วัคซีน 2016 สำหรับเด็กแรกเกิดจนถึงอายุ 15 ปีที่พ่อแม่ต้องรู้ ในแบบฉบับหมอเด็กสรุปเอง


2,202 ผู้ชม


วัคซีน 2016 สำหรับเด็กแรกเกิดจนถึงอายุ 15 ปีที่พ่อแม่ต้องรู้ ในแบบฉบับหมอเด็กสรุปเอง

พญ.กัลย์สุดา อริยะวัตรกุล ปัจจุบันเป็นกุมารแพทย์ และเจ้าของเพจ Hormone for Kids by Dr.OrN อยากจะมาแบ่งปันบทความเกี่ยวกับเรื่อง วัคซีนของเด็ก ตั้งแต่แรกเกิด จนถึงอายุ 15 ปี เพราะสมัยนี้วัคซีนมีเยอะมากกกกก ทั้งวัคซีนจำเป็น และวัคซีนเสริม พ่อแม่อ่านแล้วตาลายไปหมด ทำไมถึงได้เยอะขนาดนี้ ยังไม่นับรวม package วัคซีนของรพ.เอกชนตามที่ต่างๆ
ก็เลยอยากสรุปมาให้อ่านกันค่ะ update ข้อมูลล่าสุดปี 2016 https://www.pidst.net
โดยหมอจะแบ่งออกเป็นแต่ละช่วงอายุ และแบ่งวัคซีนออกเป็น 2 ประเภท คือ
1) วัคซีนจำเป็น หรือวัคซีนพื้นฐาน คือ วัคซีนที่เด็กทุกคนจะได้รับตามโปรแกรมที่กำหนด โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย (หากรับบริการที่รพ.รัฐบาล)
2) วัคซีนทางเลือก หรือวัคซีนเสริม คือ วัคซีนที่มีประโยชน์สำหรับเด็กไทย และสามารถให้เพิ่มเติมได้เพื่อป้องกันโรค แต่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเอง เพราะเนื่องจากวัคซีนยังมีราคาสูง
*** ถามว่าจำเป็นต้องฉีดวัคซีนเสริมไหม ตอบตามตรงว่าไม่จำเป็นค่ะ ไม่ฉีด ก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร แต่ถ้าสามารถฉีดเพิ่มได้ก็ดี ***
คุณพ่อคุณแม่สามารถหยิบสมุดวัคซีนของลูกมาตรวจสอบได้ตามนี้เลยค่ะ ว่าหลงลืม ตกหล่น หรือมีตัวไหนที่สามารถเพิ่มเติมได้อีกหรือเปล่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งวัคซีนจำเป็น
โดยหมอจะเขียนทั้งชื่อภาษาไทย ชื่อย่อเป็นภาษาอังกฤษ รวมถึงชื่อยี่ห้อ (ถ้ามี) จะได้ไม่เกิดความสับสน

 



วัคซีนทารกแรกเกิด


หลังเกิดที่โรงพยาบาล เด็กทุกคนจะได้รับวัคซีนจำเป็น 2 ตัวทันที คือ
1) วัคซีนบีซีจี (BCG)
ที่ต้นแขนด้านซ้าย หลังจากนั้นไม่นาน ตำแหน่งที่ฉีดวัคซีนจะกลายเป็นตุ่มนูน เป็นหนอง แตกออก และเป็นแผลเป็น โดยทั่วไปกว่าแผลวัคซีนจะแห้ง ใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือน
2) วัคซีนตับอักเสบบี (HBV vaccine)
ที่ต้นขาด้านหน้า 1 เข็ม ในกรณีที่คุณแม่เป็นไวรัสตับอักเสบบี แนะนำให้ฉีดเข็มที่ 2 ตอนอายุ 1 เดือน (ปกติฉีดตอนอายุ 2 เดือน)
ช่วงวัยนี้ยังไม่มีวัคซีนเสริม
 

