โรคหูดหงอนไก่ (condyloma acuminata)
( 142 Votes )โรคหูดหงอนไก่ (genital wart, condyloma acuminata) เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบได้บ่อยโรคหนึ่ง ลักษณะเป็นหูดที่เกิดที่อวัยวะเพศ รวมทั้งที่ทวารหนัก สาเหตุเกิดจากเชื้อไวรัสที่มีชื่อเรียกว่า human papilloma virus โดยทั่วไปมักพบเป็นติ่งเนื้อสีชมพูรวมกันเป็นก้อนคล้ายหงอนไก่ พบได้หลายรูปแบบ อาจมีจำนวนและขนาดที่แตกต่างกันได้มาก และอาจพบได้มากกว่าหนึ่งแห่ง มักพบเป็นก้อนเนื้อผิวขรุขระ ก้อนเนื้ออาจรวมตัวกันเป็นก้อนใหญ่ก้อนเดียว หรือเป็นก้อนเนื้อหรือติ่งเนื้อเล็กๆหลายก้อน ตำแหน่งที่พบบ่อยเป็นที่บริเวณคอคอดของอวัยวะเพศชาย นอกจากนี้ยังพบได้มากที่บริเวณแคมช่องคลอดและปากมดลูกของเพศหญิง หูดหงอนไก่ชนิดแบนมักพบที่อวัยวะสืบพันธุ์ภายใน เช่น ในท่อปัสสาวะชาย หรือช่องคลอดและปากมดลูก ปกติโรคหูดหงอนไก่จะไม่มีอาการอะไร เว้นเสียแต่อาจมีการฉีกขาดเลือดออก หรือติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำเติม จึงทำให้เกิดการอักเสบเป็นหนองได้ จำนวนและขนาดของหูดจะใหญ่ขึ้นในขณะตั้งครรภ์
- โรคหูดหงอนไก่เกิดจากเชื้อไวรัสเอชพีวี human papilloma virus (HPV) โดยเป็นการติดเชื้อที่ชั้นหนังกำพร้า
- ไวรัส papilloma เป็น DNA virus จัดอยู่ใน Family Papovaviridae ชื่อของแฟมิลีได้มาจากอักษรสองตัวแรกของเชื้อ 3 ชนิดคือ papilloma, polyoma และ vacuolating agent โดยเชื้อไวรัสในแฟมิลีนี้มีจีโนมเป็น DNA สายคู่ แคปซิดมี icosahedral symmetry รูปร่างกลม ไม่มีเปลือกหุ้ม มีขนาดประมาณ 55 นาโนเมตร และเพิ่มจำนวนในนิวเคลียส
- ไวรัส papilloma มีการติดเชื้อในคนและสัตว์หลายชนิด แต่มีความจำเพาะต่อสปีชีส์ เชื้อที่ทำให้เกิดโรคในคน เรียกว่า human papilloma virus (HPV) ในปัจจุบันพบเชื้อไวรัสเอชพีวีมากกว่า 100 ชนิดที่สามารถแยกเชื้อได้ในปัจจุบัน หลายชนิดพบว่าเกี่ยวข้องกับการเกิดเป็นมะเร็งทั้งในเพศชายและเพศหญิง
- เชื้อไวรัสเอชพีวี types ต่างๆทำให้เกิดหูดหรือติ่งเนื้องอกต่างชนิดกัน เชื้อไวรัสเข้าสู่ร่างกายทางรอยถลอกของผิวหนังและเยื่อเมือก ทางเพศสัมพันธ์ หรือทารกติดจากทางคลอดของมารดา เชื้อไวรัสเพิ่มจำนวนในเซลล์เยื่อบุผิวหนังและเยื่อเมือกเท่านั้น ในภาวะปกติไวรัสไม่มีการแพร่กระจาย หูดเกิดจากเซลล์ติดเชื้อเพิ่มจำนวนจนเป็นก้อนทูม หูดที่เกิดจากเชื้อไวรัสเอชพีวีมีความแตกต่างกันได้มากทั้งรูปร่าง ลักษณะ และตำแหน่งรอยโรค พบได้ทั้งหูดที่ไม่เป็นอันตรายรุนแรงและหายไปได้เอง และหูดที่เปลี่ยนแปลงเป็นมะเร็ง
