วิธีซ่อมและเปลี่ยนลูกบิดประตูง่าย ๆ ไม่ง้อช่างก็ทำได้


2,356 ผู้ชม


          ลูกบิดประตูบ้านเมื่อใช้งานไปนาน ๆ หรือติดตั้งไม่ถูกวิธีก็อาจชำรุด พัง และใช้งานไม่ได้ เพื่อเป็นการเสริมสร้างความปลอดภัยให้บ้านควรรีบซ่อมแซมและเปลี่ยนทันที ซึ่งในวันนี้เรามีวิธีซ่อมและเปลี่ยนลูกบิดประตูบ้านมาฝากค่ะ 
          ลูกบิดประตูบ้านเป็นอุปกรณ์อย่างหนึ่งที่ช่วยรักษาความปลอดภัยให้กับบ้าน โดยส่วนใหญ่แล้วลูกบิดจะมีความแข็งแรง ทนต่อการงัดแงะ แต่ทั้งนี้ถ้าใช้งานไปนาน ๆ หรือติดตั้งไม่ถูกวิธี ลูกบิดก็อาจจะพัง ชำรุด ทำให้ไม่สามารถป้องกันคนภายนอกที่อาจจะเข้ามาหรืออาจจะเป็นปัญหาให้กับคนในบ้านเองได้ วันนี้เรามีข้อมูลเกี่ยวกับการซ่อมลูกบิดในหลาย ๆ ลักษณะมาฝาก รวมถึงการเปลี่ยนและซ่อมลูกบิดประตูด้วยตัวเองมาฝากด้วยค่ะ 
ชนิดของลูกบิด
1. ลูกบิดประตูธรรมดาทั่วไป 
          ใช้การล็อกจากด้านใน ส่วนด้านนอกสามารถปลดล็อกได้ด้วยกุญแจจากด้านนอก นิยมใช้กับประตูบ้านหรือห้องนอน เพราะลูกบิดประเภทนี้จะเน้นความปลอดภัยเป็นหลัก
2. ลูกบิดแบบทางผ่าน 
          ลูกบิดประตูที่ไม่สามารถล็อกได้ เพราะมีมือจับอย่างเดียวและใช้กลอนประตูล็อกแทน เหมาะสำหรับประตูทางผ่านที่ไม่ต้องการความปลอดภัยมากหรือประตูห้องน้ำสาธารณะ
3. ลูกบิดประตูห้องน้ำ-ห้องนอนเด็ก 
          ลูกบิดที่ใช้การล็อกจากด้านใน ส่วนด้านนอกสามารถปลดล็อกได้ด้วยกุญแจหรือเหรียญ ถ้าเกิดอุบัติเหตุจะได้ช่วยเหลือได้รวดเร็วและทันเวลา
สาเหตุที่ทำให้ลูกบิดเสีย
          เนื่องจากลูกบิดมีส่วนประกอบและกลไกการทำงานที่ค่อนข้างจะซับซ้อน การที่ลูกบิดเสีย ชำรุด หรือใช้งานไม่ได้นั้น อาจจะเกิดได้จากหลายสาเหตุ ดังนี้  
          > ลิ้นไม่ล็อกจนทำให้สามารถเขี่ยลิ้นได้ สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการติดตั้งที่ไม่ถูกต้อง
          > หัวลูกบิดหลุดจากชุดตัวเรือนกุญแจ สาเหตุเกิดจากการถอดหัวลูกบิดในระหว่างการติดตั้งแล้วใส่กลับไม่ได้หรือไม่เข้าล็อก
          > ปุ่มกดกดยากหรือลงไม่สุด สาเหตุเพราะเกิดจากลูกบิดเสียรูปทรงทำให้กล่องลิ้นเคลื่อนที่ไม่สุด
          > ลูกบิดฝืด สาเหตุเพราะเกิดจากการติดตั้งหรือลูกบิดอาจจะเกิดจากการถูกกระแทกจนเสียสภาพ
          > ลูกกุญแจไขไม่ได้ สาเหตุเพราะเกิดจากการสลับลูกกุญแจ
          > หัวลูกบิดสีลอก สาเหตุเพราะเกิดจากแลคเกอร์ที่เคลือบสีหลุดลอก ทำให้ผิวชิ้นงานสัมผัสกับฝุ่นละอองและความชื้น
          > ลูกบิดที่ใช้นาน ๆ หลวมไม่พอดีกับประตู สาเหตุเกิดจากการหดและบิดตัวของบานประตูหรือเกิดจากการคลายตัวของสกรู
          > หัวลูกบิดด้านในหมุนไม่ได้ สาเหตุเกิดจากการหดและบิดตัวของบานประตูหรือเกิดจากการคลายตัวของสกรู
          > หัวลูกบิดเป็นคราบดำหรือคราบด่าง สาเหตุอาจจะเกิดจากสารเคมีบางตัวในสารทำความสะอาด เช่น คลอรีน กำมะถัน และแคลเซียม ซึ่งส่วนมากจะเป็นส่วนผสมของสารทำความสะอาดเกือบทุกชนิด
          > ลูกกุญแจเสียบลูกยากหรือดึงลูกยาก สาเหตุเกิดจากฟันกุญแจบุบ บิ่น หรือลูกกุญแจบิดงอ


