Power Bank (แบตเตอรี่สำรอง) เลือกซื้ออย่างไรให้เหมาะกับคุณ

Power Bank (แบตเตอรี่สำรอง) เลือกซื้ออย่างไรให้เหมาะกับคุณ

      สมาร์ทโฟนในปัจจุบัน มีขนาดหน้าจอที่ใหญ่ขึ้น อีกทั้งยังมีคุณสมบัติในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ ทำให้ผู้ใช้ นิยมอัพเดท Social Network กันตลอดเวลา ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ ส่งผลให้ แบตเตอรี่บนสมาร์ทโฟน ไม่สามารถใช้งานได้เต็มวัน ทำให้ต้องอาศัยตัวช่วยอย่าง Power Bank หรือแบตเตอรี่สำรอง กันนั่นเอง

      ซึ่ง Power Bank นั้น มีให้เลือกหลายแบบ หลายความจุ ในราคาที่แตกต่างกันไป แต่เราจะเลือกซื้อ Power Bank อย่างไร ให้เหมาะสมกับการใช้งาน ในวันนี้ ทีมงาน techmoblog มีเคล็ดลับดีๆ มาฝากกัน

เลือกความจุของ Power Bank ให้เหมาะกับแบตเตอรี่บนสมาร์ทโฟน

      ก่อนจะเลือกซื้อ Power Bank นั้น อันดับแรก จะต้องตรวจสอบกันเสียก่อนว่า สมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต ที่ใช้อยู่นั้น มีขนาดความจุแบตเตอรี่กี่มิลลิแอมป์ (mAh) หลังจากที่ทราบความจุของแบตเตอรี่บนสมาร์ทโฟนที่ใช้แล้ว การเลือกขนาดความจุของ Power Bank ที่เหมาะสมก็คือ ควรเลือกซื้อ Power Bank ให้มีขนาดความจุเท่ากับ 1 รอบของขนาดแบตเตอรี่บนสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ต หรือจะมากกว่าสัก 2 เท่า ก็ถือว่า เป็นขนาดความจุที่เหมาะสม ยกตัวอย่างเช่น แบตเตอรี่บนสมาร์ทโฟน มีความจุอยู่ที่ 3000 mAh ก็ควรเลือกซื้อ Power Bank ที่มีขนาดความจุอยู่ที่ 6000 - 7000 mAh ก็เพียงพอแล้ว

      หลายๆ ท่านคงจะคิดว่า ไหนๆ ก็จะซื้อ Power Bank แล้ว ก็ซื้อรุ่นที่มีความจุเยอะๆ อย่างเช่น 12000 mAh หรือ 20000 mAh ไปเลยจะดีกว่า เพราะจะทำให้สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้หลายๆ รอบ แต่อย่าลืมว่า ถึงแม้ Power Bank ที่มีความจุสูง จะชาร์จได้หลายรอบก็จริง แต่ก็แลกมาด้วย ขนาดที่ใหญ่กว่า, น้ำหนักมากกว่า และราคาที่สูงกว่าอีกด้วย

Power Bank ต้องมีระบบ Overcharge Protection ตัดไฟอัตโนมัติ

      เมื่อเลือกขนาดความจุของ Power Bank ได้แล้ว ต่อไปมาดูคุณสมบัติพื้นฐานที่ควรมีอยู่ใน Power Bank กันบ้าง ซึ่ง Power Bank ที่ดี ควรจะมีระบบ Overcharge Protection ตัดการชาร์จไฟให้อัตโนมัติ เมื่อแบตเตอรี่ถูกชาร์จจนเต็ม ทั้งนี้เพื่อช่วยถนอมอายุของแบตเตอรี่บนสมาร์ทโฟนนั่นเอง

