อาหารที่มะเร็งปากมดลูกไม่ชอบ 10 อย่างยิ่งกินมันยิ่งกลัว สาวๆต้องแชร์เก็บไว้เลย!!


1,848 ผู้ชม

อาหารที่มะเร็งปากมดลูกไม่ชอบ 10 อย่างยิ่งกินมันยิ่งกลัว มีอะไรบ้างมาดูกันเลย...


อาหารที่มะเร็งปากมดลูกไม่ชอบ 10 อย่างยิ่งกินมันยิ่งกลัว

แม้ต้นตอการเกิดโรคมะเร็งปากมดลูกจะอยู่ที่การติดเชื้อ HPV ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสที่ติดต่อกันได้ผ่านการมีเพศสัมพันธ์และอาจนำไปสู่การเกิดมะเร็งในอวัยวะสืบพันธุ์ต่าง ๆ แต่ถึงกระนั้นสาว ๆ เองก็ลดความเสี่ยงเป็นมะเร็งปากมดลูกได้ด้วยการเพิ่มความแข็งแรงให้เซลล์ร่างกาย และเพิ่มสารป้องกันการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ต่าง ๆ โดยการเลือกกินอาหารที่มีสารช่วยต้านมะเร็งปากมดลูกต่อไปนี้

1. มะละกอ

อาหารที่มะเร็งปากมดลูกไม่ชอบ 10 อย่างยิ่งกินมันยิ่งกลัว สาวๆต้องแชร์เก็บไว้เลย!!

มะละกอ อาหารที่มะเร็งปากมดลูกไม่ชอบ 

มะละกอก็เป็นผลไม้สีส้มเช่นกัน จึงอุดมไปด้วยวิตามินเอ เบาต้าแคโรทีน และยังมีวิตามินซี แคลเซียม ฟอสฟอรัส รวมทั้งธาตุเหล็ก ซึ่งนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยฟลอริด้า ได้ทำการศึกษาและพบว่า สารอาหารเหล่านี้ในผลมะละกอไม่ว่าจะดิบ หรือสุก สามารถช่วยป้องกันโรคมะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการเข้าไปยับยั้งการเจริญเติบโตของเนื้องอก หรือเซลล์ผิดปกติที่ทำท่าว่าจะเป็นเซลล์ก่อมะเร็ง ที่สำคัญยังเจ๋งขนาดป้องกันได้ทั้งมะเร็งปากมดลูก, มะเร็งเต้านม, มะเร็งตับ และมะเร็งตับอ่อนเลยทีเดียวนะ

2. ทับทิม

อาหารที่มะเร็งปากมดลูกไม่ชอบ 10 อย่างยิ่งกินมันยิ่งกลัว สาวๆต้องแชร์เก็บไว้เลย!!

ทับทิม อาหารที่มะเร็งปากมดลูกไม่ชอบ 

สารสำคัญในทับทิมที่มีส่วนช่วยเราต้านมะเร็งปากมดลูกก็คือ กรดเอลลาจิก (Ellagic Acid) ซึ่งเป็นกรดที่ช่วยป้องกันการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ในร่างกายมนุษย์ รวมทั้งยับยั้งการขยายของเซลล์ผิดปกติที่อาจจะกลายเป็นเซลล์มะเร็ง โดยสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ประเทศสหรัฐอเมริกา ยังบอกเพิ่มเติมด้วยว่า สารเอลลาจิกในทับทิม สามารถป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูกของผู้หญิงได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว แถมในทับทิมยังเปี่ยมไปด้วยไฟโตนิวเทรียนต์ หรือสารพฤกษเคมี ที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอความเสื่อม กระตุ้นภูมิคุ้มกัน และช่วยป้องกันการเกิดโรคต่าง ๆ ได้มากมาย

3. แครอท มันเทศ และฟักทอง

อาหารที่มะเร็งปากมดลูกไม่ชอบ 10 อย่างยิ่งกินมันยิ่งกลัว สาวๆต้องแชร์เก็บไว้เลย!!

