ประโยชน์ของน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิล
เนื่องจากเป็นน้ำส้มหมักที่ไม่ได้ผ่านความร้อนและการกรอง ทำ ให้เอนไซม์ในแอลเปิลยังคงอยู่ ครบถ้วน จึงเป็นที่รู้จักกันดีในทางวิทยาศาสตร์ว่าเป็นหนึ่งในอาหารธรรมชาติที่ดีที่ สุดสำหรับ สุขภาพและชีวิตที่ยืนยาว ที่เป็นเช่นนี้เพราะแอลเปิลเป็นผลไม้ที่มีโพแทสเซียมสูง ซึ่งเป็นส่วน สำคัญของเนื้อเยื่อ ผิวหนัง และเป็นสารอาหารที่สำคัญของเซลล์ในร่างกายมนุษย์ ทำให้เส้นเลือด แดงมีความยืดหยุ่น อีกทั้งยังเป็นตัวสำคัญในการต่อสู้กับแบคทีเรีย ไวรัส โดยเฉพาะคนที่ขาด สารโพแทสเซียม ซึ่งมักจะมีอาการปวดเมื่อยกระดูกและกล้ามเนื้อ เจ็บบริเวณหลังส่วนกลาง
- 2 –
หากแอ่นตัวไปข้างหลังหรือก้มหน้าจะรู้สึกหน้ามืดและมึนงง ตื่นนอนตอนเช้ารู้สึกมึนศีรษะ ผิวหนังรอบดวงตาเ X ่ยว ย่นก่อนวัย มือเท้าเย็นในบางครั้ง และอาจเป็นตะคริว คันหนังศีรษะ มีรังแค ผมเริ่มบางและศีรษะล้านก่อนวัยอันควร และรู้สึกเหนื่อยง่าย น้ำส้มสายชูหมักสามารถช่วยบำบัด อาการที่เกิดขึ้นได้
เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ โดยการชงน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิลผสมกับน้ำผึ้งอย่างละ 2 – 3 ช้อนชา ต่อน้ำ 1 แก้ว ดื่มวันละ 3 ครั้ง จะ ช่วยชะลอความแก่ ปรับสมดุลในร่างกาย กำจัดพิษในร่างกาย (Detox) บรรเทาอาการปวดหัว ช่วยการทำงานของหัวใจ ช่วยปรับระดับกรดและด่างในร่างกาย ให้อยู่ในระดับสมดุล ทำให้ประจำเดือนมาเป็นปกติ บรรเทาอาการปวดข้อและโรคเกาต์ ช่วยกำจัด นิ่วในไตและในถุงน้ำดี บำรุงสายตา และช่วยให้ระบบปัสสาวะเป็นปกติ
ปัญหาเรื่องระบบการย่อยอาหารและการดูดซึมอาหาร ให้ ชงน้ำส้มสายชูหมักนี้ 1/3 ช้อนชา กับน้ำ 1 ช้อนโต๊ะ ดื่มก่อนอาหาร 5 นาที โดยอมไว้ในปาก 3 – 5 วินาที แล้วค่อยกลืน จะช่วยให้ระบบการ ย่อยอาหารดีขึ้น
มีอาการเจ็บคอ คันคอ ให้ผสมในปริมาณ 1 ช้อนโต๊ะ กับน้ำครึ่งแก้ว กลั้วคอทุกครึ่งชั่วโมง จะช่วยขับพิษออกจากคอได้
ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ผสมกับน้ำอุ่นในปริมาณ 1 – 2 ถ้วย ลงในอ่างอาบน้ำ แล้วลงไปแช่พร้อมกับ นวดตัว จะช่วยบรรเทาอาการลงได้
โรคความดันสูง ให้ ชงผสมกับน้ำผึ้งอย่างละ 2 ช้อนชา ผสมกับน้ำ 1 แก้ว ดื่มวันละ 3 – 5 ครั้ง ลดอาหารจำพวกเนื้อสัตว์และไขมันจากสัตว์ลง และออกกำลังกายร่วมด้วย จะช่วยให้เลือด ไหลเวียนสะดวก
