รูปแบบของหนังสือได้พัฒนามาตามลำดับและใช้เวลานานกว่าจะมีรูปแบบอย่างหนังสือที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน
เมื่อได้มีการค้นคิดการผลิตกระดาษขึ้นมาได้ในประเทศจีน ในปี พ.ศ.๖๔๘ กระดาษจึงเป็นวัสดุหลักในการผลิตหนังสือ จีนได้ค้นคิดวิธีพิมพ์ขึ้นและได้นำมาใช้ในการผลิตหนังสือเป็นชาติแรก เป็นการพิมพ์แม่พิมพ์ไม้ (woodblock printing) โดยใช้แผ่นไม้แกะสลักเป็นแม่พิมพ์ ทาหมึกลงบนแผ่นแม่พิมพ์ และใช้แรงกดๆ กระดาษลงบนแผ่นแม่พิมพ์ หนังสือที่พิมพ์ขึ้นในตอนแรกนี้ผนึกต่อกันด้วยกาวและม้วนเก็บไว้เป็นม้วน หนังสือที่พิมพ์เก่าที่สุดที่มีเหลือเป็นหลักฐานอยู่ในปัจจุบัน ได้แก่ หนังสือวัชรสูตร จัดพิมพ์โดยหวังเซียะ พิมพ์แจกเป็นอนุสรณ์ที่ระลึกบิดามารดาของตน ในปี พ.ศ. ๑๔๑๑ โดยพิมพ์บนกระดาษเจ็ดแผ่นผนึกติดกันทำเป็นม้วน มีความยาวประมาณ ๑๖ ฟุต และกว้างประมาณ ๑ ฟุต
การพิมพ์ตัวเรียง (movable type printing) ได้มีคนจีนชื่อ ไปเช็ง ประดิษฐ์ขึ้นได้ในระหว่าง พ.ศ. ๑๔๘๔ - พ.ศ.๑๔๙๒ แต่ก็ไม่ได้พัฒนาไปไกลเพราะตัวหนังสือจีนมีเป็นจำนวนมาก การสร้างตัวพิมพ์แต่ละตัวมาใช้เรียงกันเป็นบรรทัดเป็นหน้าไม่ทำให้การพิมพ์มีประสิทธิภาพแตกต่างไปกว่าการพิมพ์แม่พิมพ์ไม้ที่ใช้กันอยู่มากนัก จนประมาณปีพ.ศ. ๑๙๙๓ เมื่อโจฮาน กูเทนเบิร์ก (Johann Gutenberg) ชาวเมืองไมนซ์(Mainz) ในประเทศเยอรมนีได้คิดการพิมพ์ตัวเรียงขึ้นได้ในยุโรป การพิมพ์จึงได้แพร่หลายออกไปอย่างกว้างขวาง และได้มีการพัฒนาขึ้นมาตามลำดับจนเป็นเครื่องมืออันสำคัญในการผลิตหนังสือ รูปเล่มของหนังสือก็ได้มีการปรับปรุงให้เหมาะสมและสะดวกในการที่จะผลิตในทางการพิมพ์ให้จัดพิมพ์ออกมาได้มีคุณภาพดี รวดเร็ว และประหยัด
ที่มา https://guru.thaibizcenter.com/articledetail.asp?kid=3763