พญ.กัลย์สุดา อริยะวัตรกุล ปัจจุบันเป็นกุมารแพทย์ และเจ้าของเพจ Hormone for Kids by Dr.OrN อยากจะมาแบ่งปันบทความเกี่ยวกับเรื่อง วัคซีนของเด็ก ตั้งแต่แรกเกิด จนถึงอายุ 15 ปี เพราะสมัยนี้วัคซีนมีเยอะมากกกกก ทั้งวัคซีนจำเป็น และวัคซีนเสริม พ่อแม่อ่านแล้วตาลายไปหมด ทำไมถึงได้เยอะขนาดนี้ ยังไม่นับรวม package วัคซีนของรพ.เอกชนตามที่ต่างๆ
ก็เลยอยากสรุปมาให้อ่านกันค่ะ update ข้อมูลล่าสุดปี 2016 https://www.pidst.net
โดยหมอจะแบ่งออกเป็นแต่ละช่วงอายุ และแบ่งวัคซีนออกเป็น 2 ประเภท คือ
1) วัคซีนจำเป็น หรือวัคซีนพื้นฐาน คือ วัคซีนที่เด็กทุกคนจะได้รับตามโปรแกรมที่กำหนด โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย (หากรับบริการที่รพ.รัฐบาล)
2) วัคซีนทางเลือก หรือวัคซีนเสริม คือ วัคซีนที่มีประโยชน์สำหรับเด็กไทย และสามารถให้เพิ่มเติมได้เพื่อป้องกันโรค แต่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเอง เพราะเนื่องจากวัคซีนยังมีราคาสูง
*** ถามว่าจำเป็นต้องฉีดวัคซีนเสริมไหม ตอบตามตรงว่าไม่จำเป็นค่ะ ไม่ฉีด ก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร แต่ถ้าสามารถฉีดเพิ่มได้ก็ดี ***
คุณพ่อคุณแม่สามารถหยิบสมุดวัคซีนของลูกมาตรวจสอบได้ตามนี้เลยค่ะ ว่าหลงลืม ตกหล่น หรือมีตัวไหนที่สามารถเพิ่มเติมได้อีกหรือเปล่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งวัคซีนจำเป็น
โดยหมอจะเขียนทั้งชื่อภาษาไทย ชื่อย่อเป็นภาษาอังกฤษ รวมถึงชื่อยี่ห้อ (ถ้ามี) จะได้ไม่เกิดความสับสน
วัคซีนทารกแรกเกิด
หลังเกิดที่โรงพยาบาล เด็กทุกคนจะได้รับวัคซีนจำเป็น 2 ตัวทันที คือ
1) วัคซีนบีซีจี (BCG)
ที่ต้นแขนด้านซ้าย หลังจากนั้นไม่นาน ตำแหน่งที่ฉีดวัคซีนจะกลายเป็นตุ่มนูน เป็นหนอง แตกออก และเป็นแผลเป็น โดยทั่วไปกว่าแผลวัคซีนจะแห้ง ใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือน
2) วัคซีนตับอักเสบบี (HBV vaccine)
ที่ต้นขาด้านหน้า 1 เข็ม ในกรณีที่คุณแม่เป็นไวรัสตับอักเสบบี แนะนำให้ฉีดเข็มที่ 2 ตอนอายุ 1 เดือน (ปกติฉีดตอนอายุ 2 เดือน)
ช่วงวัยนี้ยังไม่มีวัคซีนเสริม
วัคซีนเด็กอายุ 2-4-6 เดือน
หมอจะขอสรุปรวมๆไปเลย เพราะวัคซีนสำหรับเด็กวัย 2 เดือน 4 เดือน และ 6 เดือน จะคล้ายๆกัน
วัคซีนจำเป็น
1) วัคซีนคอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรน-ตับอักเสบบี (DTP-HB, Tritanrix-HB) ฉีดแล้วอาจจะมีไข้ได้บ้างภายใน 48 ชั่วโมงหลังฉีดยา แต่ไม่แนะนำให้กินยาลดไข้ดักไว้ก่อน เพราะอาจทำให้ภูมิคุ้มกันขึ้นได้ไม่ดีเท่าที่ควร
2) วัคซีนโปลิโอแบบหยอด (OPV)
วัคซีนเสริม
1) วัคซีนฮิบ (Hib) ป้องกันโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ โรคไซนัสและหลอดลม
