กินวิตามินเสริมมากเกินไป…อาจตายเร็ว


2,705 ผู้ชม

การกินวิตามินเสริมกำลังกลายเป็นเทรนด์ฮิตทั้งในเมืองไทยและเมืองนอก เดี๋ยวนี้มีคนกินวิตามินกันเป็นกำๆ โดยไม่เห็นเป็นเรื่องประหลาดแต่อย่างใด มีทั้งวิตามินบำรุงสุขภาพ เพิ่มภูมิคุ้มกัน ป้องกันมะเร็ง ลดไขมัน ลดความดันต่างๆ ไปจนถึงวิตามินประเภทเสริมความงาม


กินวิตามินเสริมมากเกินไป…อาจตายเร็ว

การกินวิตามินเสริมกำลังกลายเป็นเทรนด์ฮิตทั้งในเมืองไทยและเมืองนอก เดี๋ยวนี้มีคนกินวิตามินกันเป็นกำๆ โดยไม่เห็นเป็นเรื่องประหลาดแต่อย่างใด มีทั้งวิตามินบำรุงสุขภาพ เพิ่มภูมิคุ้มกัน ป้องกันมะเร็ง ลดไขมัน ลดความดันต่างๆ ไปจนถึงวิตามินประเภทเสริมความงาม ซึ่งไม่รู้ว่าได้ผลจริงหรือไม่ แต่สิ่งที่ทุกคนควรรับรู้ก็คือ การกินวิตามินมากเกินไป นอกจากจะเปลืองเงิน และจำนวนไม่น้อยไม่ได้ช่วยให้สุขภาพดีขึ้นตามที่โฆษณาไว้ ยังทำให้คนเราตายเร็วขึ้นอีกด้วย

เมื่อไม่นานนี้ สำนักข่าวบีบีซีของอังกฤษ ตีแผ่วัฒนธรรมการกินวิตามินพร่ำเพรื่อที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก โดยเปิดเผยผลวิจัยของนักวิทยาศาสตร์หลายคน ที่พบว่าการกินวิตามินเอ เบตาแคโรทีน และวิตามินอี รวมถึงสารต้านอนุมูลอิสระต่างๆ มากเกินไป ในระยะเวลานานๆ นอกจากจะไม่ส่งผลให้สุขภาพแข็งแรงและป้องกันโรค ยังก่อให้เกิดโรคหลายอย่าง และทำให้คนเราตายเร็วขึ้น

วิตามินเอที่มากเกินไป หรือเกิน 3,000 ไมโครกรัมต่อวันในผู้ใหญ่ เคยทำให้คนตายมาแล้ว ในช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 เคยมีนักสำรวจขั้วโลกที่เสียชีวิตจากการกินตับสุนัขลากเลื่อน ทำให้มีการค้นพบว่าตับสุนัขมีวิตามินเอสูงมาก และการกินตับสุนัข 100 กรัม ก็สามารถฆ่าคนได้ หรือถ้าได้รับวิตามินเอมากเกินไป แต่ยังไม่ถึงขั้นเสียชีวิตก็จะเกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน ผมร่วง ปากแห้ง ผิวแห้ง ผิวลอกเป็นชั้นๆ และสำหรับนักสูบบุหรี่ วิตามินเอจะทำให้คุณเป็นมะเร็งปอดได้ง่ายขึ้น

ส่วนซิงก์หรือสังกะสีที่หนุ่มๆ สาวๆ ชอบกิน เพื่อแก้อาการผมร่วงหรือช่วยรักษาสิว หากกินมากเกินไป คือตั้งแต่ 100-150 มิลลิกรัม และกินติดต่อกันนานๆ จะส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้มีภูมิต้านทานต่ำลง และถ้ากินมากถึง 200 มิลลิกรัมขึ้นไป อาจทำให้ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย และเป็นโรคโลหิตจาง