- ร้อยละ 90 ของโรคหูดหงอนไก่เกิดจากเชื้อไวรัสเอชพีวี types 6 และ 11 ซึ่งทั้งสองชนิดนี้ไม่ค่อยเกี่ยวข้องกับการเกิดเป็นมะเร็ง
- ในกรณีที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเอชพีวี types 33, 35, 39, 40, 43, 45, 51-56, 58 ถือว่ามีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งปานกลาง และถ้าเกิดจากการติดเชื้อไวรัสเอชพีวี types 16, 18 ถือว่ามีความเสี่ยงสูง อย่างไรก็ตาม ร้อยละ 10-15 ของผู้ป่วยทั้งหมด พบว่าเกิดจากการติดเชื้อมากกว่าหนึ่งชนิด ความสัมพันธ์ระหว่างชนิดของเชื้อไวรัสกับการเกิดโรคมะเร็งกำลังได้รับการศึกษาอย่างกว้างขวางในปัจจุบัน
- ระยะฟักตัวของเชื้อไวรัสเอชพีวีนาน 1–6 เดือน
อาการ
ลักษณะของโรคหูดหงอนไก่ ปกติจะมีตุ่มหงอนไก่ คล้ายตุ่มหูด หรือหงอนของไก่ สีแดงสด บริเวณอวัยวะเพศ หรือข้างเคียง ถ้ากระทบแรงๆ อาจจะมีเลือดออกได้ บางครั้งถ้าอยู่ในช่องคลอดลึกอาจจะมองไม่เห็นแต่ มีอาจมีอาการตกขาวได้ ถ้าอยู่แถวปากช่องคลอด ก็จะเห็นได้ง่าย ในผู้ชายอาจเป็นที่ทวารหนัก หรือปลายอวัยวะเพศได้
การติดเชื้อไวรัสเอชพีวีที่บริเวณอวัยวะเพศ สามารถทำให้เกิดรอยโรคได้หลายแบบ
- หูดหงอนไก่ ลักษณะเป็นติ่งเนื้อสีชมพูงอกบานออกทางด้านนอก ดูคล้ายหงอนไก่ หรือดอกกะหล่ำ ในผู้ชายมักเป็นที่ด้านในของหนังหุ้มปลายองคชาติ บางครั้งอาจเกิดที่ปากท่อปัสสาวะ และอาจงอกลามลึกเข้าไปภายในได้ ผู้ชายรักร่วมเพศ มักพบหูดที่รอบทวารหนักซึ่งอาจลุกลามเข้าไปภายในได้ ผู้หญิงพบบ่อยที่ปากช่องคลอด ส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัสเอชพีวี types 6,11
- หูดชนิดแบนราบ มักพบบริเวณปากมดลูก ลักษณะแบนราบ ส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัสเอชพีวี type 16 ปัจจุบันพบว่าหูดชนิดนี้เป็นสาเหตุของโรคมะเร็งปากมดลูก
- หูดชนิดกลุ่ม ลักษณะเป็นตุ่มขนาด 3 – 4 มม. สีน้ำตาลแดง ม่วง หรือดำ ผิวเรียบ หรือขรุขระเล็กน้อย มักเกิดขึ้นทีเดียวพร้อมกันหลายตุ่ม และอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม ส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัสเอชพีวี types 16,18