วิธีซ่อมลูกบิดประตูบ้าน

1. ลูกบิดค้าง
          วิธีนี้แก้ได้ง่าย  ๆ ไม่ต้องไขมือจับลูกบิดออก ถ้าปุ่มล็อกจากด้านในเป็นแบบนูนขึ้น ให้ใช้มือจับปุ่มล็อกให้แน่น กดลง แล้วหมุนปุ่มล็อกขึ้น ถ้าปุ่มล็อกเป็นแบบมีร่องตรงกลาง ให้ใช้นิ้วโป้งกดลงไปให้ตรงร่อง กดให้แน่นแล้วหมุนขึ้น
2. ลูกบิดประตูเปิดไม่ออก
          เมื่อเกิดปัญหาลูกบิดค้าง ประตูจะเปิดไม่ได้เสมือนกับว่าโดนล็อกไว้ถึงแม้ว่าจะอยู่ในห้องก็ตาม ให้แก้โดยใช้ตะปูหรือเข็มเล็ก ๆ แทงเข้าไปในรูที่อยู่คอลูกบิดด้านในพร้อมกับหมุนลูกบิดไปด้วย เมื่อเปิดประตูได้แล้วให้ถอดมือจับลูกบิดด้านในออก โดยใช้เข็มหรือตะปูแทงรูที่อยู่คอลูกบิด ดึงมือจับออกแล้วฉีดน้ำมันหล่อลื่น หมุนแกนลูกบิดเพื่อให้น้ำมันเข้าทั่วถึง จากนั้นนำมือจับใส่เข้าไปดังเดิม
3. ลูกบิดคลอน
          ให้ลองหมุนฝาครอบลูกบิดด้านนอกให้แน่น ถ้าหมุนจนสุดแล้วแต่ลูกบิดยังคลอนอยู่แสดงว่าสกรูด้านในคลายตัว วิธีซ่อมก็คือให้ถอดมือจับด้านในและฝาครอบออกโดยใช้ตะปูแทงรูเล็ก ๆ บริเวณคอลูกบิดด้านใน ใช้ไขควงขันสกรูด้านในให้แน่น แล้วใส่ฝาครอบและลูกบิดคืนดังเดิม
วิธีเปลี่ยนลูกบิดประตู


          > หารูเล็ก ๆ บริเวณมือจับด้านใน แล้วใช้ตะปูหรือโลหะปลายแหลมแทงลงไปเพื่อให้แกนล็อกลูกบิดคลายตัวออก


          > จากนั้นดึงมือจับด้านในออก งัดฝาครอบออกด้วย


          > ถอดแผ่นประกบยึดลูกบิด โดยใช้ไขควงหมุนสกรูออก


          > ดึงมือจับด้านนอก ลูกบิดเก่า และหมุนสกรูปลดเดือยล็อกตรงกลางออก


          > เมื่อถอดลูกบิดเก่าออกทั้งหมดแล้วให้ใส่เดือยล็อกอันใหม่เข้าไป หมุนสกรูติดให้แน่น


          > นำลูกบิดใส่เข้าไปจากด้านนอก โดยใส่ให้ตรงกับเดือยล็อก หมุนลูกบิดทดสอบดูว่าเดือยล็อกใช้งานได้หรือไม่


          > สุดท้ายใส่มือจับด้านในให้ลงล็อก
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Frosty Life, rmiforemanblog และ homedecorthai
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก Frosty Life

ที่มา: กระปุกออนไลน์

อัพเดทล่าสุด