ธุรกิจ การบริหารธุรกิจ ผู้ประกอบการ ข้อดี-ข้อเสีย ของการเป็น ผู้ประกอบการ


961 ผู้ชม


ปัญหาของอุตสากรรมขนาดกลางและย่อมด้านการตลาด 

     ระยะปัจจุบัน

  • ความต้องการลดลงจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย เพราะพึ่งพาตลาดภายในประเทศเป็นสำคัญ และในบางอุตสาหกรรมจะรับจ้างหรือทำตามใบสั่งซื้อจากบริษัทขนาดใหญ่เป็นส่วนมาก

  • ไม่สามารถปรับราคาสินค้าเพิ่มเท่าต้นทุนที่สูงขึ้นได้

     ระยะปานกลาง 

  • ผู้ประกอบการมีโอกาสวางสินค้าในท้องตลาดได้โดยตรงได้น้อย เนื่องจากเป็นการผลิตตามใบสั่งซื้อที่มีความแน่นอนกว่า และไม่ต้องลงทุนด้านการตลาดมาก

     ระยะยาว 

  • การแยกตัวออกเป็นอิสระจากบริษัทขนาดใหญ่และการวางสินค้าในตลาดอย่างเป็นระบบคงไม่เกิด ถ้าปราศจากการรวมตัวเพื่อลดต้นทุนการจัดการทางการตลาด 
     

2.   ด้านสภาพคล่องเงินทุนหมุนเวียน

     ระยะปัจจุบัน 

  • ขาดเงินทุนหมุนเวียนมากและดอกเบี้ยสูง เพราะเงินทุนหมุนเวียนมาจากวงเงิน OD จากธนาคารพาณิชย์ และสินเชื่อจากบริษัทเงินทุน (60%) และสินเชื่อทางการค้า (tread credit) (20%) การที่สถาบันการเงินไม่ยอมปล่อยสินเชื่อและปัญหาการระบายสินค้าของบริษัทขนาดใหญ่และการเรียกเก็บเงินจากลูกค้าได้ช้า จึงส่งผลกระทบรุนแรง

     ระยะปานกลาง

  • แหล่งเงินทุนยังขึ้นอยู่กับสภาพคล่องของบริษัทขนาดใหญ่ สินทรัพย์ค้ำประกัน (collateral) และนโยบายสถาบันการเงิน

เงินลงทุน

     ระยะปัจจุบัน

  • ขาดแคลนเงินทุนเพื่อใช้พัฒนาเทคโนโลยีและวิจัย

  • มีการกู้ยืมเงินเกินตัวและไม่มีวินัยในการใช้เงิน

     ระยะปานกลาง

  • เงินทุนส่วนใหญ่มาจากสถาบันการเงิน ซึ่งขึ้นกับภาวะราคาหลักทรัพย์

     ระยะยาว

  • ไม่มีการพึ่งตลาดเงินอื่น นอกจากธนาคารพาณิชย์ และบริษัทเงินทุน กับเงินทุนจากกลุ่มเจ้าของกิจการ

3. ด้านการผลิต

     ระยะปัจจุบัน

  • ต้นทุนการผลิตสูงทั้งวัตถุดิบ ค่าน้ำและค่าไฟ และมีปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบบางประเภท

  • โครงสร้างภาษีวัตถุดิบไม่เหมาะสม

  • การผลิตใช้เทคนิคเบื้องต้นที่ไม่ซับซ้อน ทำให้คุณภาพต่ำ ถ้าเป็นกิจการที่รับใบสั่งซื้อมาจากบริษัทขนาดใหญ่จะใช้วิธีการผลิตตามที่กำหนดมา ไม่สามารถพัฒนาเทคนิคเองได้

     ระยะปานกลาง

  • การพัฒนาเทคนิคการผลิตไม่มีเนื่องจากทิศทางของการขายผลผลิตไม่เป็นตัวของตัวเอง

  • ขาดการส่งเสริมการผลิตจากภาครัฐ

     ระยะยาว

  • การพัฒนาฝีมือแรงงานและเทคโนโลยีไม่เกิดขึ้น เพราะผลตอบแทนของแต่ละกิจการ จากการพัฒนาไม่แน่นอน จากการเคลื่อนย้ายแรงงาน ต้นทุนในการพัฒนาสูง และขาดวิสัยทัศน์

4. ด้านการจัดการ

     ระยะปัจจุบัน

  • ยังยึดติดกับระบบการจัดการแบบครอบครัว รวมไปถึงระบบบัญชีที่ไม่มีคุณภาพนำไปสู่ความยากลำบากที่จะเสนองบการเงินที่ถูกต้องแก่สถาบันการเงินเพื่อขอสินเชื่อ

5. ด้านการส่งออก

     ระยะปัจจุบัน

  • มีปัญหาขาดตู้ Container รวมทั้งระเบียนในการส่งออกยุ่งยาก ตลอดทั้งการคืนภาษีช้า

  • ไม่สามารถทำการส่งออกได้โดยตรง เนื่องจากปัญหาด้านการหาตลาดและคุณภาพผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้มาตรฐานสากล ผู้ส่งออกบางรายทำธุรกิจการส่งออกทางอ้อม (Indirect Export) จึงไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อเพื่อการส่งออกได้ และขาดอำนาจการต่อรอง