แก้อาการอาหารเป็นพิษ ผสมน้ำส้มสายชู 1 ช้อนชา ต่อน้ำ 1 แก้ว จิบครั้งละ 1 – 2 ช้อนชา ทุก 5 นาที จะช่วยให้อาการดีขึ้น
สำหรับความสวยงาม
รักษาผิวพรรณ นำน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิล ½ ถ้วย กับน้ำสะอาด นำมาทาบาง ๆ ให้ทั่วตัว ช่วยให้ผิวพรรณสะอาดนวลเนียนขึ้น
ผมแห้ง ผมร่วง มีรังแค หรือหนังศีรษะมัน เท น้ำส้มสายชูหมักที่ว่านี้ 2 ช้อนโต๊ะ ลงในถ้วย แล้วนำสำลีก้อนที่เปียกน้ำจุ่มลงไปทางให้ทั่วหนังศีรษะ ทิ้งไว้ 15 นาที ถึง 3 ชั่วโมง แล้วสระ ออกตามปกติ
----------
4 สูตรลับจากแอ๊ปเปิ้ลไซเดอร์
4 สูตรลับจากแอ๊ปเปิ้ลไซเดอร์
สาวๆ หลายคนคงรู้จักกันดีกับน้ำส้มสายชูหมักจากแอ๊ปเปิ้ล (Apple Cider Vinegar) หรือที่เรียกง่ายๆ ว่า แอ๊ปเปิ้ลไซเดอร์ ซึ่งใช้กรรมวิธีหมักหัวเชื้อน้ำส้มกับผลแอ๊ปเปิ้ลนั่นเอง
แล้วน้ำส้มสายชูหมักจากแอ๊ปเปิ้ลนี้มีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างไรบ้าง เรามาดูกันค่ะ
1. แก้เจ็บคอ ใช้น้ำส้มสายชูหมักจากแอ๊ปเปิ้ล 1 ส่วน และน้ำผึ้ง 1 ส่วนผสมให้เข้ากัน แล้วดื่มครั้งละ 1 ช้อนโต๊ะ ทุกๆ 4 ชั่วโมง หรือใช้น้ำส้มสายชูหมักจากแอ๊ปเปิ้ลอย่างเดียว 1 ช้อนโต๊ะผสมน้ำอุ่น แล้วอมกลั้วคอทุกๆ 1 ชั่วโมง จะช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอได้
2. ช่วยย่อยอาหาร แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ ใช้น้ำส้มสายชูหมักจากแอ๊ปเปิ้ลอย่างเดียว 2 ช้อนชา ละลายในน้ำดื่ม 1 แก้ว ดื่มทุกครั้ง ก่อนรับประทานอาหาร
3. กำจัดรังแคและอาการคันศีรษะ น้ำส้มแอ๊ปเปิ้ลไซเดอร์มีความเป็นกรดและมีเอนไซม์ธรรมชาติหลายชนิด โดยเทน้ำส้มแอ๊ปเปิ้ลไซเดอร์ 2 ช้อนโต๊ะลงในถ้วย แล้วนำสำลีก้อนที่เปียกน้ำจุ่มลงไป ทาให้ทั่วหนังศีรษะ ทิ้งไว้ 15 นาทีถึง 3 ชั่วโมง แล้วสระออกตามปกติ
4. ผิวเนียนสวย ส่วนผู้ที่รักผิวพรรณยังสามารถนำน้ำส้มสายชูหมักจากแอ๊ปเปิ้ล 1/2 ถ้วยกับน้ำสะอาด นำมาทาบางๆ ให้ทั่วตัว ช่วยให้ผิวพรรณสะอาดนวลเนียนขึ้น
------
ความจริงเกี่ยวกับการดื่มน้ำส้มสายชูหมัก“ทันทีที่คุณดื่มน้ำส้มสายชูหมัก คุณจะรับรู้ได้ถึงความอ่อนเพลียของร่างกายจะถูกค่อย ๆ กำจัดทิ้งไปทีละน้อยและจะหมดไปภายใน