วิตามินรวมหลายๆ ชนิดแบบเบ็ดเสร็จในเม็ดเดียว ที่มักมาแบบสูตรสำเร็จในรูปของวิตามินบำรุงผม บำรุงสมอง หรือบำรุงสายตา ก็อันตรายมากเช่นกัน เพราะนอกจากจะคำนวณได้ยากว่ากำลังกินวิตามินอะไรเข้าไปเท่าไหร่ และที่กินเข้าไปนั้นมากเกินขนาดหรือไม่ วิตามินหลายชนิดยังขัดขวางการดูดซึมของกันและกัน เช่น แคลเซียมขัดขวางการดูดซึมธาตุเหล็ก ธาตุเหล็กขัดขวางการดูดซึมทองแดง ทำให้การโด๊ปวิตามินตัวหนึ่ง อาจทำให้คุณขาดวิตามินอีกชนิดอย่างรุนแรงก็เป็นได้

อย่างไรก็ตาม ที่กล่าวมาทั้งหมดไม่ได้หมายความว่าวิตามินเสริมเป็นสิ่งชั่วร้ายหรือไม่จำเป็น แต่ต้องยึดหลักทางสายกลางและกินเท่าที่จำเป็น แพทย์แนะนำว่าผู้ที่ควรได้รับวิตามินเสริมคือหญิงตั้งครรภ์ ที่ต้องได้รับโฟลิกและวิตามินดีเพิ่ม คนอายุ 65 ปี และเด็กวัย 6 เดือนถึง 5 ปี รวมทั้งคนที่ไม่ค่อยโดนแดด ควรได้รับวิตามินดี และสุดท้าย เด็ก 6 เดือนถึง 5 ปีทุกคนควรได้รับวิตามินเอ วิตามินซี และวิตามินดีมาช่วยเสริม โดยเฉพาะเด็กที่ไม่สามารถกินอาหารที่หลากหลายได้

วิตามิน อาหารเสริม สามารถทดแทนอาหารหลักได้หรือไม่?

มีการศึกษาเป็นการศึกษาของอเมริกาพบว่า คนเอมริกาทั่วไปที่รับประทานอาหารธรรมดาปกติทั่วไป ยังมีภาวะที่ระดับของวิตามินไม่ได้ดีมากเพียงพอเรียกในระดับออฟติมั่ม เลเวล (optimum level) เพราะฉะนั้นการทานวิตามินรวมสามารถทานได้ใหม? ทานได้ แต่ควรจะทานให้ถูกวิธี อย่าทานมากเกินไป อย่างวิตามินบางตัวที่เป็นวิตามินที่ละลายในใขมัน เช่น วิตามินเอ วิตามินดี วิตามินอี วิตามินเค พวกนี้สะสมได้ แต่อย่างวิตามินบางตัวเช่น วิตามินซี รับประทานมากเกินไปมันก็ละลายออกมาในน้ำ ก็คือถูกขับออกมากับปัสสาวะ เพราะฉะนั้นก็จะไม่เกิดการสะสม รับประทานมากก็ไม่ได้เป็นอันตรายเพียงแต่ว่าก็ออกมาหมดแค่นั้นเอง

เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเราขาดวิตามินอะไร?

กว่าจะมีอาการแสดงออกมาให้เราเห็น มันก็ต้องมีระดับขาดวิตามินค้อนข้างมาก ในปัจจุบันเราไม่ต้องรอจนเกิดอาการออกมา สามารถตรวจได้ด้วยการตรวจเลือดวัดระดับวิตามินในร่างกายว่าเราขาดวิตามิน อะไร จะได้เลือกทานถูก เพราะสูตรวิตามิน บางคนทานมากทานน้อยไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของแต่ละคน

โรคโลหิตจางทานวิตามินตัวใหนได้บ้าง?

