ทัศนคติ 5 แบบของพ่อแม่ ที่ส่งเสริมการเรียนรู้รอบด้านของลูกอย่างได้ผล


1,610 ผู้ชม


ทัศนคติ 5 แบบของพ่อแม่ ที่ส่งเสริมการเรียนรู้รอบด้านของลูกอย่างได้ผล

คุณพ่อคุณแม่สงสัยไหมคะว่า ลูกเราจะมีพัฒนาการสมวัย เรียนรู้ได้ดีและฉลาดรอบด้านหรือไม่ มีทักษะพิเศษอันโดดเด่นหรือไม่นั้นเกิดจากอะไร สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ต้องเริ่มที่ตัวคุณพ่อคุณแม่ก่อนเป็นอันดับแรกค่ะ สงสัยไหมคะว่าทัศนคติและการกระทำแบบใดส่งเสริมการเรียนรู้ การกระทำแบบไหนขัดขวางการเรียนรู้ของเขา สิ่งเหล่านี้สำคัญมากที่สุด และยังส่งผลกับลูกไปถึงตอนโตเลยนะคะ วันนี้เรามีเรื่องราวที่คุณพ่อคุณแม่ต้องหันกลับมามองทบทวนตัวเองอย่างจริงจังมาฝากค่ะ


ทัศนคติของพ่อแม่ส่งผลโดยตรงต่อการเรียนรู้ของลูก
การส่งเสริมให้ลูกฉลาดรอบด้านไม่ได้ขึ้นอยู่กับสิ่งที่ลูกเรียนเท่านั้นค่ะ แต่เริ่มต้นจากทัศนคติ ความเข้าใจและการมองเห็นโอกาสของคุณพ่อคุณแม่ หากเลี้ยงลูกแบบเข้มงวด ลูกก็จะถูกจำกัดความคิดและการกระทำ หากเลี้ยงลูกให้เก่งแต่ในตำรา ลูกก็อาจไม่รู้จักการพลิกแพลงหรือแก้ไขปัญหาในชีวิตจริง ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ส่วนใหญ่มักจะพิจารณาและเลือกหลักการที่ดีที่สุดเพื่อเลี้ยงลูกให้ดีและเก่งที่สุด แต่รู้ไหมคะว่าวิธีการเลี้ยงลูกที่ดีที่สุดคือการปรับประยุกต์สิ่งต่างๆ เข้าด้วยกัน เพื่อให้เข้ากับลักษณะนิสัยและความถนัดของลูกที่คุณพ่อคุณแม่ต้องเอาใจใส่ค้นหา และส่งเสริมให้ลูกได้เรียนรู้ด้วยตัวเค้าเอง และสนับสนุนอยู่ห่างๆ

John Schnur นักการศึกษาคนสำคัญของอเมริกาและยังเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้ง New Leaders for New Schools ได้กล่าวว่า การจะปลดล็อคและส่งเสริมทักษะการเรียนรู้ของลูกให้พัฒนาไปเป็นความสามารถพิเศษได้นั้นจะต้องได้รับการส่งเสริมอย่างจริงจัง ถูกต้อง และยอดเยี่ยมจากคุณพ่อคุณแม่เป็นหลัก เช่น อ่านหนังสือไปกับลูก คุยกันให้มาก หรือแม้แต่การวางโทรศัพท์มือถือให้ไกลตัวที่สุด และหลักการเหล่านี้ถ้าลองมาปรับใช้กับลูกเราก็ไม่ใช่เรื่องยากค่ะ เพราะคุณสามารถเป็นพ่อแม่สุดยอดนักส่งเสริมความสามารถพิเศษของลูกได้

วันนี้เรามีวิธีคิด และการปรับทัศนคติของคุณพ่อคุณแม่ที่เหมาะกับคนไทย 5 แบบโดย พญ.สินดี จำเริญนุสิต กุมารแพทย์พัฒนาการและพฤติกรรมเด็ก รพ.เวชธานี เพื่อที่เราจะส่งเสริมลูกไปได้สุดทางค่ะ