สองชั่วโมง”คุณสามารถยืนยันปรากฎการณ์นี้ง่าย ๆ ด้วยตัวคุณเอง โดยสังเกตปัสสาวะของคุณก่อนดื่มและหลังดื่ม จะมีสีต่างกัน นั่นคือ
เมื่อคุณดื่มน้ำส้มสายชูแล้ว 1-2 ชั่วโมงให้หลัง ปัสสาวะจะเริ่มใสขึ้น หรือหากคุณขี้สงสัยอยากดูให้ละเอียดมากขึ้นอีก ก็สามารถเช็คง่าย ๆ
ด้วยกระดาษลิตมัส ก่อนและหลังดื่มน้ำส้มสายชู จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าภายหลังดื่มแล้ว ปัสสาวะจะมีฤทธิเป็นด่างมากขึ้นซึ่งก่อนดื่ม
จะมีฤทธิเป็นกรด ฉันใดก็ฉันนั้น สำหรับปัสสาวะและโลหิตของเรา ก็จะมีปฎิกิริยาที่คล้ายกันก่อนดื่มโลหิตของเราในขณะที่อ่อนเพลีย
จะมีฤทธิเป็นกรด และภายหลังดื่มน้ำสัมสายชูหมัก ก็จะมีฤทธิเป็นด่างขึ้น นั่นก็แสดงว่า จะต้องมีสารตัวใดตัวหนึ่งที่ทำให้ร่างกายของเรา
รู้สึกอ่อนเพลีย ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ และทันทีที่เราดื่มน้ำส้มสายชูก็จะเกิดปฎิกิริยาทางเคมีบางอย่างที่สามารถ ขจัดสารตัวนั้นออกไป
“ ดื่มน้ำส้มสายชูหมัก ช่วยกำจัดกรด แลคติค (lactic) และเป็นผู้ช่วยชั้นเยี่ยมของตับ “
ก่อนอื่นต้องเป็นที่เข้าใจโดยทั่วไปแล้วว่า ตับจะมีหน้าที่กำจัดสารพิบต่าง ๆ ในร่างกาย รวมถึงสารที่ทำให้ร่างกายมนุษย์อ่อนเพลียด้วย
ซึ่งตัวการนี้เราเรียกว่ากรดแลคติค(lactic) ซึ่งเราต้องระมัดระวังไม่ให้ตับของเราเสียหาย หรือทำงานหนักขึ้น ซึ่งไม่มีอะไรมาทดแทนได้
หากผิดปกติขึ้น ดังนั้นจึงควรหาทางให้ตับทำงานได้ดีตลอดเวลา รับประทาน เนื้อ, ปลา, ไข่, น้ำมันมะพร้าว, ผักใบเขียว และดื่มน้ำสัมสายชูจะทำให้ตับทำงานได้สมบูรณ์มากขึ้นหรือเรียกตามภาษาชาว บ้านว่าอาหารบำรุงตับ
ทฤษฎีของเครบ (Kreb’s theory)
ดร.เครบ นักวิทยาศาสตร์ รางวัลโนเบิลชาวอังกฤษได้ค้นพบทฤษฎีนี้ตั้งแต่คศ.1953ดร.เครบได้อธิบายถึง ทำไมการดื่มน้ำสัมสายชู
ช่วยขจัดความอ่อนเพลียของร่างกายเขาได้อธิบายถึงกระบวนการที่อาหารที่เรารับประทานเปลี่ยนไปเป็นพลังงานหรือการ
เผาผลาญอย่างละเอียดและรวมไปถึงความลับที่ทำใหร่างกายมนุษย์รู้สึกอ่อนเพลีย และวิธีการกำจัดมัน จากการค้นพบของ ดร.เครบ
ทำให้นักวิชาการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากประเทศญี่ปุ่น ศจ.ฮิชิโร อาคิตานิ จากมหาวิทยาลัยโตเกียวได้ทุ่มเทเวลาทั้งชีวิตพยายาม
ให้คนญี่ปุ่นดื่มน้ำส้มสายชูหมักมากเท่าที่จะมากได้ จึงเป็นที่มาของวิถีชีวิตของชาวญี่ปุ่นภายหลังสงครามโลกครั้งที่สองที่นิยม ดื่มกัน
