การเข้าสุนัตของอิสลาม การเข้าสุนัตหมู่ พิธีเข้าสุนัต
การเข้าสุนัตเป็นพิธีกรรมที่สำคัญอย่างหนึ่งของคนมุสลิม ถือกันว่าคนมุสลิมที่แท้จริงต้องเข้าสุนัต และเป็นสิ่งจำเป็นที่เด็กผู้ชายชาวมุสลิมจะต้องผ่านให้ได้ พิธีเข้าสุนัตของเด็กไทยมุสลิม ซึ่งภาษาอาหรับ เรียกว่า คีตาน ภาษามาลายู เรียก มาโซ๊ะยาวี ส่วนคนไทยโดยทั่วไป เรียกว่า พิธีเข้าสุนัต หมายถึง การขลิบปลายอวัยวะเพศ ของเด็กไทยมุสลิม ทั้งชายและหญิง เมื่อย่างเข้าวัยอันควร คือ อายุระหว่าง 8 - 12 ปี
เด็กไทยมุสลิม ผู้นับถือ ศาสนาอิสลาม สามารถที่จะเป็นมุสลิมได้โดยการปฏิญาณตนว่า "อัชหะดุ อัลลา อิลาหะ อิลลัลลอหฺ วะอัชหะดุ อันนะ มุฮัมมะดัร รอซูลุลลอหฺ ข้าพเจ้าให้คำปฏิญาณว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮ และข้าพเจ้าให้คำปฏิญาณว่า “มูฮัมมัด เป็นศาสนทูตของอัลลอฮ" หลังจากนั้นผู้นั้นจะต้องขริบปลายหนังอวัยวะเพศหากเป็นเพศชาย เรียกว่า การทำสุนัตและปฏิบัติตามศาสนวินัยต่าง ๆ ของอิสลาม (ทั้งวาญิบและฮะรอม)
การเข้าสุนัต (คิตาน) ความเป็นมาและผลแห่งการเข้าสุนัตเกี่ยวกับการทำความสะอาดร่างกายที่ต้องตัด ตบแต่ง เพื่อขจัดความสกปรกและเหตุผลทางการแพทย์เกี่ยวหับเรื่องนี้ ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อล ฯได้ให้โอวาทไว้ดังนี้....
“ธรรมชาติ 5 สิ่ง (ในกายมนุษย์) ที่ต้องได้รับการตบแต่ง คือ การเข้าสุนัต ขจัดขนในร่มฟ้า ตัดเล็บ และการแต่งหนวดเครา”
การเข้าสุนัต การตัดหนัง หุ้มปลายอวัยวะสืบพันธุ์ของชาย ภาษาอาหรับเรียก “คิตาน” ทางการแพทย์เรียกว่า “เซอร์คัมซัสซัน” หมายถึงการศัลยกรรมที่ทำการตัดหนังหุ้มหลวมๆ อยู่ตอนปลายอวัยวะสืบพันธุ์ของชาย หนังนี้ทางการแพทย์เรียกว่า “พรีพิวส์” คนไทยเข้าใจและเรียกว่า เข้าสุนัต, เข้าสุนัต บางทีเรียกว่า เข้าแขก จะนิยมเรียกอย่างไรก็ตามคงหมายถึงการตัดหนังหุ้มปลายอวัยวะสืบพันธุ์ของชายโดยเฉพาะ
กการเข้าสุนัต ารตัดหนังหุ้มปลายอวัยวะสืบพันธุ์ของชายเป็นหลักสากลมีมาแต่บรรพกาลกระทำกันในเผ่าที่เจริญรุ่งเรืองมาแล้วเช่นชาวอียิปต์โบราณ ชาวฮิบรู (ยิว) ชาวอาหรับ ชาวจีน ชาวแอฟริกัน ชาวแอชเดต ชาวอินเดียที่อยู่ในทวีปอเมริกาและยังมีในชนบทอื่นอีกมาก เท่าที่ค้นจากประวัติศาสตร์ ว่าการเข้าสุนัตนั้นได้มีมาตั้งแต่สมัยท่านนบีอิบรอฮีม ความมุ่งหมายอันสำคัญในเรื่องนี้ เพื่อความสะอาดเป็นสำคัญ
