้ลูกค้าเก่าเกิดความเชื่อถือในสินค้า และสามารถตัดสินใจซื้อสินค้าได้ในทันที หลักเบื้องต้นที่ควรพิจารณาในการทำ e-mail marketing คือ ต้องมั่นใจว่าลูกค้ามีความยินดีที่จะรับ e-mail ที่เราส่งไป มิฉะนั้น e-mail ของเราก็จะกลายเป็น สแปมหรือ e-mail ขยะได้
การใช้เครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่มีการเตรียมช่องทางหลากหลายสำหรับนักการตลาดนั้นสามารถดำเนินการได้หลายวิธีโดยการนำการสื่อสารแบบสะท้อนกลับมาใช้ส่งข่าวสารทางการตลาด ดังนั้นในปัจจุบันนอสารจึงมีการเปลี่ยนลักษณะของกระบวนการในการติดต่อสื่อสารมาสู่การสื่อสารแบบสะท้อนกลับมากยิ่งขึ้น เนื่องจากการสื่อสารแบบสะท้อนกลับมีความสามารถในระดับสูงในการสื่อสารทางตรงกับผู้บริโภค และสามารถรับรู้ความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตามกิจกรรมสื่อสารแบบสะท้อนกลับด้วยการโต้ตอบทาง e-mail ซึ่งเป็นที่นิยมในปัจจุบันนั้นสามารถส่งผลทั้งด้านดีและด้านร้าย ในขณะที่ความรวดเร็ว ประสิทธิภาพ และการหาข้อมูลที่สะดวกนั้นจะเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคมีช่องทางและความรู้ในการเข้าถึงและซื้อผลิตภัณฑ์ต่างๆ มากขึ้น e-mail สื่อสารเหล่านี้ทำให้กิจกรรมตอบโต้ระหว่างลูกค้าและผู้ขายสื่อสารต่อกันได้ดียิ่งขึ้น
การเริ่มต้นสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าโดยการให้ลูกค้าตอบแบบสอบถามเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ตนเองสนใจ พร้อมทั้งระบุอีเมล์แอดเดรสเพื่อรับข่าวสารจะช่วยให้ e-mail เราสามารถนำเสนอข่าวสารให้ตรงกับความต้องการของลูกค้ามากที่สุด และไม่ก่อให้เกิดความรำคาญต่อผู้ที่ได้รับหัวเรื่องที่ใช้ต้องตรงประเด็น ไม่ใช่ตั้งหัวข้อลวงให้ลูกค้าเข้ามาเปิดอ่านอีเมล์แอดเดรสของผู้ส่งต้องชัดเจน มีตัวตนอยู่จริง การกำหนดอีเมล์แอดเดรสและเนื้อหาที่ไม่สื่อถึงธุรกิจหรือผลิตภัณฑ์ให้ชัดเจน อาจสร้างความไม่น่าเชื่อถือ ทำให้ลูกค้าเกิดความไม่มั่นใจ ส่งผลให้การส่ง e-mail ในครั้งนั้นไม่ประสบความสำเร็จ
ข้อพึงระวังของการใช้อีเมล์ก็มี อันดับแรกคือ อย่าส่งอีเมล์ไปยังผู้ที่ไม่ปรารถนาที่จะได้รับอีเมล์ของเรา พูดง่ายๆ ก็คือต้องมีการขออนุญาตไม่ทางใดก็ทางหนึ่งก่อนส่งเสมอ จำไว้ว่าผู้รับต้องยินดีที่จะรับอีเมล์ของเรา ไม่อย่างนั้นอัตราการตอบกลับจะต่ำมาก อย่างเช่นในเว็บไซต์บางแห่งจะมีการให้สมัครสมาชิก และถามว่ายินดีจะรับเมล์ของบุคคลที่สามหรือไม่ อีเมล์ชนิดนี้เรียกกันว่า Permission-based e-mail หรือเป็นอีเมล์ที่ได้รับการอนุญาต