ทั้งเกาะและก่อให้เกิดปัญหาตามมาคือ “คนแก่ล้นเมือง” อายุยืนยาวเป็นร้อยปี ที่นี้เรามาดูการทำงานอันมหัศจรรย์ของร่งกายเรา
เริ่มต้นที่เรารับประทานอาหารเข้าไปทำการย่อยเพื่อเปลี่ยนแป้งเป็นกลูโคส โปรตีนก็ถูกเปลี่ยนให้เป็นกรดอมิโนอีก 20 ชนิด
ไขมันจะถูกเปลี่ยนไปเป็นกลีเซอรรีน และกรดไขมัน อาหารต่าง ๆ เหล่านี้ก็จะถูกเผาผลาญและเปลี่ยนไปเป็นสาร ที่เรา
เรียกว่า ATP (Adenocine triphosphate) ซึ่งให้พลังงานออกมาในรูปความร้อน บางส่วนก็นำไปซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย
เมื่อต้องการเช่น โปรตีนอาหารเกือบทั้งหมดที่เรารับประทานจะถูกเปลี่ยนเป็นกรด 8 ชนิดและจะถูกลดปริมาณลงในรูปของการ
เปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อน (ATP) แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ก็จะเกิดขึ้นและถูกขับออกโดยกระบวนการหายใจออก น้ำก็จะถูก
ขับออกมาในรูปของปัสสาวะและเหงื่อ และถ้ากรดทั้ง 8 ทำงาน ได้อย่างสมบูรณ์แบบ กระบวนการทั้งหมดที่ได้อธิบายมาก็จะ
ไม่เกิดกรด ไพโรราสมิค (Pyroracemic หรือ ไพรูวิค(Pyruvic) และกรดแลคตริค ความเมื่อยล้าอ่อนเพลียและปวดตามกล้ามเนื้อ
ก็จะไม่เกิด กล้ามเนื้อของเราก็จะนิ่มไม่แข็งเกร็ง โลหิตก็จะมีฤทธิเป็นด่าง ปัสสาวะก็จะใสขึ้นแน่นอนที่สุดก็จะมีฤทธิเป็นด่างด้วย
มีความสดชื่น ตื่นตัวในทางตรงกันข้ามหากเราทำงานหนัก ทั้งทางกายและทางใจ หรืออาหารที่เรารับประทานเข้าไปแย่สุด ๆ
หรือร่างกายไม่ได้ดื่มน้ำส้มสายชู ก็จะทำให้กระบวนการที่กล่าวมา เมื่อสักครูไม่ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพก็จะทำให้เกิด
กรดแลคติค กรดนี้จะสะสมในกล้ามเนื้อ ทำให้เกิดความเจ็บปวดและเมื่อยล้า หากกรดแลคติคสะสมในกล้ามเนื้อ ประมาณ
0.24-0.40% ของของเหลวในร่างกายเรา เราจะรู้สึกอ่อนเพลียหรือเหนื่อยทันที การตอบสนองของร่างกายจะช้าลงบางทีอาจทำให้
ทำงานผิดพลาดหรือไม่ก็อุบัติเหตุ หากปล่อยให้มีการสะสมของกรดแลคติคมากขึ้น บางรายถึงกับเกร็งหรือเป็นตะคริวทำให้
ประสาทชา หรืออัมพาตได้ หรืออาจปวดต้นคอหรือไหล่ ทั้งหลายทั้งปวงเปล่านี้เกิดจากกรดแลคติคสะสมในร่างกายทั้งสิ้น
“ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการดื่มน้ำส้มสายชูหมักเพื่อเลือดที่เป็นปรกติ”