แครอท มันเทศ และฟักทอง อาหารที่มะเร็งปากมดลูกไม่ชอบ 

ผัก-ผลไม้ที่มีสีส้มจัดอย่างแครอท มันเทศ หรือผักที่มีสีเหลืองจัดอย่างฟักทอง มีคุณสมบัติช่วยต้านการเกิดเซลล์มะเร็ง เนื่องจากเป็นผัก-ผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินเอ หรือเบต้าแคโรทีนที่สามารถเปลี่ยนเป็นวิตามินเอเมื่อถูกดูดซึมเข้าร่างกายได้ และวิตามินเอนี่แหละค่ะที่หลายผลการวิจัยในปี 2012 ระบุไว้ว่า เป็นวิตามินที่มีคุณสมบัติช่วยส่งเสริมภูมิคุ้มกันในร่างกาย ลดโอกาสเกิดการอักเสบในเนื้อเนื่อเยื่อ ซึ่งก็จะช่วยลดโอกาสเกิดเซลล์มะเร็งหรือเนื้อร้ายได้ด้วย นอกจากนี้เหล่าสารต้านอนมูลอิสระอย่างแคโรทีนอยด์ และไบโอฟลาโวนอยด์ที่พบในผัก-ผลไม้สีส้มจัดก็ยังมีคุณสมบัติช่วยต้านเซลล์มะเร็งในร่างกาย โดยเฉพาะความเสี่ยงโรคมะเร็งมดลูกและมะเร็งปอด

4. โฮลเกรน

อาหารที่มะเร็งปากมดลูกไม่ชอบ 10 อย่างยิ่งกินมันยิ่งกลัว สาวๆต้องแชร์เก็บไว้เลย!!

โฮลเกรน อาหารที่มะเร็งปากมดลูกไม่ชอบ 

สารอาหารที่ช่วยต้านมะเร็งไม่ได้อยู่ในพืชผัก ผลไม้เท่านั้น แต่เรายังสามารถพบได้ในธัญพืชอย่างโฮลเกรนและโฮลวีทได้ด้วยค่ะ เพราะโฮลเกรนเป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนที่ยังอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ครบถ้วนตามธรรมชาติ ทั้งเส้นใยอาหาร วิตามิน แร่ธาตุ และไฟโตนิวเทรียนต์หรือสารต่อต้านอนุมูลอิสระต่าง ๆ จึงเป็นอาหารอีกชนิดที่ช่วยลดความเสี่ยงมะเร็งปากมดลูกได้สบาย ๆ เอาล่ะ...เรามาบอกลาแป้งขัดขาวที่เคยกินมาตลอดชีวิตกันเถอะ !

5. ผักใบเขียว

อาหารที่มะเร็งปากมดลูกไม่ชอบ 10 อย่างยิ่งกินมันยิ่งกลัว สาวๆต้องแชร์เก็บไว้เลย!!

ผักใบเขียว อาหารที่มะเร็งปากมดลูกไม่ชอบ 

ผักใบเขียวอย่างผักสลัด คะน้า ผักโขม ปวยเล้ง ล้วนแล้วแต่มีสารต้านอนุมูลอิสระอย่างฟลาโวนอยด์ด้วยกันทั้งสิ้น ซึ่งก็สามารถปกป้องเซลล์ร่างกายจากเชื้อร้ายที่อาจก่อให้เกิดเซลล์มะเร็งได้ ไม่เว้นแม่แต่เซลล์ร้ายที่อาจก่อให้เกิดมะเร็งปากมดลูกนะคะ ดังนั้นพยายามกินผักใบเขียวเยอะ ๆ หรืออย่างน้อยควรกินผักหลากชนิด หลากสีวันละ 18 ช้อน หรือประมาณ ​6 ทัพพี ตามคำแนะนำของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข

6. กะหล่ำ

อาหารที่มะเร็งปากมดลูกไม่ชอบ 10 อย่างยิ่งกินมันยิ่งกลัว สาวๆต้องแชร์เก็บไว้เลย!!

กะหล่ำ อาหารที่มะเร็งปากมดลูกไม่ชอบ 

พืชตระกูลกะหล่ำอย่างกะหล่ำปลี กะหล่ำม่วง กะหล่ำดาว และกะหล่ำดอก มีทั้งฟลาโวนอยด์ และซิลิเนียม สารช่วยกำจัดอนุมูลอิสระอีกตัวที่จัดว่าเด็ด เพราะมีการวิจัยที่พบว่า หากร่างกายได้รับซิลิเนียม 250-300 ไมโครกรัมต่อวัน ร่วมกับการได้รับวิตามินเอ จะช่วยปกป้องมะเร็งร้ายได้หลายชนิด รวมทั้งมะเร็งปากมดลูกก็ด้วย

7. บรอกโคลี

อาหารที่มะเร็งปากมดลูกไม่ชอบ 10 อย่างยิ่งกินมันยิ่งกลัว สาวๆต้องแชร์เก็บไว้เลย!!

