ผู้ชายที่เคยเป็นโรคคางทูมมีโอกาสที่จะเป็นหมันได้ ผมมีปัญหาอยากจะปรึกษาคุณหมอครับ ผมอายุ 26 ปี ผมมีแฟนและเรามีเพศสัมพันธ์กันแล้วเมื่อตอนอายุ 13 ปี ผมเคยเป็นคางทูม และได้ไปรักษาและฉีดวัคซีนจนหายดีแล้ว และผมก็ไม่เคยเป็นโรคนี้อีกจนถึงปัจจุบัน เมื่อไม่นานมานี้แฟนผมบอกว่าไปเจอหนังสือ อยู่เล่มหนึ่ง เขาเขียนเป็นหัวข้อเล็ก ๆ ว่า ผู้ชายที่เคยเป็นโรคคางทูมมีโอกาสที่จะเป็นหมันได้ ผมกับแฟนก็เลยกังวลมากกลัวว่าตัวผมเองจะเป็นหมันไม่สามารถมีลูกได้ แต่ผมยังไม่กล้าไปตรวจครับ ก็เลยเขียนมาปรึกษาอาหมอก่อน ช่วยตอบให้ผมด้วยนะครับ คำถามของผมก็คือ 1. คนที่เคยเป็นคางทูมจะต้องเป็นหมันทุกคนหรือเปล่าครับ มีวิธีแก้ไขหรือไม่ 2. โรคคางทูมที่ผมเคยเป็นเมื่อตอนเด็ก จะสามารถแฝงอยู่ในร่างกายของผมแต่ไม่แสดงออกมาได้ไหมครับ และจะติดต่อไปยังคนอื่นหรือไม่ ถ้าผมเป็นโรคคางทูมจริง ๆ 3. ผมลองสำรวจที่อัณฑะของตัวเองก็ดูปกติดี เหมือน ๆ กับของคนอื่น ๆ (ของเพื่อน ๆ น่ะครับ) เวลามีเพศสัมพันธ์กับแฟนก็หลั่งน้ำอสุจิออกมาเป็นปกติ ไม่มีอาการเจ็บหรือปวดใด ๆ จะเป็นไปได้ไหมครับว่าผมไม่เป็นหมัน ผมรบกวนอาหมอเท่านี้ครับ ผมกังวลจริง ๆ หวังว่าอาหมอจะช่วยชี้แนะให้ผมด้วย สุดท้ายผมขอให้อาหมอ และครอบครัวมีสุขภาพดี ๆ อยู่ช่วยตอบปัญหาให้ผู้ที่มีปัญหาไปนาน ๆ ครับ ขอบคุณมากครับ ขอแสดงความนับถือ ไม้ไผ่ ตอบ คุณไม้ไผ่ คุณอายุ 26 ปี มีแฟนและมีเพศสัมพันธ์กันแล้ว คุณเคยเป็นโรคคางทูมเมื่อตอนเด็กและได้รักษาจนหายและฉีดวัคซีนป้องกันแล้ว ปัจจุบันไม่มีอาการของโรคนี้อีก แต่คุณกังวลว่าผลจากการเป็นคางทูมในตอนเด็กจะทำให้คุณเป็นหมัน จึงมีคำถาม ๆ มา คำถามของคุณผมขอตอบให้ดังนี้ 1.โรคคางทูม (Mumps) เป็นการติดเชื้อและมีการอักเสบของต่อมน้ำลาย (Parotid gland) ที่อยู่บริเวณกกหูทำให้ที่บริเวณคางบวม จึงได้ชื่อว่าคางทูม พบในเด็กเป็นส่วนใหญ่ โรคนี้เกิดจากเชื้อไวรัสในกลุ่ม Paramyxovirus ระยะฟักตัวของโรคคือ 12-18 วัน หลังสัมผัสโรคประมาณร้อยละ 30 ของผู้ที่ติดเชื้อจะไม่มีอาการ ในผู้มีอาการจะเริ่มมีอาการไข้ต่ำ เบื่ออาหาร ปวดเมื่อยตามตัว ต่อมา 1-2 วันจะมีอาการปวดหูเจ็บบริเวณขากรรไกร จากนั้นต่อมน้ำลายหน้าหูจะโตขึ้นจนคลำได้ โดยค่อย ๆ โตขึ้นจนถึงบริเวณหน้าหูและขากรรไกร ประมาณ 1 สัปดาห์ จะค่อย ๆ ลดขนาดลง อาการหรือโรคแทรกซ้อน ได้แก่ เยื่อหุ้มสมองอักเสบ, ในเด็กชายวัยรุ่นหรือผู้ใหญ่อาจมีการอักเสบของอัณฑะร่วมด้วย ซึ่งในบางรายอาจทำให้เป็นหมันได้ เป็นต้น วิธีที่ดีที่สุดคือให้วัคซีนป้องกันด้วยการให้วัคซีนป้องกันคางทูม ซึ่งมาในรูปแบบของวัคซีนรวมป้องกันโรคหัด, คางทูม และหัดเยอรมัน (MMR) ดังนั้นจากที่กล่าวมาจึงไม่จำเป็นว่าผู้ชายที่เป็นโรคคางทูมจะต้องเป็นหมัน ครับ 2.โรคนี้สามารถติดต่อกันได้ทางการหายใจ และการสัมผัสกับน้ำลายของผู้ป่วย ถ้าคุณเคยเป็นคางทูมเมื่อตอนเด็กและรักษาจนหายแล้วรวมทั้งฉีดวัคซีนป้องกัน แล้ว คุณก็ไม่เป็นโรคนี้แล้วครับไม่ต้องกังวลไป 3.ผู้ชายที่สุขภาพแข็งแรงดี ก็มีโอกาสเป็นหมันได้ครับ โดยเฉพาะถ้ามีประวัติเคยเป็นโรคคางทูมและมีอัณฑะอักเสบมาก่อน, สูบบุหรี่หรือดื่มเหล้าจัด สิ่งเหล่านี้ทำให้ตัวอสุจิไม่มีคุณภาพ แต่ถ้าเมื่อตอนเด็กคุณเป็นโรคคางทูมและอัณฑะไม่มีการอักเสบ โอกาสที่จะเป็นหมันก็น้อยมาก เว้นแต่จะเป็นหมันด้วยสาเหตุอื่น ถ้าอยากทราบว่าเป็นหมันหรือไม่คุณควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวิเคราะห์น้ำอสุจิ อย่างละเอียดครับ |