ภาวะที่เลือดมีกรดแลคติค จะทำให้กล้ามเนื้อเคลื่อนไหวข้าลง ทำให้เกิดภาวะเบื่อหน่ายน่ารำคาญ โมโหง่ายหรือฉุนเฉียว นั่นยิ่ง
เป็นการเพิ่มปัญหาบนปัญหาเข้ามาอีกต่อหนึ่ง ภาวะนี้ร่างกายก็จะเสี่ยงต่อเชื้อโรคต่าง ๆ ความเจ็บป่วย ทางแก้ก็มีอยู่ 2 ทาง หนึ่ง
นั่นคือ ทางใจ ท่านจะต้องฝึกจิตให้สามารถจัดการต้นเหตุที่กล่าวมา ซึ่งโดยปกติแล้ว พระสงฆ์หรือผู้ที่ฝึกสมาธิขั้นสูงเท่านั้นที่
สามารถทำได้ แต่สำหรับเรา ๆ ท่าน ๆ ง่าย ๆ ก็คือ ดื่มน้ำสัมสายชูหมัก เพื่อทำให้ภาวะเลือดเป็นกรดหายไปหรือเป็นด่างมากขึ้น
เบื้องต้นก็จะรู้สึกตรงกันข้ามกับที่เอ่ยมาทั้งหมดเมื่อดื่ม สาเหตุหลักเนื่องมาจากน้ำสัมสายชูหมัก หรือกรดอะซิติคจะไปกำจัด
กรดแลคติคให้หมดสิ้นโดยการทำให้วัฎจักรซิตริค (Citric cycle) หรือวัฏจักรเครบ ทำงานสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น
“ดื่มน้ำสัมสายชูหมักจะทำให้หายเครียด”
ทั้งสามนี้เรียกรวมกันว่า ACH ฮอร์โมน ซึ่งถ้าไม่ปรกติ ท่านก็คงนึกออกว่าจะมีผลอย่างไรยกตัวอย่างเช่น ฮอร์โมนควบคุม
การเผาผลาญอาหาร ถ้าไม่ปกติ ก็พวกกินน้อย แต่อ้วนเอา ๆหรือไม่ก็ทานเย๊อะแยะ เลยกลับผอมกะหร่อง ถ้าฮอร์โมนควบคุม ปริมาณน้ำและเกลือแร่ในเลือด บกพร่อง ก็จะก่อให้เกิดโรคเลือดตามมา
- และที่สำคัญมากๆเลยถ้า ฮอร์โมนเพศ ไม่ปกติ หลายท่านคงอยากหนีไปบวช คิดว่าท่านคงจินตนาการเอาเองได้
หากปล่อยให้ความเครียดเกิดขึ้นนานเกิน ไป หรือ ACH ฮอร์โมน หลั่งน้อยเกินไป เราอาจแพ้ต่อความเครียด บางทีถึงขั้นล้มป่วย ดังนั้นเราต้องหาทางป้องกันความเครียดหรือกำจัดความเครียด ง่าย ๆ ก็โดยการพักผ่อน หรือนอนหลับ หรือกำจัดโดยกระตุ้น
ต่อมหมวกไตให้หลั่งฮอร์โมน โดยการดื่มน้ำสัมสายชูหมัก หรือกินอาหารที่มีประโยชน์ บางท่านถึงกับสรุปว่า ACH ฮอร์โมน ได้มาจากน้ำสัมสายชูหมัก ซึ่งเป็นการสมควรอย่างยิ่งที่ ดร.ฮาน ได้รับเกียรติอันสูงสุดในการค้นพบครั้งนี้
“คลอเลสเตอรอล สิ่งที่คุณไม่ควรเกลียดและกลัวเมื่อคุณดื่มน้ำส้มสายชูหมักเป็นประจำ” โรคหลอดเลือดแข็งตัวเป็นโรคที่ร้ายแรง รักษายากมาก หลายคนกลัวมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อทราบถึงต้นตอและสาเหตุ คือ “คลอเลสเตอรอล” ทั่วโลกประโคมจนทำให้เราทั้งเกลียดทั้งกลัวคลอเลสเตอรอล ร่างกายของเรามีคลอเลสเตอรอลจำนวนมาก มีบทบาทและความสำคัญโดยเฉพาะอย่างยิ่งในกระแสเลือดอย่างที่คุณคิดไม่ถึง