สังเกต Input-Output

      ถัดมา มาดูกันที่ตัว Input-Output บน Power Bank กันบ้าง (สามารถสังเกตกันได้ที่ข้างกล่อง) โดย Input: 5V 1A นั้น หมายความว่า ขณะที่กำลังชาร์จ Power Bank กับไฟบ้าน จะมีการจ่ายกระแสไฟที่ 1A ซึ่งถ้าหากเป็น Power Bank ที่มีขนาดความจุ 12000 mAh หรือมากกว่านั้น จะใช้เวลาชาร์จนานขึ้น

      ส่วน Output 5V 2.1A หมายความว่า ขณะกำลังชาร์จสมาร์ทโฟน กับ Power Bank จะมีการจ่ายกระแสไฟที่ 2.1A ซึ่งถือว่า เร็วมาก ยิ่งนำมาชาร์จกับสมาร์ทโฟน จะช่วยทำให้ชาร์จได้เต็มเร็วยิ่งขึ้นด้วย

      นอกจากนี้ ตัว Power Bank ควรจะมีสเกลบอกระดับพลังงานคงเหลือที่ตัวเครื่องด้วย จุดนี้ถือว่า สำคัญเช่นกันครับ เพราะเราจะได้รู้ว่า Power Bank ที่พกพาไปนั้น เหลือพลังงานให้ชาร์จอีกเท่าไหร่ และถึงเวลาที่จะต้องนำไปชาร์จไฟแล้วหรือยัง

เลือกแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับ และมีการรับประกัน

      สุดท้าย การเลือกซื้อ Power Bank ไม่ควรดูที่ ราคา เป็นหลัก เพราะ ในปัจจุบัน มี Power Bank หลายยี่ห้อ ที่มีความจุค่อนข้างสูง แต่นำมาขายในราคาที่ต่ำกว่าปกติ อีกทั้ง Power Bank เหล่านี้ มักจะใช้แบตเตอรี่ที่มีคุณภาพต่ำ ทำให้ไม่สามารถชาร์จได้ครบรอบตามสเปคที่กำหนด นอกจากนี้ ควรจะเลือกซื้อ Power Bank ของแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับ และมีการรับประกันสินค้าด้วยเช่นกัน

Power Bank จากจีน ที่มีราคาถูก ระวังเป็นของปลอม

      ปัจจุบัน มี Power Bank บางยี่ห้อ ที่มีความจุสูง แต่มีราคาที่ถูกมากผิดปกติ ถ้าหากพบเจอแบบนี้ ให้ระวังไว้เสียก่อนว่า อาจจะเป็น Power Bank ของปลอมจากจีน ซึ่งไม่ได้มาตรฐานและเป็นอันตรายต่อการใช้งาน อย่างเช่น รูปด้านบน ซึ่งจะเห็นว่า เมื่อแกะ Power Bank ของปลอมออกมา ภายในถูกบรรจุด้วยทราย เพื่อให้มีน้ำหนัก ส่วนตัว PCB board ตรงกลาง มีขนาดที่เล็กและเก่า ซึ่งดูแล้ว น่าจะมีความจุไม่ถึง 2400 mAh ด้วยซ้ำ แม้ว่าสเปคตัวเครื่อง จะระบุไว้ว่า มีความจุอยู่ที่ 24000 mAh ก็ตาม

>> อ่านต่อ : นี่คือเหตุผลว่า ทำไม Power Bank จากจีน ที่มีความจุสูง จึงมีราคาที่ถูกมาก 

การบำรุงรักษา Power Bank

      ส่วนการบำรุงรักษา Power Bank ก็คือ ไม่ควรปล่อยให้ Power Bank แบตเตอรี่หมดนานๆ ควรจะเหลือสำรองไว้ประมาณ 30-40% และไม่ควรเล่นเกมบน สมาร์ทโฟน ถ้าหากกำลังเชื่อมต่อกับ Power Bank อยู่ เพราะจะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็วขึ้น ควรจะให้ Power Bank จ่ายกระแสไฟเข้าสู่สมาร์ทโฟนจนเต็มเสียก่อน แล้วถอดออก จากนั้น ค่อยใช้งานสมาร์ทโฟนตามปกติครับ

 ข้อมูลโดย : techmoblog.com