ไขมันพอกตับ มฤตยูเงียบ!! แต่สิ่งนี้ช่วยได้


1,173 ผู้ชม

รีบหามากินด่วน!! เพราะปัจจุบันวัยรุ่นที่อ้วนมีภาวะโรคไขมันพอกตับสูงกว่า วัยรุ่นที่น้ำหนักปกติถึง 15-20 เท่า


ไขมันพอกตับ มฤตยูเงียบ!! แต่สิ่งนี้ช่วยได้

รีบหามากินด่วน!! เพราะปัจจุบันวัยรุ่นที่อ้วนมีภาวะโรคไขมันพอกตับสูงกว่า วัยรุ่นที่น้ำหนักปกติถึง 15-20 เท่า

เดี๋ยวนี้พบว่าวัยรุ่นที่อ้วนมีภาวะโรคไขมันพอกตับสูงกว่าวัยรุ่นที่น้ำหนักปกติถึง 15-20 เท่า และพบว่าเด็กอ้วนที่ป่วยด้วยโรคไขมันพอกตับจนตับแข็งตั้งแต่อายุแค่ 8 ขวบเท่านั้น ในที่นี้ขอแนะนำสมุนไพรเครื่องเทศที่ใช้เป็นทั้งยาและอาหารเพื่อป้องกันและรักษาโรคไขมันพอกตับได้ผลดีคือ เปลือก อบเชย มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Cinnamomum verum J. Presl ก่อนหน้านี้เคยมีผลการวิจัยการใช้เปลือกอบเชยรักษาเบาหวานได้ผลดีมาแล้ว จึงมีการวิจัยขยายผลต่อเนื่องพบว่าผู้ป่วยเบาหวานมักมีความเสี่ยงเป็นภาวะไขมันพอกตับด้วย 
มีการศึกษาวิจัยเปรียบเทียบการใช้อบเชยกับยาหลอกในผู้ป่วยโรคไขมันพอกตับชนิดที่ไม่ได้เกิดจากพิษแอลกอฮอล์ (Non Alcoholic FLD) จำนวน 55 คน โดยให้รับประทานยาอบเชยผงบรรจุแคปซูลขนาด 750 มิลลิกรัม ครั้งละ 1 แคปซูล เช้า - เย็น ก่อนอาหาร โดยเทียบกับยาหลอกด้วยวิธีใช้อย่างเดียวกันเป็นเวลา 12 สัปดาห์ หรือ 84 วัน

ผลปรากฏว่าภาวการณ์ดื้ออินซูลินลดลงอย่างเห็นได้ชัด รวมทั้งไขมันในเลือด ไตรกลีเซอไรด์ลดลงโดยที่ไม่มีผลทำให้ไขมันในเลือดชนิดดีลดลงแต่อย่างใด ซึ่งเป็นตัวชี้วัดว่าผงอบเชยขนาดรับประทานวันละ 1,500 มิลลิกรัม สามารถรักษาภาวะโรคไขมันพอกตับได้ผลดี โดยไม่มีพิษข้างเคียงใดๆ และสามารถใช้ร่วมกับยาแผนปัจจุบันที่ใช้รักษาภาวะโรคนี้ด้วย ยิ่งกว่านั้นการรับประทานอบเชยผงวันละ 1 แคปซูล ขนาด 500-750 มิลลิกรัม ก็ช่วยยับยั้งป้องกันกลไกการสังเคราะห์ไขมันในตับผิดปกติ

อบเชย เป็นสมุนไพรที่หาง่าย ทั้งยังเป็นเครื่องเทศปรุงรสอาหารที่คนไทยคุ้นเคยในพะโล้ที่กินกันประจำ หรือที่นิยมดื่มกาแฟโรยผงซินนาม่อน จึงน่าจัดให้เป็นหนึ่งในสมุนไพรใกล้ตัวหรือประจำครอบครัวไว้ใช้ได้สะดวก
แต่ผู้ที่ชื่นชอบสมุนไพรก็ควรเข้าใจด้วยว่า มาตรการที่สามารถป้องกันรักษาภาวะโรคไขมันพอกตับระยะยาวได้ผลดีที่สุดก็คือ การลดน้ำหนักจนกระทั่งค่าดัชนีมวลกายอยู่ระหว่าง 18-22 นั่นคือลดละเลิกอาหารขยะหรือจำพวกอาหารหวานจัด มันจัด และเค็มจัด
โรคไขมันพอกตับ เป็นมฤตยูเงียบที่ก่อตัวขึ้นในอวัยวะที่ใหญ่ที่สุดภายใต้ชายโครงขวาของเรา ถ้าเริ่มรู้สึกแน่นหรือปวดเล็กๆ น้อยๆ บริเวณนี้เรื้อรังเป็นสัปดาห์แม้ร่างกายพอทนได้ก็อย่าทนต่อไป ต้องรีบไปพบแพทย์ตรวจหาสาเหตุของอาการ เพราะถ้าปล่อยให้มีอาการนี้นานกว่า 6 เดือน ภาวะโรคอาจลุกลามจนแก้ไขให้กลับคืนเป็นปกติได้ยาก
ดังนั้น มาป้องกันรักษาสุขภาพตับให้แข็งแรง อย่าปล่อยปละละเลยจนเกิดโรคตับแข็ง

ขอบคุณที่มา : www.senesouk.com

อัพเดทล่าสุด