เช่น เมื่อเราตกอยู่ภาวะอันตราย คลอเลสเตอรอล จะนำ ACH ฮอร์โมน ไปยังที่หมายทันทีทันใด เมื่อใดที่คุณต้องการความแข็งแรง Hormone เพศก็จะถูกส่งไปในที่ที่ธรรมชาติ ต้องการ คนที่มี คลอเลสเตอรอลต่ำกว่าเกณฑ์ ปกติก็จะไม่สดชื่นเบื่อโลก ห่อเหี่ยว และที่สำคัญ อาจบกพร่องทางเพศเนื่องจาก ร่างกายเราเคลื่อนย้ายฮอร์โมนทั้งหลายผ่านคลอเลสเตอรอล | |||
| ศจ.โตกิโอ ชิมาโมโต เผยแพร่งานวิจัยถึงปัญหาหลอดเลือดแข็งตัวทำให้ทั่วโลก | ||
| “ ดื่มน้ำส้มสายชูหมักจะไม่เป็นอันตรายต่อผู้ป่วย โรคกระเพาะ และ จุกเสียด (heartburn) “มีการค้นพบว่าอาการจุกเสียดไม่ได้มีสาเหตุมาจากการ หลั่งน้ำย่อยมากเสมอไป คนป่วยที่มีการหลั่งน้ำย่อยต่ำ หรือ บางรายผ่าตัด กระเพาะทิ้งแล้วยังมีอาการเลย บางรายดื่มน้ำทีมีฤทธิเป็นด่างหรือดื่มน้ำมากๆ ก็ยังคงมีอาการ การใช้ชีวิตที่รีบเร่ง ทั้งกิน และดื่มล้วนแล้วแต่เป็นสาเหตุของ อาการจุกเสียดทั้งสิ้นหากคุณ มีอาการกระเพาะเป็นแผลอยู่แล้วให้คุณดื่ม น้ำส้มสายชูทีละน้อยก่อน แล้วสังเกตุอาการและค่อยๆเพิ่มปริมาณขึ้นทีละน้อย อย่างช้าๆ |
วิธีสังเกต อาการเป็นแผล ในกระเพาะคุณจะปวดภายหลังจากคุณรับประทานอาหารไปแล้วครึ่งถึงหนึ่งชั่วโมง แต่ถ้า คุณปวดก่อนมื้ออาหาร ส่วนใหญ่แล้วจะมีแผลหรืออักเสบในลำใส้เล็กส่วนต้น แล้วทำไมต้องดื่มน้ำส้มสายชูหมัก ทั้งๆที่ น้ำย่อยของเรามีกรดไฮโดรคลอริค อยู่แล้วคุณ วางใจได้ สาเหตุเนื่องมาจากกรดอะซิติค ในน้ำส้มสายชูหมักทำให้ ระบบประสาทอัตโนมัติต่างๆกลับมาทำงานเป็นปรกติอีกครั้งซึ่งระบบประสาท อัตโนมัติเหล่านี้นี่แหละที่เป็นต้นเหตุ ทำให้เกิดการหลั่งน้ำย่อยมากผิดปกติและผิดเวลาทำให้เกิดแผลในกระเพาะ และทีพบบ่อยมากที่สุด ก็ “ ความเครียดไง “ ทำให้ระบบประสาทอัตโนมัติรวนเรหมด หมายเหตุ: หากท่านมีอาการมากอยู่ก่อนแล้วควรอยู่ภายใต้การดูแลจากหมอเอย่างใกล้ชิดเพื่อรักษาแผลให้ทุเลาก่อน วิธีนี้สำหรับผู้ที่มีอาการเป็นๆหายๆ น่ารำคาญซึ่งส่วนใหญ่ จะรักษาที่ปลายเหตุ เช่นทานยาเคลือบกระเพาะ คุมอาหาร รสจัดทุกชนิด เหมือนตกนรกทั้งเป็น เพราะชีวิตมีแต่ความจืดชืดี |
สรุป การดื่มน้ำส้มสายชูหมักเป็นประจำก่อให้เกิดประโยชน์ต่อร่างกายสุดคณานับ ทำให้เลือดมีสภาวะเป็นด่างหรือ pH ที่ 7.4