วัคซีนเด็กอายุ 2-4-6 เดือน


หมอจะขอสรุปรวมๆไปเลย เพราะวัคซีนสำหรับเด็กวัย 2 เดือน 4 เดือน และ 6 เดือน จะคล้ายๆกัน
วัคซีนจำเป็น
1)  วัคซีนคอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรน-ตับอักเสบบี (DTP-HB, Tritanrix-HB) ฉีดแล้วอาจจะมีไข้ได้บ้างภายใน 48 ชั่วโมงหลังฉีดยา แต่ไม่แนะนำให้กินยาลดไข้ดักไว้ก่อน เพราะอาจทำให้ภูมิคุ้มกันขึ้นได้ไม่ดีเท่าที่ควร
2)  วัคซีนโปลิโอแบบหยอด (OPV)
วัคซีนเสริม
1)  วัคซีนฮิบ (Hib) ป้องกันโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ โรคไซนัสและหลอดลม
โดยส่วนใหญ่แล้วจะอยู่ในวัคซีนรวมกับ คอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรน-ตับอักเสบบี และโปลิโอ ที่ต้องรับอยู่แล้ว ได้แก่ Quinvaxem, Infanrix-IPV/Hib, Pentaxim, Pediacel, Infanrix hexa, Hexaxim
2) วัคซีนนิวโมคอคคัส (PCV) หรือวัคซีนไอพีดี (IPD) ป้องกันโรคปอดบวมและเยื่อหุ้มสมองอักเสบ มี 2 แบบ คือ 13 สายพันธุ์ กับ 10 สายพันธุ์ ได้แก่ Prevnar และ Synflorix
3) วัคซีนโรตา (Rota) เป็นวัคซีนแบบหยอด ป้องกันโรคท้องเสียจากไวรัสโรตา ได้แก่ Rotarix และ RotaTeq
วัคซีนทั้งหมดนี้ไม่จำเป็นต้องรับพร้อมกันทั้งหมดในวันเดียว สามารถปรึกษากับคุณหมอ เพื่อขอเลื่อนวันฉีดวัคซีนได้
 


วัคซีนเด็กอายุ 9-12 เดือน


วัคซีนจำเป็น
1)  วัคซีนหัด-หัดเยอรมัน-คางทูม (MMR) เข็มที่ 1 อาจมีไข้หลังฉีดวัคซีนประมาณ 1 สัปดาห์ และเป็นไข้นาน 1-2 วัน
2)  วัคซีนไข้สมองอักเสบเจอี (JEV) แบบเดิม ต้องฉีดทั้งหมด 3 เข็ม โดย 2 เข็มแรก ฉีดห่างกัน 1-4 สัปดาห์ และฉีดกระตุ้นเข็มที่ 3 หลังจากเข็มที่ 2 นาน 1 ปี
วัคซีนเสริม
1)  วัคซีนไข้หวัดใหญ่ (Vaxigrip, Influvac, Fluquadri) โดยถ้าได้รับครั้งแรกต้องฉีด 2 เข็ม ห่างกันอย่างน้อย 4 สัปดาห์ สามารถป้องกันไข้หวัดใหญ่ได้ 75-90% แนะนำให้ฉีดปีละ 1 ครั้งก่อนเข้าฤดูฝน  เนื่องจากไวรัสไข้หวัดใหญ่มีการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ตลอดเวลา
2)  วัคซีนไข้สมองอักเสบเจอี (JEV) แบบใหม่ เข็มที่ 1
ภูมิคุ้มกันขึ้นสูงและอยู่ได้นานกว่า ฉีดเพียง 2 เข็ม ห่างกัน 1 ปี ได้แก่ CD.JEVAX และ IMOJEV
 



วัคซีนเด็กอายุ 18 เดือน

วัคซีนจำเป็น
1)  วัคซีนคอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรน (DTP) ฉีดแล้วอาจจะมีไข้ได้บ้างภายใน 48 ชั่วโมงหลังฉีดยา แต่ไม่แนะนำให้กินยาลดไข้ดักไว้ก่อน เพราะอาจทำให้ภูมิคุ้มกันขึ้นได้ไม่ดีเท่าที่ควร
2)  วัคซีนโปลิโอแบบหยอด (OPV)
วัคซีนเสริม
1)  วัคซีนอีสุกอีใส (Varilrix, Varicella Vaccine) เข็มที่ 1  สามารถป้องกันโรคอีสุกอีใสได้ 99%
2)  วัคซีนตับอักเสบเอ (HAV) เข็มที่ 1  สามารถป้องกันโรคตับอักเสบเอได้ 94-100% ได้แก่ Havrix, Avaxim
3)  วัคซีนไข้หวัดใหญ่ (Vaxigrip, Influvac, Fluquadri) โดยถ้าได้รับครั้งแรกต้องฉีด 2 เข็ม ห่างกันอย่างน้อย 4 สัปดาห์ สามารถป้องกันไข้หวัดใหญ่ได้ 75-90% แนะนำให้ฉีดปีละ 1 ครั้งก่อนเข้าฤดูฝน เนื่องจากไวรัสไข้หวัดใหญ่มีการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ตลอดเวลา
4)  วัคซีนนิวโมคอคคัส (PCV) หรือวัคซีนไอพีดี (IPD) เข็มกระตุ้น
 

วัคซีนเด็กอายุ 2 ปี

วัคซีนจำเป็น
1) วัคซีนไข้สมองอักเสบเจอี (JEV) แบบเดิม เข็มที่ 3
วัคซีนเสริม
1) วัคซีนไข้สมองอักเสบเจอี (JEV) แบบใหม่ เข็มที่ 2 ได้แก่ CD.JEVAX และ IMOJEV
 