มีผู้เขาใจกันว่า “การขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะสืบพันธุ์ของชาย” เป็นเรื่องแสดงออกถึงการพลีกรรมให้แก่พระเจ้าและยังเข้าใจว่า เป็นพิธีกรรมที่แสดงให้เห็นว่าชายหรือหญิงนั้นเจริญเติบโตเป็นหนุ่มสาวเต็มที่แล้ว และเสมือนหนึ่งว่าได้มีการเชื่อมโยงทางสายเลือดระหว่างพระเจ้ากับบุคคลที่นิยมกระทำกัน ความเข้าใจที่กล่าวมาข้างต้น เป็นความเข้าใจที่ผิดพลาด ไม่ตรงกับความประสงค์ของอิสลาม อิสลามสอนให้มุสลิมเข้าสุนัตเพื่อความสะอาดเป็นประการสำคัญ และขจัดสิ่งสกปรกที่จะทำให้เกิดโรค หากจะพูดในแง่พลีกรรมในคำสอนของอิสลามไม่มีบัญญัติให้มนุษย์ทำการพลีกรรมแก่พระเจ้านอกจากเพื่อประโยชน์ของมนุษย์ (เช่น การเชือดสัตว์เอาเนื้อแจกจ่ายให้กับผู้อ่าน ที่เรียกว่า “กุรฺบาน”) การบูชา การสังเวย และพิธีกรรมต่างๆ มีบัญญัติห้ามกระทำอย่างเด็ดขาด เพราะอิสลามสอนให้มนุษย์ศรัทธาต่อพระผู้เป็นเจ้าองค์เดียว และให้ปฏิบัติตามข้อบัญญัติในคัมภีร์กุรฺอาน และมีท่านศาสดามุฮัมมัด (ซ็อล ฯ) นำมาเทศนา
อิสลามสอนให้มนุษย์ทำการภักดีต่อ อัลลอฮฺ (ซบ.) ด้วยความ สะอาด จิตบริสุทธิ์ การตัดหนังหุ้มปลายอวัยวะสืบพันธุ์ของชายเป็นส่วนหนึ่งของการรักษาความสะอาด หากหนัง หุ้มนั้นยังปกคลุมอยู่ ส่วนวัตถุที่คล้ายเนยแข็งซึ่งขับถ่ายออกมาโดยผิวหนังของบริเวณปลายอวัยวะสืบพันธุ์ที่เรียกว่า “ เสมกม่า ” ก็จะหมักหมมอยู่ การเข้าสุนัตเป็นการขจัดสิ่งนี้โดยวิธีที่ดีที่สุด
อีกประการหนึ่งเพื่อป้องกันน้ำปัสสาวะค้างอยู่ซึ่งเป็นสิ่งสกปรกมีกลิ่นยากแก่การทำความสะอาด การเข้าสุนัตในด้านการแพทย์ให้ความเห็นว่า สุนัตเป็นมาตรการที่มีความสำคัญในทางสุขวิทยาเป็นอย่างมาก แพทย์บางท่านเห็นว่าสมัยนี้ในสุขวิทยาเจริญมากว่าแต่ก่อนสมควรให้มีการเข้าสุนัต และแนะนำให้เด็กที่เกิดมาทุกคนได้รับการเข้าสุนัต โดยให้เหตุผลว่า “ในรายที่เด็กมีหนังหุ้มปลายอวัยวะสืบพันธุ์แคบและตึงมากไม่สามารถจะดึงให้หุ้มได้หมด ในรายที่มีหนังหุ้มยาวมากเกินควร จนขังน้ำปัสสาวะซึ่งอาจจะเป็นสาเหตุให้เกิดโรคขึ้นได้ ถ้าชำระความสะอาดทำได้ไม่สะดวก ในรายที่หนังหุ้มแคบมาก “ ไพโมซิส ” ซึ่งทำให้เจ็บปวดเมื่อแข็งตัว และปัสสาวะลำบากแก้ไขได้โดยการเข้าสุนัต ”