บรอกโคลี อาหารที่มะเร็งปากมดลูกไม่ชอบ 

ผลการวิจัยในวารสาร Postgraduate Medicine เมื่อปี 2003 เผยว่า บรอกโคลีเป็นผักที่มีฟลาโวนอยด์สูง มีวิตามินเอ วิตามินซี และวิตามินบี จึงจัดเป็นผักสีเขียวที่มีคุณสมบัติช่วยต้านเซลล์มะเร็งร้ายอย่างเซลล์มะเร็งปากมดลูกได้อีกทาง

8. หอม กระเทียม

อาหารที่มะเร็งปากมดลูกไม่ชอบ 10 อย่างยิ่งกินมันยิ่งกลัว สาวๆต้องแชร์เก็บไว้เลย!!

หอม กระเทียม อาหารที่มะเร็งปากมดลูกไม่ชอบ 

สมุนไพรอย่างหอมและกระเทียมอุดมไปด้วยสารซิลิเนียมด้วยเช่นกัน และยังมีแร่ธาตุ วิตามิน กรด และสารอาหารต่าง ๆ ที่มีคุณสมบัติป้องกันโรคได้ โดยกระเทียมและหอมมีคุณสมบัติต้านการอักเสบ และยังเปี่ยมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระอย่างฟลาโวนอยด์ด้วยนะคะ กินทุกวันก็ป้องกันได้หลายโรคเชียว

9. กรดไขมันโอเมก้า 3

อาหารที่มะเร็งปากมดลูกไม่ชอบ 10 อย่างยิ่งกินมันยิ่งกลัว สาวๆต้องแชร์เก็บไว้เลย!!

กรดไขมันโอเมก้า 3 อาหารที่มะเร็งปากมดลูกไม่ชอบ 

การที่ร่างกายมีกรดไขมันโอเมก้า 3 ในระดับที่ต่ำ ก็เป็นสาเหตุให้มีความเสี่ยงเป็นมะเร็งเพิ่มขึ้นเช่นกัน อีกทั้งยังมีการศึกษาที่พบว่า DHA หรือกรดโอเมก้า 3 มีคุณสมบัติหยุดยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อ HPV ได้ ดังนั้นสาว ๆ ควรกินกรดไขมันโอเมก้า 3 ให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย (วันละ 300 มิลลิกรัม) โดยควรเลือกกินปลาทะเลอย่างปลาทู ปลากะพง ปลาสำลี ปลาเก๋า ปลาอินทรี ปลาซาดีน ปลาทูน่า หรือปลาแมคเคอเรล

10. สาหร่ายทะเล

อาหารที่มะเร็งปากมดลูกไม่ชอบ 10 อย่างยิ่งกินมันยิ่งกลัว สาวๆต้องแชร์เก็บไว้เลย!!

สาหร่ายทะเล อาหารที่มะเร็งปากมดลูกไม่ชอบ 

จากการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร Japanese Journal of Experimental Medicine ระบุว่า หนูทดลองที่ได้กินสาหร่ายทะเลที่ชื่อว่า คอมบุ (kombu) ถูกพบว่าการเจริญเติบโตของเนื้องอกมีอัตราลดลงกว่า 95% สนับสนุนผลการวิจัยก่อนหน้านี้ที่ระบุว่าพืชจากทะเลอย่างสาหร่ายทะเลมีคุณสมบัติช่วยต้านมะเร็งได้เป็นอย่างดี 

อย่างไรก็ดี อาหารป้องกันมะเร็งปากมดลูกเหล่านี้ก็เป็นเพียงวิธีป้องกันมะเร็งปากมดลูกอีกทางหนึ่งที่ทำได้ง่าย ๆ และจริง ๆ แล้วเรายังสามารถเสริมเกราะป้องกันมะเร็งปากมดลูกได้โดยการหลีกเลี่ยงการเปลี่ยนคู่นอนบ่อย ๆ ไม่มีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุยังน้อย และควรสวมถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ รวมไปถึงการงดสูบบุหรี่ และการใช้ยาคุมกำเนิดเป็นเวลานาน ๆ ด้วย

ขอขอบคุณข้อมูลจาก โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์

www.kapook.com

อัพเดทล่าสุด