วิถีอิสลาม ความเรียบง่ายแห่งการใช้ชีวิต


54 ผู้ชม

อิสลาม เป็นศาสนาที่บอกถึง วิธีการดำเนินชีวิตให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตของมนุษย์มากที่สุด ไม่ว่าจะในแง่ของการดำรงชีพ การแสวงหาปัจจัยยังชีพ


วิถีอิสลาม ความเรียบง่ายแห่งการใช้ชีวิต

อิสลาม คือ ศาสนาที่ถูกประทานลงมาให้แก่บรรดามนุษยชาติ เพื่อใช้ในการดำรงชีวิต และปฏิบัติตาม เป็นดั่งเข็มทิศให้กับนักเดินทาง เป็นดั่งธรรมนูญ ที่ใช้ในการดำเนินชีวิต

อิสลาม เป็นศาสนาที่บอกถึง วิธีการดำเนินชีวิตให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตของมนุษย์มากที่สุด ไม่ว่าจะในแง่ของการดำรงชีพ การแสวงหาปัจจัยยังชีพ รวมไปถึง การปฏิบัติตนในสังคม และการใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่น

ดังนั้น หากเราคิดพิจารณาในคำสอนของอิสลาม ก็จะพบว่า หากใครก็ตามนำวิถีของอิสลาม มาปฏิบัติใช้ในชีวิต เขาจะประสบความสำเร็จและใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย และไม่พบกับความยากลำบากใดๆ ส่วนผู้ใดที่ออกห่าง และไม่นำวิธีการและแนวทางของศาสนาอิสลาม มาปฏิบัติใช้ในชีวิต เขาจะประสบกับความยุ่งยาก และอุปสรรคมากมาย

อัลลอฮ์ ได้ส่งท่านนบีมูฮัมหมัด (صلى الله عليه وسلم) มาเป็นแบบอย่างในการปฏิบัติ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการใช้ชีวิตในโลกนี้ และเรื่องการปฏิบัติทางศาสนา รวมถึงด้านความเชื่อมั่น ซึ่งท่านนบีก็ได้ปฏิบัติไว้อย่างครบถ้วนและสมบูรณ์ ไม่ขาดตกบกพร่องแต่ประการใด ทั้งในเรื่องภารกิจส่วนตัว และหน้าที่ในการเผยแพร่ศาสนา ด้วยความสวยงามและถูกต้อง โดยไม่หนักไปทางหนึ่งทางใด หรือเลยเถิดจนเกินไป ตั้งอยู่บนความพอดี

มีหะดิษบทหนึ่ง ที่ได้บอกถึงเรื่องนี้ เอาไว้อย่างชัดเจนว่า

عَنْ أنسٍ - رَضْيَ اللهُ عنه - قال: جاء ثلاثةُ رهطٍ إلى بيوتِ أزْواجِ النَّبيِّ صلَّى اللهُ عليه وسلَّم، يسْألونَ عن عبادةِ النَّبيِّ صلَّى اللهُ عليه وسلَّم

فلمَّا أُخبروا كأنَّهم تَقالُّوها، وقالوا: أين نحن من النَّبيِّ صلَّى اللهُ عليه وسلَّم؛ قد غُفِرَ له ما تَقدَّمَ من ذنبِه وما تأخَّر؟! قال أحدُهم: أمَّا أن

فأصلِّي الليلَ أبدًا، وقال الآخرُ: وأنا أصومُ الدَّهرَ ولا أُفْطرُ، وقال الآخرُ: وأنا أعتزلُ النِّساءَ فلا أتزوَّجُ أبدًا، فجاء رسولُ اللهِ صلَّى اللهُ عليه وسلَّ

إليهم فقال: «أنتم الذين قُلتُم كذا وكذا؟! أما واللهِ إنِّي لأخشاكم للهِ وأتقاكم له، لكنِّي أصومُ وأفطرُ، وأصلي وأرْقدُ، وأتزوَّجُ النساءَ، فمَنْ رَغِبَ عَنْ سُنَّتي فليس مِنِّي» متفق علي

มีรายงานจาก อนัส บิน มาลิก รอฎิยัลลอฮูอันฮู เขาได้กล่าวว่า ได้มีชายสามคนได้มายังของภรรยาของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮูอะลัยอิวะซัลลัม พวกเขาถามถึงการทำอิบาดะฮฺของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮูอะลัยอิวะซัลลัม เมื่อพวกเขาได้รับรู้ เสมือนว่าพวกเขานั้นยังน้อยอยู่สำหรับการทำอิบาดะฮฺ

พวกเขาจึงกล่าวออกมาว่า :เราอยู่ตรงไหนเมื่อเทียบกับท่านนบี ศ็อลลัลลอฮูอะลัยอิวะซัลลัม โดยที่ท่านนบีได้รับการอภัยโทษจากสิ่งที่จะเกิดขึ้นและสิ่งที่ผ่านมาแล้ว ?

