การ ขลิบ หนัง หุ้ม ปลาย ขลิบอวัยวะเพศ ภาพ การ ขลิบ อวัยวะ เพศ
การเข้าสนับ กับ การป้องกันโรค
การเข้าสนับ (คิตาน) ความเป็นมาและผลแห่งการเข้าสนับเกี่ยวกับการทำความสะอาดร่างกายที่ต้องตัด ตบแต่ง เพื่อขจัดความสกปรกและเหตุผลทางการแพทย์เกี่ยวหับเรื่องนี้ ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อล ฯได้ให้โอวาทไว้ดังนี้....
“ธรรมชาติ 5 สิ่ง (ในกายมนุษย์) ที่ต้องได้รับการตบแต่ง คือ การเข้าสนับ ขจัดขนในร่มฟ้า ตัดเล็บ และการแต่งหนวดเครา”
การตัดหนัง หุ้มปลายอวัยวะสืบพันธุ์ของชาย ภาษาอาหรับเรียก “คิตาน” ทางการแพทย์เรียกว่า “เซอร์คัมซัสซัน” หมายถึงการศัลยกรรมที่ทำการตัดหนังหุ้มหลวมๆ อยู่ตอนปลายอวัยวะสืบพันธุ์ของชาย หนังนี้ทางการแพทย์เรียกว่า “พรีพิวส์” คนไทยเข้าใจและเรียกว่า เข้าสนับ, เข้าสุนัต บางทีเรียกว่า เข้าแขก จะนิยมเรียกอย่างไรก็ตามคงหมายถึงการตัดหนังหุ้มปลายอวัยวะสืบพันธุ์ของชายโดยเฉพาะ
การตัดหนังหุ้มปลายอวัยวะสืบพันธุ์ของชายเป็นหลักสากลมีมาแต่บรรพกาลกระทำกันในเผ่าที่เจริญรุ่งเรืองมาแล้วเช่นชาวอียิปต์โบราณ ชาวฮิบรู(ยิว) ชาวอาหรับ ชาวจีน ชาวแอฟริกัน ชาวแอชเดต ชาวอินเดียที่อยู่ในทวีปอเมริกาและยังมีในชนบทอื่นอีกมาก เท่าที่ค้นจากประวัติศาสตร์ ว่าการเข้าสนับนั้นได้มีมาตั้งแต่สมัยท่านนบีอิบรอฮีม ความมุ่งหมายอันสำคัญในเรื่องนี้ เพื่อความสะอาดเป็นสำคัญ
มีผู้เขาใจกันว่า “การขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะสืบพันธุ์ของชาย” เป็นเรื่องแสดงออกถึงการพลีกรรมให้แก่พระเจ้าและยังเข้าใจว่า เป็นพิธีกรรมที่แสดงให้เห็นว่าชายหรือหญิงนั้นเจริญเติบโตเป็นหนุ่มสาวเต็มที่แล้ว และเสมือนหนึ่งว่าได้มีการเชื่อมโยงทางสายเลือดระหว่างพระเจ้ากับบุคคลที่นิยมกระทำกัน ความเข้าใจที่กล่าวมาข้างต้น เป็นความเข้าใจที่ผิดพลาด ไม่ตรงกับความประสงค์ของอิสลาม อิสลามสอนให้มุสลิมเข้าสนับเพื่อความสะอาดเป็นประการสำคัญ และขจัดสิ่งสกปรกที่จะทำให้เกิดโรค หากจะพูดในแง่พลีกรรมในคำสอนของอิสลามไม่มีบัญญัติให้มนุษย์ทำการพลีกรรมแก่พระเจ้านอกจากเพื่อประโยชน์ของมนุษย์ (เช่น การเชือดสัตว์เอาเนื้อแจกจ่ายให้กับผู้อ่น ที่เรียกว่า “กุรฺบาน”) การบูชา การสังเวย และพิธีกรรมต่างๆ มีบัญญัติห้ามกระทำอย่างเด็ดขาด เพราะอิสลามสอนให้มนุษย์ศรัทธาต่อพระผู้เป็นเจ้าองค์เดียว และให้ปฏิบัติตามข้อบัญญัติในคัมภีร์กุรฺอาน และมีท่านศาสดามุฮัมมัด ศ็อลฯ นำมาเทศนา
อิสลามสอนให้มนุษย์ทำการภักดีต่อ อัลลอฮฺ สุบห ฯ ด้วยความ สะอาด จิตบริสุทธิ์ การตัดหนังหุ้มปลายอวัยวะสืบพันธุ์ของชายเป็นส่วนหนึ่งของการรักษาความสะอาด หากหนัง หุ้มนั้นยังปกคลุมอยู่ ส่วนวัตถุที่คล้ายเนยแข็งซึ่งขับถ่ายออกมาโดยผิวหนังของบริเวณปลายอวัยวะสืบพันธุ์ที่เรียกว่า “ เสมกม่า ” ก็จะหมักหมมอยู่ การเข้าสนับเป็นการขจัดสิ่งนี้โดยวิธีที่ดีที่สุด