  1. เปิดประเด็นให้คิดและแสดงออกตลอดเวลา – ลองเปลี่ยนจากการออกคำสั่ง การไม่ให้ตัวเลือก หรือการจำกัดความคิดของลูก มาเป็นการถามเพื่อให้เขาได้แสดงความเห็นและความรู้สึก การให้ตัวเลือกเพื่อให้เขาได้เลือกสิ่งที่คิดว่าเหมาะกับตัวเอง หรือตั้งคำถามกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่พบเจอ เพื่อกระตุ้นให้เขาใช้ความคิดอยู่เสมอ ได้แสดงความเป็นตัวของตัวเอง และเป็นวิธีที่ทำให้คุณพ่อคุณแม่เปิดใจยอมรับตัวตนของลูก ได้มีโอกาสสังเกตเห็นบุคลิก ความถนัด และทักษะบางอย่างของลูกได้ เพื่อหาวิธีส่งเสริมต่อไปได้อย่างเหมาะสม
  2. เรียนรู้ไปพร้อมกับลูก – ถ้าพ่อแม่อยากให้ลูกเรียนรู้อย่างฉลาดรอบด้าน แต่ตัวเองยังนั่งเล่นแท็บเล็ต ก้มหน้าดูโทรศัพท์มือถือตลอดเวลา หรือปล่อยให้ลูกนั่งดูทีวี เล่นเกม ลูกจะเกิดการเรียนรู้รอบด้านได้อย่างไร ในเมื่อลูกไม่ได้รู้สึกว่าตนเองมีคุณค่าพอที่พ่อแม่จะมาสนใจ ดังนั้นพ่อแม่เองก็ต้องให้เวลา เรียนรู้ไปพร้อมกันกับลูก ไม่ปล่อยลูกให้ลงมือทำโดยขาดความสนใจและกำลังใจ เช่น อยากให้ลูกปั่นจักรยานที่ชอบ คุณพ่อคุณแม่ก็ควรปั่นจักรยานหรือเดินไปพร้อมๆ กับลูก ลูกชอบประดิษฐ์ พ่อแม่ก็ควรเป็นฝ่ายช่วยหาอุปกรณ์ ให้กำลังใจ และติดตามผลอยู่ใกล้ๆ เพื่อเห็นถึงความพยายาม ความมุ่งมั่น และช่วยแนะนำในส่วนที่ลูกขอความเห็น
  3. ไม่เปรียบเทียบลูกเรากับลูกคนอื่น – เด็กแต่ละคนมีพัฒนาการ ทักษะในการเรียนรู้ และความสามารถที่แตกต่างกันค่ะ เช่น บางคนเก่งเรื่องการคิดคำนวณ บางคนเก่งเรื่องภาษา บางคนเก่งเรื่องการเคลื่อนไหว บางคนเก่งเรื่องความคิดสร้างสรรค์ หรือบางคนเก่งเรื่องการอยู่ร่วมกับผู้อื่น คุณพ่อคุณแม่ควรสังเกตเพื่อให้เห็นถึงศักยภาพนั้นและส่งเสริมเขาให้เต็มที่ พร้อมกับพัฒนาทักษะด้านอื่นไปพร้อมกัน ดังนั้นทัศนคติของคุณพ่อคุณแม่เป็นสิ่งสำคัญ ลูกเราอาจจะไม่จำเป็นต้องเก่งเรื่องเดียวกับเด็กคนอื่น แต่เขาจะเก่งและพัฒนาความสามารถตัวเองได้แบบไร้ขีดจำกัดในทักษะที่ถนัดค่ะ
  4. ไม่กลัวถ้าลูกจะผิดพลาดและผิดหวัง – คุณพ่อคุณแม่หลายคนกลัวลูกผิดหวัง เสียใจ เลยลงมือทำแทนและปกป้องลูกมากเกินไป ซึ่งทัศนคติที่มีความหวังดีแบบนี้มักทำให้ลูกขาดการเรียนรู้ด้วยตัวเอง ลองลดความกลัวและวิตกกังวลของตัวเองลงอีกหน่อย แล้วปล่อยให้ลูกได้ลงมือทำ วิธีนี้จะกระตุ้นให้ลูกคิดหาทางแก้ไขปัญหาเอง หากเกิดความผิดพลาดเขาก็จะยอมรับในความผิดจากการเลือกของตัวเอง จดจำไว้พัฒนาให้ดีขึ้น และรับมือกับอารมณ์ของตัวเองได้เมื่อต้องผิดหวัง ซึ่งจะกลายมาเป็นทักษะในสำคัญในการทำงานร่วมกับผู้อื่น การแก้ไขปัญหา ความไม่ย่อท้อต่อเรื่องใดๆ ค่ะ
  5. ไม่มองข้ามพลังของสารอาหารบำรุงร่างกายและสมอง ลูกจะสนุกกับการเรียนรู้ พัฒนาการดี และต่อยอดทักษะต่างๆ ได้เยี่ยมจะต้องเริ่มที่อาหารการกิน ที่ส่งเสริมสุขภาพกาย และใจให้แข็งแรงค่ะ คุณพ่อคุณแม่ทุกคนจึงเน้นเลือกของกินที่ดีต่อสมอง รวมไปถึงการให้ลูกกินวิตามินต่างๆ เพราะเชื่อว่าจะทำให้ลูกฉลาดมากขึ้น แต่จริงๆ แล้วการให้ลูกกินอาหารทุกมื้อครบทั้ง 5 หมู่ และเพียงพอต่อความต้องการของร่างกายก็ช่วยให้เขาได้รับสารอาหารจำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตและการทำงานของสมองแล้วค่ะ สำหรับลูกในวัยที่สนุกกับการใช้พลังอย่างเหลือเฟือเพื่อการเรียนรู้ คุณพ่อคุณแม่ควรเน้นอาหารที่มีโปรตีนเพื่อสร้างกล้ามเนื้อ รวมถึงอาหารที่มีแคลเซียมเพื่อให้กระดูกแข็งแรง


หลังจากอ่านบทความนี้แล้ว คุณพ่อคุณแม่ลองประเมินตัวเองว่าทุกวันนี้เรามีทัศนคติที่ส่งเสริมการเรียนรู้ของลูก มากน้อยแค่ไหน ถ้าเราปรับทัศนคติของตัวเองเพื่อส่งเสริมลูกตั้งแต่วันนี้ จะทำให้ลูกเรียนรู้ไปได้จนสุดทาง แล้วจะรู้ว่าเขาทำได้มากกว่าที่คุณคิดค่ะ


ที่มา: มัมมีพิเดีย

อัพเดทล่าสุด