- หูดก้อนใหญ่ ลักษณะเป็นหูดขนาดใหญ่ที่โตเร็วมาก จนกลายเป็นก้อนใหญ่ปกคลุมอวัยวะเพศไว้ทั้งหมด ส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัสเอชพีวี type 6 บางคนอาจเรียกว่าเป็นหูดยักษ์ สาเหตุที่ทำให้หูดโตเร็ว ได้แก่ การตั้งครรภ์ ตกขาว ความสกปรก และการติดเชื้อ
การวินิจฉัย
โรคหูดหงอนไก่สามารถให้การวินิจฉัยได้จากลักษณะประวัติอาการ และการตรวจพบหูดที่มีลักษณะดังกล่าวข้างต้น ในรายที่อาการไม่ชัดเจน อาจใช้การตรวจทางห้องปฏิบัติการเข้าช่วย เนื่องจากเชื้อไวรัสยังเพาะเลี้ยงไม่ได้ วิธีทางห้องปฏิบัติการที่นิยมใช้เป็นวิธีการตรวจจากตัวอย่างตรวจโดยตรง เป็นการตรวจหาเซลล์ติดเชื้อ อนุภาคไวรัส หรือจีโนมของไวรัสจากชิ้นเนื้อหูด
การตรวจหาจีโนมของไวรัสเอชพีวีเป็นวิธีที่มีความไวมาก เพราะในเซลล์ที่ติดเชื้ออาจมีจีโนมของไวรัสอยู่ แต่ยังไม่มีการแสดงออก เซลล์ติดเชื้อจึงยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงรูปร่าง สร้างแอนติเจน หรืออนุภาคไวรัส ออกมาให้ตรวจพบ
การรักษา
- แม้ว่าหูดจะค่อยๆยุบหายไปเองได้ แต่กินเวลานาน และถ้าเป็นติ่งเนื้องอกใหญ่ๆตามบริเวณที่ชื้นแฉะ จะมีโอกาสหายเองได้น้อย ถ้าปล่อยให้ผู้ป่วยมีหูดที่อวัยวะสืบพันธุ์นานๆ จะมีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งได้
- วิธีการรักษาโดยทาด้วยสารที่สกัดมาจากยางไม้ชนิดหนึ่ง เรียกว่า podophylline พบว่าได้ผลดี แต่อาจมีอันตรายข้างเคียงของยา และไม่ควรใช้ยานี้นานเกินกว่าหนึ่งเดือน
- จี้ด้วยไฟฟ้า หรือจี้โดยใช้ความเย็น เช่น ก๊าซไนโตรเจนเหลว
- ทำการผ่าตัดออก อาจมีปัญหาเรื่องเลือดออกมาก
- จี้ด้วยเลเซอร์ สามารถใช้ได้ผลดี โดยเฉพาะในตำแหน่งที่ยากต่อการรักษา
- ในกรณีที่เป็นตอนตั้งครรภ์ อาจทำให้ไม่สามารถคลอดทางช่องคลอดได้ ต้องใช้การคลอดด้วยการผ่าตัดแทน
- สำหรับผู้ที่ได้รับวัคซีนมะเร็งปากมดลูกซึ่งเป็นวัคซีนชนิดผสมเชื้อไวรัสรวมสี่ชนิด ได้แก่ HPV types 6, 11, 16, 18 ซึ่งปัจจุบันใช้กันอย่างแพร่หลายในการป้องกันการเกิดมะเร็งปากมดลูก พบว่าวัคซีนชนิดนี้สามารถป้องกันการเกิดโรคหูดหงอนไก่ได้เช่นกัน
- ป้องกันการติดโรคใหม่โดยตรวจคู่เพศสัมพันธ์ หรือหลีกเลี่ยงแหล่งที่อาจมีเชื้อไวรัส
ที่มา : นพ.วรวุฒิ เจริญศิริ
ศูนย์ข้อมูลสุขภาพกรุงเทพ
แหล่งข้อมูล: https://www.bangkokhealth.com/index.php/2009-01-19-03-19-57/1193--condyloma-acuminata-