อีกประการหนึ่งเพื่อป้องกันน้ำปัสสาวะค้างอยู่ซึ่งเป็นสิ่งสกปรกมีกลิ่นยากแก่การทำความสะอาด การเข้าสนับในด้านการแพทย์ให้ความเห็นว่า สนับเป็นมาตรการที่มีความสำคัญในทางสุขวิทยาเป็นอย่างมาก แพทย์บางท่านเห็นว่าสมัยนี้ในสุขวิทยาเจริญมากว่าแต่ก่อนสมควรให้มีการเข้าสนับ และแนะนำให้เด็กที่เกิดมาทุกคนได้รับการเข้าสนับ โดยให้เหตุผลว่า “ในรายที่เด็กมีหนังหุ้มปลายอวัยวะสืบพันธุ์แคบและตึงมากไม่สามารถจะดึงให้หุ้มได้หมด ในรายที่มีหนังหุ้มยาวมากเกินควร จนขังน้ำปัสสาวะซึ่งอาจจะเป็นสาเหตุให้เกิดโรคขึ้นได้ ถ้าชำระความสะอาดทำได้ไม่สะดวก ในรายที่หนังหุ้มแคบมาก “ ไพโมซิส ” ซึ่งทำให้เจ็บปวดเมื่อแข็งตัว และปัสสาวะลำบากแก้ไขได้โดยการเข้าสนับ ”
ผู้เชี่ยวชาญทางโรคมะเร็วค้นพบว่าการเป็นโรคมะเร็งของอวัยวะสืบพันธุ์ของชายจะมีอัตราสูงในชายจะมีอัตราสูงในชายที่ไม่ได้รับการขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะสืบพันธุ์ และเกี่ยวกับเรื่องนี้แพทย์ยังค้นไม่พบสาเหตุว่า ทำไมจึงเป็นเช่นนี้ เกี่ยวกับโรคมะเร็งที่อวัยวะสืบพันธุ์ ศจ.นพ.วิโรจน์ สุวรรณสุทธิ์ ให้ข้อสังเกต ไว้ว่า
“ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดอีกข้อหนึ่งคือ ผู้ป่วยคนไทยที่เป็นมะเร็งที่ลึงค์ (อวัยวะสืบพันธุ์) ร้อยเปอร์เซ็นต์เป็นในผู้ที่หนังหุ้มปลายลึงค์ ออกตั้งแต่อายุ 8 วัน เกือบจะไม่พบมะเร็งที่ลึงค์เลย มะเร็งในปากมดลูกหญิงยิว-มุสลิมก็น้อยด้วย ผู้ที่ปลายลึงค์รูดเข้าหาไม่ได้ ต้องให้แพทย์ตัดหนังนั้นออกเสีย ”
การตัดหนังหุ้มปลายอวัยวะสืบพันธุ์ชายเป็นศัลยกรรมเล็ก และทำได้ง่ายดายมาก แต่ต้องทำด้วยเทคนิคที่ระมัดระวังในเรื่องความสะอาดเป็นพิเศษเพื่อป้องกันโรคแทรก อายุที่จัดว่าเหมาะสมที่สุดในการเข้าสนับนั้นคือ ขณะที่อยู่ ในวัยทารกตั้งแต่อายุ 1 ขวบ ถึง 6 ขวบ บางแห่งถือความสมบูรณ์ของเด็กเป็นเกณฑ์
ส่วนพิธีกรรมแห่งการเข้าสนับนี้ ไม่พบหลักฐานหรือคำสั่งโดยเฉพาะให้ปฏิบัติ เท่าที่ทราบว่าท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อล ฯ ให้เราตบแต่งธรรมชาติ ของมนุษย์ที่อยู่ในร่างกายเพื่อความสะอาดและป้องกันโรคดังที่กล่าวไว้ข้างต้นแล้ว การตบแต่งธรรมชาติทั้งห้าประการนี้ ไม่มีพิธีกรรม กิจกรรมใดๆ นอกจากการตัดโกนตามความเหมาะสม เพราะเป็นการกระทำเพื่อสุขภาพ อิสลามไม่ใช่เป็นศาสนาที่มีพิธีการ เป็นระบบ สันติก่อประโยชน์แก่ผู้ปฏิบัติและสังคม
----------
ภาพ การ ขลิบ อวัยวะ เพศ
ภาพ การ ขลิบ อวัยวะ เพศ
การขลิบหนังปลายอวัยวะเพศชาย : ความสำคัญทางการแพทย์และศาสนา โดย : บรรจง บินกาซัน
ลลล
การขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะพิเศษหรือที่คนทั่วไปรู้จักกันในคำว่า “เข้าสุหนัต” หรือที่ศัพท์ภาษามลายูท้องถิ่นใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของเราเรียกว่า “มาโซะยาวี” นั้นเป็นกระบวนการผ่าตัดในทางด้านการแพทย์อย่างหนึ่งซึ่งเป็นที่รู้จักกันมายาวนานแล้วเพราะมันเป็นที่ปฏิบัติกันอย่างกว้างขวางในฐานะที่เป็นพิธีกรรมทางศาสนาอย่างหนึ่งตั้งแต่สมัยโบราณ ถึงแม้ที่มาของมันจะไม่เป็นที่รู้กัน แต่หลักฐานเก่าแก่ที่สุดของการขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชายสามารถย้อนหลังไปได้ถึงสมัยอียิปต์ประมาณ 2,300 ปีก่อนคริสตกาล เดิมทีฟาโรห์ได้ใช้การขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชายเพื่อเป็นเครื่องหมายของพวกทาส เมื่อพวกโรมันเข้ามายึดครองอียิปต์เมื่อ 30 ปีก่อนคริสตกาล การขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศให้แก่เด็กหนุ่มก็แพร่ไปทั่วโลก หลังสงครามโลกครั้งที่สอง มันก็เป็นที่ปฏิบัติกันแทบจะเป็นของสากลในตะวันตก
อย่างไรก็ตาม ในอเมริกาเหนือปัจจุบัน ประมาณกันว่า 85% ของเด็กเกิดใหม่ได้ถูกขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศ ในยุโรปมีแค่เพียง 10% แต่ในเอเซียและอาฟริกามีแค่เพียง 5% เท่านั้น ส่วนในหมู่ชนที่มิใช่ยิวของยุโรป สแกนดิเนเวียและอเมริกาใต้นั้นมีการปฏิบัติน้อยมาก ทีนี้ขอให้เรามาดูข้อเท็จจริงเกี่ยวกับขลิบหนังปลายอวัยวะเพศและประโยชน์ทางด้านการแพทย์ของมันดูบ้าง
ความสำคัญทางด้านพิธีกรรม
การขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชายเป็นที่ปฏิบัติกันอย่างกว้างขวางในหมู่ชนเผ่าที่ถือผีสางเทวดาในอาฟริกา หมู่เกาะมาเลย์ นิวกินี ออสเตรเลียและเกาะแปซิฟิก กลุ่มคนพื้นเมืองบางกลุ่มในอเมริกาใต้และอเมริกากลางก็มีพิธีการทำผ่าตัดอวัยวะเพศบางอย่างแก่เพศชายและเพศหญิงเช่นกัน
ในชนบางเผ่าการขลิบหนังปลายอวัยวะเพศมักจะเป็นพิธีกรรมที่ทำกับเด็กที่ก้าวเข้าสู่วัยหนุ่ม บางครั้ง ความเจ็บปวดในการตัดหนังปลายอวัยวะเพศนี้ได้ถูกใช้เป็นเครื่องเซ่นแก่ภูตผีปีศาจ ขณะเดียวกัน การตัดหนังปลายอวัยวะเพศก็เป็นสิ่งยืนยันถึงความพร้อมในการแต่งงานและความเป็นผู้ใหญ่และเป็นสิ่งยืนยันว่าบุคคลผู้นั้นสามารถทนความเจ็บปวดได้ นอกจากนี้แล้วการตัดหนังปลายอวัยวะเพศชายยังเป็นสิ่งที่แยกวัฒนธรรมของคนกลุ่มหนึ่งออกจากกลุ่มคนที่ไม่ได้ทำเช่นนั้นด้วย
ในหมู่ชาวอียิปต์โบราณ โดยทั่วไปแล้ว เด็กผู้ชายจะถูกตัดหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศระหว่างอายุ 6-12 ขวบ การผ่าตัดในวัยแรกรุ่นนี้เป็นตัวแทนถึงการเริ่มต้นเข้าสู่ความเป็นผู้ชาย
พิธีกรรมทางศาสนา
ประเพณีและกฎหมายของพวกยิวเกี่ยวกับการขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศนั้นมาจากคัมภีร์ไบเบิล คัมภีร์ตัลมูดและจารีตของยิวซึ่งถ่ายทอดกันมาจากชนรุ่นหนึ่งมายังชนอีกรุ่นหนึ่ง