ตามความเป็นจริง Permission-based e-mail ก็คือ กลยุทธ์ไดเร็กต์เมล์ในรูปแบบของอิเล็กทรอนิกส์นั่นเอง โดยมีจุดที่เหมือนกันดังนี้
1. สามารถส่งตรงถึงกลุ่มเป้าหมาย ถ้าหากกระบวนการในการเลือกและจัดหาเมลลิ่งลิสต์ถูกต้อง ก็จะเป็นสื่อที่เข้าถึงได้ตรงเป้าหมาย
2. สามารถทำรูปแบบให้แลดูสวยงามสะดุดตา เหมือนดั่งเช่นไดเร็กต์เมล์ที่สามารถออกแบบให้หวือหวาเตะตาเตะใจผู้รับอีเมล์ก็ไม่จำเป็นต้องเป็นแค่ตัวอักษรเฉยๆ แต่สามารถสร้างด้วยภาษา html ให้มีภาพแสงสีที่สวยงาม และยังสามารถมีฟังก์ชั่นอื่นๆ ที่เหนือกว่าไดเร็กต์เมล์ธรรมดา
3. ผู้รับสามารถโยนทิ้งได้ทันทีที่ได้รับ เพราะทั้งไดเร็กต์เมล์และอีเมล์ต่างก็มีสิ่งที่เรียกว่า junk mail หรือบรรดาเมล์ขยะด้วยกันทั้งสิ้น ผู้บริโภคมีแนวโน้มที่จะรำคาญและรู้สึกเสียเวลาที่จะเปิดอ่าน แต่ที่อีเมล์ได้เปรียบกว่าไดเร็กต์เมล์อยู่หลายขุมก็คือ อีเมล์อาจทำหน้าที่แทนเซลส์ สามารถสร้างยอดขายและรายได้ให้ทันที
เมื่อพิจารณาการวิจัยร่วมกับแนวคิดทางการตลาดเกี่ยวกับการทำตลาดแบบ e-mail marketing แล้วนั้น การตลาดแบบ e-mail marketing เป็นการตลาดแนวใหม่และเข้าถึงผู้ใช้อินเตอร์เน็ตได้อย่างสะดวก โดยผู้ใช้สามารถกลั่นกรองการตลาด e-mail marketing ที่ถูกส่งมากด้วยตัวเองเพื่อพิจารณารับหรือปฏิเสธ อีกทั้งการตลาดแนวใหม่นี้ช่วยลดทอนการเดินทางหรือการเปรียบเทียบข้อมูลการซื้อหรือขายสินค้าแบบอื่นๆ อีกทั้งสามารถจัดเก็บข้อมูลไว้ในคอมพิวเตอร์เพื่อนำมาพิจารณาได้อีกในภายหลัง อีกทั้งประหยัดและเหมาะสมกับธุรกิจขนาดเล็กในการแนะนำสินค้าของตนเองแก่ผู้บริโภคด้วยงบประมาณไม่สูงนัก
สุดท้ายคือการติดตามผลตอบรับของลูกค้า โดยเราสามารถตรวจสอบได้จากรายงานบนระบบ e-mail ว่ามีลูกค้ากี่รายเปิดอ่าน e-mail ของเรา และมีลูกค้ากี่รายที่ไม่ต้องการรับ e-mail อีก หรือบางระบบอาจสามารถตรวจสอบได้ถึงขั้นว่า ลูกค้าคลิกที่ link อะไรมากเป็นพิเศษ ช่วยให้เราประเมินได้ว่าลูกค้าสนใจข้อมูลอะไรมากเป็นพิเศษอีกด้วย เพื่อที่จะนำข้อมูลมาวิเคราะห์ ประเมินผลของแคมเปญหรือโปรโมชั่นที่เราจัดส่งไป กลยุทธ์การตลาดทาง e-mail ที่ทั้งถูก เร็ว และดีเช่นนี้ ช่วยเพิ่มศักยภาพทางการตลาดในยุคที่เศรษฐกิจตกต่ำอย่างเช่นทุกวันนี้