วัคซีนเด็กอายุ 2 1/2 ปี

วัคซีนจำเป็น
1)  วัคซีนหัด-หัดเยอรมัน-คางทูม (MMR) เข็มที่ 2
ตามโปรแกรมเดิมฉีดวัคซีน MMR ตอนอายุ 4-6 ปี แต่ล่าสุดเปลี่ยนใหม่แล้ว ให้เลื่อนมาฉีดเร็วขึ้น ตอนอายุ 2 1/2 ปี แทน
วัคซีนเสริม
1)  วัคซีนตับอักเสบเอ (HAV) เข็มที่ 2
 

วัคซีนเด็กอายุ 4-6 ปี

วัคซีนจำเป็น
1)  วัคซีนคอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรน (DTP)  
2)  วัคซีนโปลิโอแบบหยอด (OPV)
3)  วัคซีนหัด-หัดเยอรมัน-คางทูม (MMR) เข็มที่ 2 (ถ้ายังไม่ได้ฉีดตอนอายุ 2 1/2 ปี)
วัคซีนเสริม
1)    วัคซีนอีสุกอีใส (Varilrix, Varicella Vaccine) เข็มที 2
 
 
วัคซีนเด็กอายุ 11-12 ปี


เป็นช่วงวัยที่ห่างหายไปนานกับการรับวัคซีน เพราะโดยส่วนใหญ่แล้ว ตามตารางวัคซีน จะมีถึงตอนอายุประมาณ 4-6 ปี หรือช่วงวัยอนุบาล หลังจากนั้นก็จะไม่มีวัคซีนที่จะต้องฉีดอีกเลย จนถึงอายุ 11-12 ปี ซึ่งคุณพ่อคุณแม่อาจจะลืมได้ เนื่องจากทิ้งช่วงห่างไปนาน
ลองมาดูกันนะคะ ว่ามีวัคซีนอะไรทีลูกเราควรได้รับเมื่อโตเป็นวัยรุ่นแล้วบ้าง
วัคซีนจำเป็น
1) วัคซีนคอตีบ-บาดทะยัก (Td) หลังจากนั้นฉีดกระตุ้นทุก 10 ปี
วัคซีนเสริม
1) วัคซีนคอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรน (Boostrix, ADACEL) คล้ายๆกับตอนเป็นเด็กเล็ก แต่สำหรับเด็กโตและผู้ใหญ่ ตัววัคซีนจะเปลี่ยนรูปแบบเล็กน้อย โดยใช้ชื่อว่า Tdap
2) วัคซีนเอชพีวี (Cervarix, Gardasil)
สามารถฉีดได้ตั้งแต่อายุ 9 ปีขึ้นไป  ฉีด 2 เข็ม ห่างกัน 6-12 เดือน และสามารถป้องกันมะเร็งปากมดลูกได้ประมาณ 75-80% ค่ะ มีสองชนิดคือแบบ 2 สายพันธุ์ และ 4 สายพันธุ์
3) วัคซีนไข้หวัดใหญ่ (Vaxigrip, Influvac, Fluquadri)
สามารถป้องกันไข้หวัดใหญ่ได้ 75-90% แนะนำให้ฉีดปีละ 1 ครั้งก่อนเข้าฤดูฝน  เนื่องจากไวรัสไข้หวัดใหญ่มีการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ตลอดเวลา
4)  วัคซีนอีสุกอีใส (Varilrix, Varicella Vaccine)
เฉพาะเด็กที่ไม่เคยได้รับวัคซีนหรือยังไม่เคยเป็นโรคนี้ แนะนำให้รับวัคซีน เพราะเด็กโตและผู้ใหญ่ เวลาเป็นอีสุกอีใส อาการมักจะเป็นรุนแรง จึงแนะนำให้ฉีด 2 ครั้ง ห่างกัน 4-8 สัปดาห์
ทั้งหมดนี้ก็เป็นสรุปวัคซีน 2016 สำหรับเด็กแรกเกิด จนถึงอายุ 15 ปี ที่อยากให้พ่อแม่รู้
หากคุณพ่อคุณแม่ท่านใดมีคำถามสงสัยเรื่องวัคซีน ก็สามารถ inbox เข้ามาถามทางหน้าแฟนเพจ https://www.facebook.com/hormoneforkids/
หรือเพิ่มเพื่อนทาง Line ได้ โดย search by ID แล้วพิมพ์คำว่า @hormoneforkidsหรือคลิกที่ link นี้ https://line.me/ti/p/@oib5932k

ที่มา: รักลูก

อัพเดทล่าสุด