ผู้เชี่ยวชาญทางโรคมะเร็วค้นพบว่าการเป็นโรคมะเร็งของอวัยวะสืบพันธุ์ของชายจะมีอัตราสูงในชายจะมีอัตราสูงในชายที่ไม่ได้รับการขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะสืบพันธุ์ และเกี่ยวกับเรื่องนี้แพทย์ยังค้นไม่พบสาเหตุว่า ทำไมจึงเป็นเช่นนี้ เกี่ยวกับโรคมะเร็งที่อวัยวะสืบพันธุ์ ศจ.นพ.วิโรจน์ สุวรรณสุทธิ์ ให้ข้อสังเกต ไว้ว่า
“ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดอีกข้อหนึ่งคือ ผู้ป่วยคนไทยที่เป็นมะเร็งที่ลึงค์ (อวัยวะสืบพันธุ์) ร้อยเปอร์เซ็นต์เป็นในผู้ที่หนังหุ้มปลายลึงค์ ออกตั้งแต่อายุ 8 วัน เกือบจะไม่พบมะเร็งที่ลึงค์เลย มะเร็งในปากมดลูกหญิงยิว-มุสลิมก็น้อยด้วย ผู้ที่ปลายลึงค์รูดเข้าหาไม่ได้ ต้องให้แพทย์ตัดหนังนั้นออกเสีย ”
การตัดหนังหุ้มปลายอวัยวะสืบพันธุ์ชายเป็นศัลยกรรมเล็ก และทำได้ง่ายดายมาก แต่ต้องทำด้วยเทคนิคที่ระมัดระวังในเรื่องความสะอาดเป็นพิเศษเพื่อป้องกันโรคแทรก อายุที่จัดว่าเหมาะสมที่สุดในการเข้าสุนัตนั้นคือ ขณะที่อยู่ ในวัยทารกตั้งแต่อายุ 1 ขวบ ถึง 6 ขวบ บางแห่งถือความสมบูรณ์ของเด็กเป็นเกณฑ์
ส่วนพิธีกรรมแห่งการเข้าสุนัตนี้ ไม่พบหลักฐานหรือคำสั่งโดยเฉพาะให้ปฏิบัติ เท่าที่ทราบว่าท่านนบีมุฮัมมัด (ซ็อล ฯ) ให้เราตบแต่งธรรมชาติ ของมนุษย์ที่อยู่ในร่างกายเพื่อความสะอาดและป้องกันโรคดังที่กล่าวไว้ข้างต้นแล้ว การตบแต่งธรรมชาติทั้งห้าประการนี้ ไม่มีพิธีกรรม กิจกรรมใดๆ นอกจากการตัดโกนตามความเหมาะสม เพราะเป็นการกระทำเพื่อสุขภาพ อิสลามไม่ใช่เป็นศาสนาที่มีพิธีการ เป็นระบบ สันติก่อประโยชน์แก่ผู้ปฏิบัติและสังคม
การขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศส่งผลดีในการร่วมประเวณีและทำให้หลุดพ้นจากอันตราย จากการรวมตัวของหนังหุ้มขณะอวัยวะเพศขยายตัว ทำให้ลดอันตรายหลังการร่วมประเวณี เพราะหนังหุ้มปลายลึงค์เป็นที่รวมของสิ่งสกปรกหากหมักหมม จะมีผลต่อระบบประสาท และ อวัยวะเพศ การมีน้ำปัสสาวะและมีน้ำอสุจิค้างอยู่ภายในปลายลึงค์ที่ไม่ผ่านการขลิบ จะทำให้เสื้อผ้าในร่างกาย เกิดความสกปรก ยิ่งไปกว่านั้น เป็นการลดบทบาทเรื่องความสะอาดในฐานะ "มุสลิม" และถ้าหนังปลายลึงค์ไม่ถูกตัดมันจะเป็นแหล่งรวมหยดปัสสาวะและสิ่งตกค้างจากการร่วมเพศ เช่น เชื้ออสุจิ ซึ่งสิ่งเหล่านี้โดยธรรมชาติแล้วมันจะเป็นอาหารของแบคทีเรียประเภทต่างๆ และการเพิ่มจำนวนของมันเป็นสาเหตุของโรคต่างๆมากมาย ไม่ว่าจะเป็นระบบประสาทหรือระบบสืบพันธุ์ เนื่องจากทั้งสองระบบมีทางออกเดียวกัน
Source :quran.al-shia.org