ในประเพณีทางศาสนาของชาวยิว
การขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศของทารกเพศชายถือเป็นสิ่งจำเป็นในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของพันธสัญญากับพระเจ้า ตามกฎหมายของพวกเลวี ทารกเพศชายชาวยิวทุกคนจะต้องได้รับการขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศในวันที่ 8 หลังจากการเกิด คำบัญชาแรกของคัมภีร์สำคัญห้าฉบับก็คือเด็กผู้ชายทุกคนจะต้องตัดหนังหุ้มปลายองคชาต (ดูฉบับปฐมกาล 17:10-14) และการปฏิบัติตามพิธีกรรมนี้ถือว่าเป็นความสำคัญทางศาสนา
ตามคัมภีร์ไบเบิล การตัดหนังหุ้มปลายองคชาตเป็นคำบัญชาแรกที่พระเจ้ามีต่ออับราฮัมและเป็นศูนย์กลางของศาสนายูดาย อับราฮัมบิดาของชาวยิวรับใช้พระผู้เป็นเจ้าด้วยความซื่อสัตย์มาเป็นเวลาหลายปี แต่ท่านก็เพิ่งจะมาขลิบหนังปลายองคชาตของท่านตามคำบัญชาของพระเจ้าในตอนที่ท่านอายุได้ 99 ปี (ดูฉบับปฐมกาล 17:1)
ในพันธสัญญาเก่าฉบับปฐมกาล 17:10-11 ก็ได้มีการเขียนไว้ว่า : “นี่เป็นพันธสัญญาของเราซึ่งเจ้าจะต้องรักษาระหว่างเรากับเจ้าและเชื้อสายของเจ้าที่จะสืบมา คือผู้ชายทุกคนจะต้องเข้าสุหนัต เจ้าจงเข้าสุหนัตหนังหุ้มปลายองคชาติของเจ้า นี่จะเป็นการหมายสำคัญของพันธสัญญาระหว่างเรากับเจ้า” พันธสัญญาเก่าได้เอ่ยถึงคำว่า “บริส” (ในภาษาฮิบรูหมายถึงพันธสัญญา) ถึง 13 ครั้งด้วยกันเกี่ยวกับการเข้าสุหนัต
หน้าที่ในการเข้าสุหนัตให้เด็กชาวยิวนั้นตกอยู่ที่พ่อ ในกรณีที่พ่อไม่อยู่หรือไม่สามารถจัดการทำพิธีเข้าสุหนัตได้ หน้าที่ก็จะตกเป็นของสังคมและชาวยิวทุกคนจำเป็นต้องทำสุหนัต
ผู้ทำหน้าที่เข้าสุหนัตถูกเรียกว่า “โมเฮล”ซึ่งเป็นผู้ผ่าตัดที่มีความชำนาญเป็นพิเศษในการทำสุหนัต หลังจากทำพิธีกรรมแล้ว โมเฮลจะตัดหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศของทารกพร้อมกับตั้งชื่อและอวยพรให้ คนที่จะเป็นโมเฮลได้นั้นจะต้องเป็นผู้เกรงกลัวพระเจ้า ต้องเป็นยิวผู้ปฏิบัติตามคัมภีร์และได้รับการฝึกอบรมในทางด้านกฎหมายของยิวและทางการแพทย์
สำหรับพวกยิว การนำทารกไปขลิบหนังปลายอวัยวะเพศโดยศัลยแพทย์ที่โรงพยาบาลนั้นยังถือว่าไม่เป็นสมบูรณ์ตามความต้องการของพิธีการเข้าสุหนัตแบบยิว เพราะยังจะต้องมีพิธีกรรมทางศาสนาอีก
ลักษณะของธรรมชาติแห่งอิสลาม
ในหมู่ชาวอาหรับ การเข้าสุหนัตมีมาก่อนที่จะมีอิสลามเกิดขึ้น (ค.ศ.570) ในหมู่ชาวอาหรับและชาวเอธิโอเปียนนั้น การเข้าสุหนัตจะทำหลังจากการเกิดได้ไม่นานหรือบางทีสองสามปีหลังการเกิด อบูฮุร็อยเราะฮรายงานว่าท่านศาสนทูตของอัลลอฮฺได้กล่าวว่า “อิบรอฮีมทำสุหนัตตนเองหลังจากที่ท่านอายุได้ 80 ปี”