คนหนึ่งจากพวกเขา กล่าวว่า : สำหรับฉัน ฉันจะละหมาดตอนกลางคืนตลอดไป ทุกไปคืน

อีกคนกล่าวว่า : ฉันจะถือศีลอดตลอดไป โดยฉันจะไม่หยุด

อีกคนกล่าวว่า : ฉันจะครองตนโสด ไม่แต่งงานเป็นอันขาด

ท่านรอซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮูอะลัยอิวะซัลลัม ได้มาหาพวกเขา และท่านได้กล่าวว่า :

"(พวกท่านใช่ไหมที่กล่าวอย่างนี้ อย่างนั้น) ขอสาบานต่ออัลลอฮฺ แท้จริงฉันเป็นผู้ที่เกรงกลัวอัลลอฮฺและยำเกรงพระองค์มากที่สุดในหมู่พวกเจ้า แต่ฉันก็ได้ถือศีลอดและเว้นว่าง ฉันละหมาดและฉันก็นอนพักผ่อน และฉันได้แต่งงานกับบรรดาผู้หญิง ดังนั้นใครไม่ปรารถนาแนวทางของฉัน เขาก็ไม่ได้เป็นพวกของฉัน"

(บันทึกโดย อัลบุคอรีและมุสลิม)

หะดิษบทนี้ ได้อธิบายให้เห็นอย่างชัดเจนถึงแบบอย่างที่เรียบง่าย และถูกต้องตามวิถีมนุษย์ ใช้ชีวิตอยู่ในโลกใบนี้ควบคู่ในเรื่องของศาสนาและวิถีปฏิบัติ โดยไม่เลยเถิดหรือสุดโต่งจนเกินไป อิสลามสอนให้มนุษย์ได้ใช้ชีวิตตามธรรมชาติที่ถูกสร้างมา โดยไม่ฝืนธรรมชาติและความสามารถของร่างกายที่มีอยู่

ร่างกายของมนุษย์ต้องการเวลาสำหรับพักผ่อน แม้จะทำงานทางโลก ใช้แรงกาย ก็ต้องมีช่วงเวลาในการพักผ่อนเสมอ ส่วนในเรื่องของการปฏิบัติศาสนกิจทางศาสนา อัลลอฮ์ทรงสั่งใช้ให้มุสลิมทำตามเวลาที่กำหนด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการละหมาด เรื่องของการถือศีลอด เรื่องของการจ่ายซะกาต เรื่องของการทำฮัจญ์ และสามารถเพิ่มเติมตามความสามารถของแต่ละบุคคล

ปัจจุบัน จะพบเห็นได้ว่ามีแนวคิดที่ผิดเพี้ยน และกลุ่มต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นโดยอ้างหลักการศาสนา โดยปฏิบัติอย่างผิดเพี้ยนแต่อ้างว่าเป็นแนวทางที่ถูกต้อง ซึ่งขัดกับธรรมชาติของมนุษย์ เช่นการทำร้ายร่างกายตัวเอง การทรมานต่อร่างกาย หรือการกระทำในสิ่งที่เกินความสามารถและกำลังของมนุษย์ การบกพร่องต่อหน้าที่ การเคารพสิ่งอื่นที่นอกเหนือจากอัลลอฮ์ การเลยเถิดในการอิบาดะฮ์ ต่อเติมเสริมแต่งเพื่อมวลชน สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ไม่มีในศาสนาอิสลาม และยังเป็นข้อห้ามมิให้กระทำ

อัลลอฮฺ ตรัสว่า

لَا يُكَلِّفُ اللَّهُ نَفْسًا إِلَّا وُسْعَهَا

"อัลเลาะห์ไม่ทรงบังคับชีวิตหนึ่งชีวิตใดเกินความสามารถของเขา" (สูเราะห์ บากอเราะห์ 286)

และมีหะดิษ ที่บ่งบอกถึงเรื่องนี้ว่า จากท่านอนัส บินมาลิก เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ จากท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า :

عن أنس بن مالك رضي الله عنه عن النبي صلى الله عليه وسلم

قال:«يَسِّرُوا وَلَا تُعَسِّرُوا، وَبَشِّرُوا وَلَا تُنَفِّرُوا»

“จงทำให้เป็นเรื่องง่าย และอย่าทำให้เป็นเรื่องยาก และจงแจ้งข่าวดีแก่ผู้คน และอย่าทำให้คนต้องปลีกตัวออกห่าง” [เศาะฮีห์] - [รายงานโดย อัลบุคอรีย์ และมุสลิม]

ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ใช้ให้เกิดความสะดวก ความง่ายดาย แก่ผู้คน และไม่ทำให้เกิดความยุ่งยากลำบากแก่พวกเขา ในทุกเรื่องทั้งทางด้านศาสนาและทางโลก และทั้งหมดนั้นต้องอยู่ในขอบเขตที่อัลลอฮ์ อนุญาต และส่งเสริมให้แจ้งข่าวดีแก่พวกเขา และไม่ทำให้พวกเขาตะเลิดหนีห่างจากมัน

หน้าที่ของผู้ศรัทธา คือ การทำให้ผู้คนรักอัลลอฮฺ ให้พวกเขาเข้าใจบทบัญญัติทางศาสนา และส่งเสริมให้พวกเขาทำความดี ละทิ้งความชั่ว

สำหรับผู้ที่เชิญชวนสู่อัลลอฮฺ ต้องพิจารณาถึงวิธีการที่จะเรียกร้องผู้คนไปสู่อิสลาม และให้แจ้งข่าวดี เพื่อให้พวกเขาเกิดความสงบสุข ได้รับการยอมรับ และผู้ที่ทำการเชิญชวนจะได้รับความดีงามต่อไป

การทำให้เกิด ความยากลำบากในเรื่องศาสนา จะสร้างความบาดหมาง การหันหลังให้กัน และทำให้เกิดความสงสัยในคำพูดของผู้ที่ทำการเผยแผ่ ต่อความเมตตาอันกว้างขวางของอัลลอฮฺที่มีต่อปวงบ่าวของพระองค์

ความสะดวกง่ายดาย คือ สิ่งที่ศาสนาได้นำมาเพื่อปฏิบัติให้สอดคล้องกับ การใช้ชีวิตตามวิถีอิสลามที่สมบูรณ์มากที่สุด

อัพเดทล่าสุด