โดยส่วนใหญ่แล้วจะอยู่ในวัคซีนรวมกับ คอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรน-ตับอักเสบบี และโปลิโอ ที่ต้องรับอยู่แล้ว ได้แก่ Quinvaxem, Infanrix-IPV/Hib, Pentaxim, Pediacel, Infanrix hexa, Hexaxim
2) วัคซีนนิวโมคอคคัส (PCV) หรือวัคซีนไอพีดี (IPD) ป้องกันโรคปอดบวมและเยื่อหุ้มสมองอักเสบ มี 2 แบบ คือ 13 สายพันธุ์ กับ 10 สายพันธุ์ ได้แก่ Prevnar และ Synflorix
3) วัคซีนโรตา (Rota) เป็นวัคซีนแบบหยอด ป้องกันโรคท้องเสียจากไวรัสโรตา ได้แก่ Rotarix และ RotaTeq
วัคซีนทั้งหมดนี้ไม่จำเป็นต้องรับพร้อมกันทั้งหมดในวันเดียว สามารถปรึกษากับคุณหมอ เพื่อขอเลื่อนวันฉีดวัคซีนได้
วัคซีนเด็กอายุ 9-12 เดือน
วัคซีนจำเป็น
1) วัคซีนหัด-หัดเยอรมัน-คางทูม (MMR) เข็มที่ 1 อาจมีไข้หลังฉีดวัคซีนประมาณ 1 สัปดาห์ และเป็นไข้นาน 1-2 วัน
2) วัคซีนไข้สมองอักเสบเจอี (JEV) แบบเดิม ต้องฉีดทั้งหมด 3 เข็ม โดย 2 เข็มแรก ฉีดห่างกัน 1-4 สัปดาห์ และฉีดกระตุ้นเข็มที่ 3 หลังจากเข็มที่ 2 นาน 1 ปี
วัคซีนเสริม
1) วัคซีนไข้หวัดใหญ่ (Vaxigrip, Influvac, Fluquadri) โดยถ้าได้รับครั้งแรกต้องฉีด 2 เข็ม ห่างกันอย่างน้อย 4 สัปดาห์ สามารถป้องกันไข้หวัดใหญ่ได้ 75-90% แนะนำให้ฉีดปีละ 1 ครั้งก่อนเข้าฤดูฝน เนื่องจากไวรัสไข้หวัดใหญ่มีการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ตลอดเวลา
2) วัคซีนไข้สมองอักเสบเจอี (JEV) แบบใหม่ เข็มที่ 1
ภูมิคุ้มกันขึ้นสูงและอยู่ได้นานกว่า ฉีดเพียง 2 เข็ม ห่างกัน 1 ปี ได้แก่ CD.JEVAX และ IMOJEV
วัคซีนเด็กอายุ 18 เดือน
วัคซีนจำเป็น
1) วัคซีนคอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรน (DTP) ฉีดแล้วอาจจะมีไข้ได้บ้างภายใน 48 ชั่วโมงหลังฉีดยา แต่ไม่แนะนำให้กินยาลดไข้ดักไว้ก่อน เพราะอาจทำให้ภูมิคุ้มกันขึ้นได้ไม่ดีเท่าที่ควร
2) วัคซีนโปลิโอแบบหยอด (OPV)
วัคซีนเสริม
1) วัคซีนอีสุกอีใส (Varilrix, Varicella Vaccine) เข็มที่ 1 สามารถป้องกันโรคอีสุกอีใสได้ 99%
2) วัคซีนตับอักเสบเอ (HAV) เข็มที่ 1 สามารถป้องกันโรคตับอักเสบเอได้ 94-100% ได้แก่ Havrix, Avaxim
3) วัคซีนไข้หวัดใหญ่ (Vaxigrip, Influvac, Fluquadri) โดยถ้าได้รับครั้งแรกต้องฉีด 2 เข็ม ห่างกันอย่างน้อย 4 สัปดาห์ สามารถป้องกันไข้หวัดใหญ่ได้ 75-90% แนะนำให้ฉีดปีละ 1 ครั้งก่อนเข้าฤดูฝน เนื่องจากไวรัสไข้หวัดใหญ่มีการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ตลอดเวลา
4) วัคซีนนิวโมคอคคัส (PCV) หรือวัคซีนไอพีดี (IPD) เข็มกระตุ้น
วัคซีนเด็กอายุ 2 ปี
วัคซีนจำเป็น
1) วัคซีนไข้สมองอักเสบเจอี (JEV) แบบเดิม เข็มที่ 3
วัคซีนเสริม
1) วัคซีนไข้สมองอักเสบเจอี (JEV) แบบใหม่ เข็มที่ 2 ได้แก่ CD.JEVAX และ IMOJEV
วัคซีนเด็กอายุ 2 1/2 ปี
วัคซีนจำเป็น
1) วัคซีนหัด-หัดเยอรมัน-คางทูม (MMR) เข็มที่ 2
ตามโปรแกรมเดิมฉีดวัคซีน MMR ตอนอายุ 4-6 ปี แต่ล่าสุดเปลี่ยนใหม่แล้ว ให้เลื่อนมาฉีดเร็วขึ้น ตอนอายุ 2 1/2 ปี แทน
วัคซีนเสริม
1) วัคซีนตับอักเสบเอ (HAV) เข็มที่ 2
วัคซีนเด็กอายุ 4-6 ปี
วัคซีนจำเป็น
1) วัคซีนคอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรน (DTP)
2) วัคซีนโปลิโอแบบหยอด (OPV)
3) วัคซีนหัด-หัดเยอรมัน-คางทูม (MMR) เข็มที่ 2 (ถ้ายังไม่ได้ฉีดตอนอายุ 2 1/2 ปี)
วัคซีนเสริม
1) วัคซีนอีสุกอีใส (Varilrix, Varicella Vaccine) เข็มที 2
เป็นช่วงวัยที่ห่างหายไปนานกับการรับวัคซีน เพราะโดยส่วนใหญ่แล้ว ตามตารางวัคซีน จะมีถึงตอนอายุประมาณ 4-6 ปี หรือช่วงวัยอนุบาล หลังจากนั้นก็จะไม่มีวัคซีนที่จะต้องฉีดอีกเลย จนถึงอายุ 11-12 ปี ซึ่งคุณพ่อคุณแม่อาจจะลืมได้ เนื่องจากทิ้งช่วงห่างไปนาน
ลองมาดูกันนะคะ ว่ามีวัคซีนอะไรทีลูกเราควรได้รับเมื่อโตเป็นวัยรุ่นแล้วบ้าง
วัคซีนจำเป็น
1) วัคซีนคอตีบ-บาดทะยัก (Td) หลังจากนั้นฉีดกระตุ้นทุก 10 ปี
วัคซีนเสริม
1) วัคซีนคอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรน (Boostrix, ADACEL) คล้ายๆกับตอนเป็นเด็กเล็ก แต่สำหรับเด็กโตและผู้ใหญ่ ตัววัคซีนจะเปลี่ยนรูปแบบเล็กน้อย โดยใช้ชื่อว่า Tdap
2) วัคซีนเอชพีวี (Cervarix, Gardasil)
สามารถฉีดได้ตั้งแต่อายุ 9 ปีขึ้นไป ฉีด 2 เข็ม ห่างกัน 6-12 เดือน และสามารถป้องกันมะเร็งปากมดลูกได้ประมาณ 75-80% ค่ะ มีสองชนิดคือแบบ 2 สายพันธุ์ และ 4 สายพันธุ์
3) วัคซีนไข้หวัดใหญ่ (Vaxigrip, Influvac, Fluquadri)
สามารถป้องกันไข้หวัดใหญ่ได้ 75-90% แนะนำให้ฉีดปีละ 1 ครั้งก่อนเข้าฤดูฝน เนื่องจากไวรัสไข้หวัดใหญ่มีการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ตลอดเวลา
4) วัคซีนอีสุกอีใส (Varilrix, Varicella Vaccine)
เฉพาะเด็กที่ไม่เคยได้รับวัคซีนหรือยังไม่เคยเป็นโรคนี้ แนะนำให้รับวัคซีน เพราะเด็กโตและผู้ใหญ่ เวลาเป็นอีสุกอีใส อาการมักจะเป็นรุนแรง จึงแนะนำให้ฉีด 2 ครั้ง ห่างกัน 4-8 สัปดาห์
ทั้งหมดนี้ก็เป็นสรุปวัคซีน 2016 สำหรับเด็กแรกเกิด จนถึงอายุ 15 ปี ที่อยากให้พ่อแม่รู้
หากคุณพ่อคุณแม่ท่านใดมีคำถามสงสัยเรื่องวัคซีน ก็สามารถ inbox เข้ามาถามทางหน้าแฟนเพจ https://www.facebook.com/hormoneforkids/
หรือเพิ่มเพื่อนทาง Line ได้ โดย search by ID แล้วพิมพ์คำว่า @hormoneforkidsหรือคลิกที่ link นี้ https://line.me/ti/p/@oib5932k
ที่มา: รักลูก