อิสลามต้องการให้ชายมุสลิมขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศเพื่อที่จะส่งเสริมความสะอาด ท่านศาสดามุฮัมมัดได้กล่าวว่า : “มีการกระทำห้าสิ่งที่ใกล้เคียงกับฟิตเราะฮฺ (สามัญสำนึก) หรือห้าสิ่งที่เป็นการกระทำตามฟิตเราะฮฺ นั่นคือ การเข้าสุหนัต การโกนขนอวัยวะเพศ การตัดเล็บ การถอนขนรักแร้และการขลิบหนวด”
นักวิชาการหลายคนกล่าวการกระทำดังกล่าวเป็นสิ่งจำเป็น นักวิชาการสำนักชาฟีอีถือว่าการเข้าสุหนัตควรจะทำในวันที่เจ็ดหลังจากที่เด็กเกิด แต่อัช-เชากานีกล่าวว่า “ไม่มีสิ่งใดที่ระบุไว้อย่างชัดเจนถึงเรื่องเวลา”
การเข้าสุหนัตได้หายไปจากประเพณีของชาวพุทธ ชาวฮินดูและลัทธิขงจื๊อ นอกจากนั้นแล้ว คริสตจักรเองก็ไม่มีหลักการที่ชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องนี้ ชาวคริสเตียนไม่จำเป็นต้องเข้าสุหนัตได้ถูกบันทึกไว้ในคัมภีร์ไบเบิลฉบับกิจการของอัครทูตบทที่ 15 ปัจจุบัน มีแต่คริสตจักรอบิสสิเนียเท่านั้นในบรรดาองค์การคริสตจักรที่ยอมรับการเข้าสุหนัตว่าเป็นพิธีกรรมทางศาสนา
การทำสุหนัตทางด้านการแพทย์
นับตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 พลเมืองที่พูดภาษาอังกฤษจำนวนมากได้หันมาทำสุหนัตกันด้วยเหตุผลทางการแพทย์ ในประเทศตะวันตก ได้มีการขลิบหนังปลายองคชาติอย่างกว้างขวางเนื่องมาจากเหตุผลทางด้านความสะอาด ในโรงพยาบาลหลายแห่งจะตัดหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศให้แก่เด็กเกิดใหม่เป็นประจำเว้นแต่จะไม่ได้รับคำยินยอมจากผู้ปกครองเด็ก ในทางการแพทย์สมัยใหม่ การตัดหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศของผู้ชายถือเป็นการผ่าตัดเล็กที่กระทำให้เด็กเพื่อความสะอาด จากทัศนทางด้านการแพทย์ การเข้าสุหนัตก็คือการตัดหนังหุ้มปลายองชาติออกเพื่อให้หนังหุ้มอวัยวะเพศหดหายเข้าไปข้างหลังหัวองคชาต ในตอนเกิด เด็กๆจะมีหนังที่หุ้มปลายองคชาติอยู่ แต่เมื่อหนังตรงปลายถูกตัด หัวขององคชาตก็จะถูกเปิดออกซึ่งจะทำให้สิ่งสกปรกไม่สามารถเข้าไปหมักหมมส่งกลิ่นเหม็นอยู่ที่ปลายองคชาติและอาจก่อให้เกิดเชื้อโรคได้
แพทย์ในศตวรรษที่ 19 ได้แนะนำให้ตัดหนังหุ้มปลายองคชาตเพื่อการป้องกันโรคภัยต่างๆ เช่นโรคฮิสทีเรีย การแพร่เชื้อกามโรค เป็นต้น นอกจากนี้แล้ว ยังได้มีการยกหลักฐานมาอ้างอีกว่าคนที่เข้าสุหนัตจะมีอัตราการเป็นมะเร็งทางอวัยวะเพศต่ำมาก
การศึกษาวิจัยเมื่อเร็วๆนี้พบว่าการตัดหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศให้แก่ลูกของตนเองนั้นมีผลดีทางการแพทย์บางอย่าง เช่น โอกาสที่จะติดโรคทางเดินปัสสาวะน้อยมาก เด็กที่ไม่ได้ตัดหนังหุ้มหลายองคชาติจะมีโอกาสไตอักเสบเป็น 10 เท่าของเด็กที่ตัดหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศตั้งแต่ตอนเป็นทารก แม้แต่การตัดหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศในตอนเป็นผู้ใหญ่ก็ยังป้องกันโรคทางเดินปัสสาวะอักเสบ สำหรับไตแล้ว การติดเชื้อเป็นอันตรายที่สุดในสามเดือนแรกซึ่งในระหว่างนี้ผู้ป่วยมักจะต้องไปโรงพยาบาลและอาจจะมีผลติดเชื้อรุนแรงอย่างอื่นติดตามมา การทำงานของไตและการหลั่งฮอร์โมนผิดปกติสามารถเกิดขึ้นกับการติดเชื้อของทางเดินปัสสาวะได้ นอกจากนี้แล้ว การติดเชื้อแบคทีเรียจากสิ่งสกปรกที่หมักหมมอยู่ภายใต้หนังหุ้มปลายองคชาตก็อาจนำไปสู่การติดเชื้อของไตได้เช่นกัน
ผู้ชายที่เข้าสุหนัตแทบจะไม่เป็นมะเร็งที่อวัยวะเพศเลย การติดเชื้อที่หนังหุ้มปลายองคชาตสามารถเกิดขึ้นกับผู้ชายที่ไม่เข้าสุหนัตในอายุเท่าใดก็ได้ แต่ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นในตอนอายุ 2-5 ปี ซึ่งเป็นวัยที่หนังหุ้มปลายองคชาติยังแยกไม่หมด ดังนั้นจึงไม่สามารถถลกให้เปิดออกได้เต็มที่เพื่อทำความสะอาด นอกจากนั้นแล้วเด็กเองก็ไม่สามารถทำความสะอาดให้ตัวเองได้และในที่สุดก็จะต้องไปตัดเอาในตอนหลังซึ่งเสียค่าใช้จ่ายแพง ด้วยเหตุนี้ การทำสุหนัตให้แก่เด็กตั้งแต่เกิดมาจึงทำให้สามารถรักษาความสะอาดได้ตลอดชีวิต
การศึกษายังแสดงให้เห็นว่าคนที่ตัดหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศมีอัตราเสี่ยงต่อการติดโรคทางเพศน้อยมาก ส่วนผู้ชายที่ไม่ตัดหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศนั้นจะมีโอกาสติดเชื้อมากกว่าเพราะในระหว่างการมีความสัมพันธ์ทางเพศนั้น หนังหุ้มปลายอวัยวะเพศสามารถถลอกหรือเป็นแผลเล็กๆที่ทำให้เชื้อไวรัสเข้าไปในบาดแผลนั้นได้ เป็นที่คาดกันว่าหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศอาจจปล่อยให้ไว้รัสและเชื้อโรคอื่นๆสามารถอยู่รอดได้ยาวนานกว่าที่อยู่ข้างนอกและมีเวลามากกว่าที่จะเข้าไปในร่างกาย เมื่อเร็วๆนี้มีการพบว่าเซลล์บางอย่างในหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศสามารถที่จะดักไวรัสเอชไอวีและทำให้เกิดการติดเชื้อได้
ความจริงแล้ว การตัดหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศเป็นสิ่งที่มีคุณค่ามากในประเทศยากจนที่มีโรคระบาดและไม่สามารถจัดมาตรฐานสุขอนามัยทางการแพทย์ได้ การตัดหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศไม่ได้ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานทางเพศลดน้อยถอยลงแต่อย่างใด ในทางตรงข้าม จากหลักฐานที่ถูกตีพิมพ์แสดงให้เห็นว่าคนที่ตัดหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศสามารถมีกิจกรรมทางเพศได้หลากหลายและผู้หญิงจะชอบผู้ชายที่ตัดหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศเพราะเหตุผลเรื่องความสะอาดและสุขอนามัย
จาก https://www.thaimuslimshop.com/news/index.php?category=4&id=367
ที่มา
https://www.bloggang.com/viewblog.php?id=thaicirc20&date=12-01-2006&group=1&gblog=1