มีสีแดง เหมาะมากสำหรับผู้ป่วยโรคหลอดเลือดและหัวใจ ซึ่งโดยปกติแล้วคนไข้ในกลุ่มนี้จะมีออกซิเจนในเลือดต่ำ มี กรดแลคติค
สะสมในเลือดสูง ทำให้เลือดเป็นสีดำ เหนือดข้น อาการอ่อนเพลียเมื่อยล้า เหนื่อยง่าย ก็จะตามมา การดื่มน้ำส้มสายชูหมักเป็น
ประจำ ปัสสาวะก็จะ ใสขึ้น และเป็นด่าง ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสัญญาณของผู้ที่มีสุขภาพดีเลิศ นอกเหนือจากนี้ สำหรับผู้ที่มีความ
จำเป็นต้องทำงานหนักตรากตรำ จริงอยู่ คาเฟอีน ในเครื่องดื่มชูกำลังทั้งหลาย สามารถทำให้ท่านหายเหนื่อยอย่างรวดเร็ว
แต่อย่าลืมน๊ะ ว่ามันมีผลร้าย ต่อร่างกายมาก บางประเทศถึงกับออกกฏหมายห้ามจำหน่าย แต่สำหรับประเทศ ด้อยและกำลัง พัฒนาก็อนุญาตให้ดื่มวันละ 2 ขวด เด็ก สตรีตั้งครรและคนชราห้ามดื่ม น้ำส้มสายชูหมักซิค๊ะ ผสมน้ำแข็ง หรืออยากได้รสซ่า
อาจผสมโซดา เล็กน้อย จิบไปด้วยทำงานไปด้วยความอ่อนเพลียเมื่อยล้า ปวดกล้ามเนื้อ ก็จะค่อยๆหายไปภายใน 1-2 ชั่วโมง
ภายหลังรัปประทาน ทานกันได้ทั้งครอบครัว ไม่มีกฏหรือข้อห้าม
หมายเหตุ: น้ำส้มสายชูหมักจากผลไม้ทุกชนิดมีสรรพคุณ และคุณสมบัติคล้ายๆกัน ยกเว้น น้ำส้มสายชูหมักจาก
น้ำอ้อยบริสุทธิ เท่านั้นที่ไม่มีโซเดียม จึงปลอดภัยต่อผู้ที่มีภาวะความดันสูง จึงเป็นสาเหตุที่ชาวญี่ปุ่นนิยมดื่มเฉพาะ
ที่หมักหรือทำมาจาก มาจากน้ำอ้อยบริสุทธิเท่านั้น
บทความนี้เป็นบทความทางวิชาการ ที่นักวิทยาศาสตร์รางวัลโนเบล หลายท่านที่ได้เอ่ยมา ได้อธิบาย และตีพิมพ์เผยแพร่ และถูกสอนในมหาวิทยาลัยทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทย เป็นข้อมูลพื้นฐานทั่วไปของนักศึกษาแพทย์ หรือสาขาที่เกี่ยวข้อง ที่ซึ่งสามารถทดลองและพิสูจน์ได้ ไม่ได้เป็นความลับที่พึ่งถูกค้นพบ ตรงกันข้ามในต่างประเทศ มีการตื่นตัวนิยมดื่ม
น้ำส้มสายชูหมักกันมานาน หลายสิบปีแล้ว แต่สำหรับประเทศไทยเราเนื่องจากน้ำส้มสายชูที่เรามีและคุ้นเคย ก็คือ
น้ำส้มสายชูกลั่น ที่ไม่สามารถนำมาดื่มได้ แต่ปัจจุบันได้มีการนำสูตรและวิธีการผลิตน้ำส้มสายชูหมักจากอ้อยจาก
ประเทศญี่ปุ่น มาผลิตในเมืองไทยโดยคนไทย ซึ่งโรงงานตั้งอยู่ที่ คลอง 11 อำเภอลำลูกกา ปทุมธานี เนื่องจาก
ประเทศญี่ปุ่นมีพื้นที่ ปลูกอ้อยน้อยมากจีงทำให้หาวัตถุดิบยากขึ้นและเป็นการสนับสนุนเกษตรกรไทย หากท่านสนใจ
อยากซื้อหามาดื่ม สามารถ ติดต่อโดยตรง ที่ 081-7222529
------