     ระยะปานกลาง

  • อุตสาหกรรมขนาดย่อมยังคงขาดศักยภาพในการพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์เพื่อการส่งออก ถ้าปราศจากความช่วยเหลือ

     ระยะยาว

  • ขาดการรวมกลุ่มเพื่อพัฒนาผลผลิต และขยายตลาดส่งออก

6. ด้านอื่นๆ

     ระยะปัจจุบัน

  • ขาดการส่งเสริมให้หน่วยราชการหันมาใช้สินค้าไทย

  • ขาดแคลนแรงงานที่ชำนาญงานเนื่องจากมีการ Tumover ไปสู่โรงงานขนาดใหญ่

7. การแก้ไขปัญหาอุตสาหกรรมขนาดกลางและย่อมด้านการตลาด

  • เนื่องจากผู้ประกอบการส่วนใหญ่อาศัยความต้องการภายในประเทศเป็นหลัก และศักยภาพที่จะเปลี่ยนไปสู่การส่งออกนั้นน้อย เพราะฉะนั้นจะต้องกระตุ้นความต้องการภายในประเทศเป็นหลัก โดยเฉพาะในส่วนของการใช้จ่ายภาครัฐบาล

  • ให้ความช่วยเหลือทางการเงินผ่านองค์กรของรัฐ เพื่อจัดจ้างที่ปรึกษาการตลาดในการขายและเจาะตลาดใหม่ ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ อาทิ ตลาดอินโดจีน อาฟริกา และอเมริกาใต้

8. ด้านเงินทุนหมุนเวียน

     หากความต้องการภายในประเทศสูงขึ้น จะช่วยให้สภาพคล่องส่วนหนึ่งของธุรกิจกลับมาจาก trade credit จากบริษัทใหญ่ แต่ปัญหาสภาพคล่องส่วนที่มาจากสถาบันการเงินคงยังมีอยู่จากปัญหา NPL และความไม่พร้อมของกลไกสถาบันการเงินของรัฐ เช่น บรรษัทอุตสาหกรรมขนาดย่อม (บอย.) ที่จะขยายขอบเขตการดำเนินงานภายในเวลารวดเร็ว การเพิ่มสถาพคล่องแก่อุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อมผ่านสถาบันการเงินของรัฐและเอกชน มีวิธีการที่ประเทศต่าง ๆ ใช้ดังนี้

  • ลดสภาพความเสี่ยงแก่สินเชื่อที่มีที่ดินค้ำประกันลง

  • อุดหนุนการให้กู้แก่อุตสาหกรรมขนาดกลางและย่อมโดยลดอัตราดอกเบี้ยกู้ยืม

  • รัฐค้ำประกันเงินกู้บางส่วนที่ให้แก่อุตสาหกรรมขนาดกลางและย่อม (สหรัฐฯ ประกัน 75% แก่สินเชื่อที่ให้อุตสาหกรรมขนาดกลางและย่อมที่ผลิตเพื่อส่งออก)

  • เพิ่มวงเงินแก่บรรษัทสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ในการค้ำประกันสินเชื่อให้กับอุตสาหกรรมขนาดกลางและย่อมที่มีการบริหารและการจัดการที่ดี

  • จัดตั้งกองทุนหมุนเวียนเพื่อฟื้นฟูอุตสาหกรรมขนาดกลางและย่อม เป็นกรณีพิเศษจากภาครัฐ เนื่องจาก อุตสาหกรรมขนาดกลางและย่อมไม่สามารถพึ่งพากลไกปกติของสถาบันการเงินได้ จำเป็นต้องอาศัยกลไกของรัฐ เช่น กระทรวงอุตสาหกรรมที่มีสำนักงานทั่วประเทศ หรือธนาคารกรุงไทย ธ.ก.ส. หรือ 4 ธนาคารที่รัฐเข้าไปถือหุ้นเป็นกลไกที่จะนำกองทุนฟื้นฟูกระจายไปสู่ภูมิภาค ทั้งนี้ธนาคารแห่งประเทศไทยอาจสนับสนุนเงินทุนดอกเบี้ยต่ำ อย่างไรก็ตามแม้จะมีนโยบายอัดฉีดเม็ดเงินใหม่ให้อุตสาหกรรมขนาดกลางและย่อม แต่ถ้าไม่มีการพิจารณาการยืดอายุหนี้แล้ว อุตสาหกรรมขนาดกลางและย่อมจะไม่สามารถนำเม็ดเงินใหม่ไปฟื้นฟูกิจการได้ จึงจำเป็นต้องมีการปรับโครงสร้างหนี้ควบคู่กันไปด้วย ซึ่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือผู้ประกอบการ 265 รายได้เจรจาปรับโครงสร้างหนี้กับสถาบันการเงินแล้ว
    ที่่มา https://guru.thaibizcenter.com/articledetail.asp?kid=3915

อัพเดทล่าสุด