ต้องดูว่าคุณเป็นโลหิตจางจากอะไร และควรปรึกษาแพทย์ก่อนก็จะบอกแยกประเภทได้ ถ้าเป็นโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กก็รับประทานธาตุเหล็กเสริม เพราะโลหิตจางมีหลายประเภท อย่างถ้าเป็นโลหิตจางจากกรรมพันธุ์ (ธาลัสซีเมีย Thalassemia) อาจจะไม่จำเป็นต้องรับประทานเสริม

ถ้าไม่ทานผักจะรับประทานวิตามินอะไรเสริมได้?

จริงๆแล้วไม่มีอะไรที่จะมาทดแทนได้ วิตามินอัดเม็ดที่สกัดออกมาจากผัก มันไม่ได้สามารถสกัดได้ทุกตัว เพราะในผักนั้น นอกจากวิตามินแล้วยังมีพวกสารที่เรียกว่า ไฟโตเคมิคอล ต่างๆเป็นแสนเป็นล้านชนิด ซึ่งนักวิทยาศาสตร์นั้นไม่มีทางสกัดออกมาได้หมด เพราะฉะนั้นทดแทนไม่ได้ อย่างไรก็แนะนำว่าหัดทานผักง่ายกว่า

วิตามินที่จำเป็นพื้นฐานเลยก็คือในกลุ่มของพวก วิตามินเอ วิตามินซี วิตามินอี ซึ่งผู้หญิงในวัยเจริญพันธุ์อาจจะทานพวก โฟลิก ซึ่งจะมีมากในพวกผักใบเขียว แต่ถ้าเราไม่ค่อยทานเราก็อาจจะไม่ค่อยได้รับ ที่บอกว่าโฟลิกก็เพราะว่าผู้หญิงในวัยเจริญพันธุ์นั้นเกิดขาดธาตุโฟลิก เวลาที่เราตั้งครรภ์ บุตรก็จะมีความเสียงต่อโรคของพวกสมองได้

การทานวิตามินแต่ละประเภทต้องแบ่งตามช่วงเวลา ใช่ใหมหรือไม่?

จริงๆแล้วมีวิตามินบางประเภทที่จะเหมาะกับการรับประทานตอนเช้า อย่างเช่น โคเอ็น ไซม์ คิวเทน (Coenzyme Q10) เป็น โคแฟกเตอร์ (Co-factor) ที่สำคัญสำหรับการผลิตพลังงานต่างๆในร่างกาย ซึ่งเราใช้พลังงานมากในตอนกลางวัน เพราะฉะนั้นเหมาะกับการรับประทานในตอนเช้า นอกจากนี้โคเอ็น ไซม์ คิวเทน ยังเป็นตัวต้านอนุมูลอิสระที่ป้องกันการถูกทำลายจากแสงแดดเพราะฉะนั้นก็ เหมาะกับการทานตอนเช้าอีกเหมือนกัน แต่อย่างแร่ธาตุ เช่น แมคนีเซียม ทานแล้วจะรู้สึกผ่อนคลายเพราะฉะนั้นอาจจะเหมาะกับการทานตอนเย็นจะได้เกิด ความผ่อนคลายและนอนหลับสบายขึ้น

จำเป็นต้องรับประทานก่อนหรือหลังอาหารใหม?

วิตามินทุกตัวส่วนใหญ่แล้วหลังอาหาร จริงๆแล้วคือพร้อมอาหาร โดยทานอาหารแล้วก็ทานวิตามินก็ดูดซึมเข้าไป อย่างเช่นวิตามินซี ตัวนี้ระคายท้องง่ายถ้าเราทานตอนที่เราท้องว่างก็จะเกิดการเสียดท้องได้

แนะนำการทานวิตามิน

  • ทานอาหารให้เพียงพอก่อนแล้วถือว่าวิตามินเป็นแค่ตัวเสริม อย่าทานวิตามินแทนอาหาร
  • ถ้าคิดจะทานจริงจัง ปรึกษาเภสัชกรหรือว่าแพทย์แล้วก็หาความรู้เองด้วยจากหนังสือเพื่อที่เราจะ ได้ทานได้อย่างถูกวิธี เพราะว่ามันสามารถเกิดอันตรายได้

อัพเดทล่าสุด