เด็กปอเนาะในยุคปัจจุบัน
อับดุลลาตีฟ บินมูฮำหมัดซอและห์
ด้วยพระนามของอัลเลาะห์ ผู้ทรงกรุณาเมตตาปราณีเสมอ
“จงอ่านด้วยพระนามของพระผู้อภิบาลของเจ้าผู้ทรงสร้าง ทรงสร้างมนุษย์มาจากก้อนเลือด
จงอ่านเถิด และพระเจ้าของเจ้านั้นผู้ทรงมีเกียรติยิ่ง ผู้ทรงสอนมนุษย์ในสิ่งที่เขาไม่รู้”
(อัล-อะลัก 96/1-5)
โรงเรียนสอนศาสนา หรือที่ผู้หลักผู้ใหญ่เรียกขานกันในนาม “ปอเนาะ” คือรากเหง้าของการเรียนรู้เรื่องราวของศาสนาในประเทศไทย สังคมมุสลิมจะรู้ว่า ปอเนาะ คือแหล่งค้นคว้าหาวิชาความรู้ทางศาสนาอย่างแท้จริง จึงได้พร้อมใจกันส่งลูกหลานเข้ามาศึกษาหาความรู้ทางศาสนาเหมือนดังที่ผ่านมา ในอดีต
การ ศึกษาในระบบปอเนาะจึงไม่ใช่เหตุผลอื่นใด เพียงเพื่อให้ลูกหลานได้รู้จักการประคับประคองชีวิตให้อยู่ในระบบศาสนา และเป็นการเติมเต็มในหัวใจของลูกหลานให้ศรัทธาในอัลเลาะห์ พระเจ้าผู้ทรงสูงส่งผู้ทรงรอบรู้ นั้นคือเป้าหมายหลักของการศึกษาในระบบปอเนาะ
ในอดีตที่ผ่านมาโรงเรียนสอนศาสนาหรือ ปอเนาะ คือเป้าหมายหลักและเป้าหมายแรกที่ผู้ปกครองจะส่งบุตรหลานเข้ามาศึกษาหาความ รู้ แต่ ณ ปัจจุบันกลับอยู่ในทางตรงกันข้าม แนวความคิดหรืออุดมคติกลับเดินสวนทางกันอย่างสิ้นเชิง โรงเรียนสอนศาสนาหรือ ปอเนาะ คือเป้าหมายสุดท้ายและท้ายที่สุดของคนในสังคมที่จะตัดสินใจส่งลูกหลานเข้ามาศึกษาในระบบปอเนาะ
บางครอบครัวที่มีลูกหลานหลายคน ความสามารถทางสมองหรือ IQ แตกต่างกัน ผู้ ปกครองจะสนับสนุนลูกหลานคนที่เรียนดีเรียนเก่ง มีมารยาทเรียบร้อย ให้มีการศึกษาทางด้านสามัญเรียนวิศวะ ,สถาปนิก ,แพทย์ พยาบาล ,เป็นคนมีหน้ามีตาในสังคม มีเงินเดือนสูงๆ ส่วน ลูกหลานที่เกเร มารยาทไม่ค่อยดี เรียนไม่ค่อยได้ มีแนวโน้มว่าอยู่ในกลุ่มเสียงเรื่องสิ่งเสพติด คงจะหวังพึ่งพาอะไรไม่ได้ ก็ไม่รู้ว่าจะส่งไปเรียนที่ไหนดี เลยมองโรงเรียนสอนศาสนาหรือ ปอเนาะ เป็นความหวังเล็กๆ ความหวังสุดท้าย จึงตัดสินใจส่งลูกหลานคนดังกล่าวเข้าสู่รั้วของโรงเรียนสอนศาสนา
คน ที่เรียนดีเรียนได้ ก็ตั้งใจเรียนกันอย่างจริงจังรับเอาวิชาความรู้วิชาการทางศาสนาไปเรียนต่อ เมืองนอกประสบความสำเร็จกันก็มีมาก ส่วนประเภทที่เรียนไม่ดี เรียนไม่ได้ ก็ไม่อยากร่ำไม่อยากเรียนแต่กับมาตั้งกลุ่มตั้งแก๊งค์ เป็นจุดเปลี่ยนความรู้สึกของสายตาผู้คนทั่วๆไปที่พบเห็น เพียงเพราะคนไม่กี่คนที่ทำให้ทัศนคติของคนอื่นๆมองเด็กปอเนาะผิดแปลกแหวแนว ออกไปจากเดิม
โรงเรียนสอนศาสนา หรือ ปอเนาะ ในยุคปัจจุบันนี้ มีการผสมผสานและพยายามผลักดันวิทยาการและเทคโนโลยีสมัยใหม่ ให้เด็กปอเนาะก้าวทันโลก ก้าวทันเทคโนโลยี โรงเรียนปอเนาะบางที่จึงเรียกว่าเป็นระบบบูรณาการ คือมีการผสมผสานวิชาการทางด้านศาสนาและทางด้านสามัญไว้ด้วยกัน ไม่ได้เป็นแบบระบบปอเนาะเฉกเช่นเหมือนในอดีต แต่จะเรียกว่าเป็นโรงเรียนสอนศาสนา เพราะเขาถือว่าการเรียนแบบบูรณาการเป็นการปฏิบัติตามคำสั่งของท่านรอซูลุ้ล เลาะห์ ที่ว่า “ให้ศึกษาทั้งทางโลกและทางธรรม”
แต่ระบบปอเนาะที่สอนเฉพาะศาสนาก็สามารถปฏิบัติตามคำสั่งของท่านรอซูลได้เช่นกัน ผู้ บริหารได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการศึกษาจึงมีการเปิดศูนย์การศึกษานอก โรงเรียนหรือที่เรียกกันว่า กศน. และมีการสนับสนุนส่งเสริมให้ศึกษาในระดับปริญญาตรีแบบเก็บหน่วยกิตใน มหาวิทยาลัยเปิด หรือบางคนสนใจทางด้านวิชาชีพ ก็มีการส่งเสริมให้เรียนในสายอาชีวะแบบภาคค่ำ นี่ก็เป็นการปฏิบัติตามคำสั่งของท่านร่อซูล ได้เช่นเดียวกัน
เราเรียนสามัญทางโลกเพื่อดำรงชีพและเอาตัวรอดบนโลกดุนยาที่ทุกวันมีแต่การแก่งแย่งแข่งขันชิงดีชิงเด่นกัน เรียนศาสนาเพื่อเป็นเสมือนการฉีดวัคซีนอีหม่าน ปลูกฝังการศรัทธาต่อพระผู้เป็นเจ้าให้หนักแน่นต่อศาสนาของพระองค์ ประพฤติ ปฏิบัติและประกอบศาสนกิจอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ เอาวิชาความรู้ทางศาสนามาเป็นเสมือนบัตรผ่านพิเศษเข้าสู่สรวงสวรรค์ของอัล เลาะห์ ในโลกอาคิเราะห์
อีกประการที่สำคัญสำหรับมุมมองเด็กปอเนาะที่เปลี่ยนไป คือ เด็กปอเนาะในปัจจุบันนี้ ถูกมองว่าเป็นคนที่มีความรู้ท่วมหัวแต่เอาตัวไม่รอด เพราะ ในสังคมยุคปัจจุบันที่เป็นแบบปากกัดตีนถีบ หลังจากลูกหลานจบมัธยมศึกษาปีที่ 3 ก็จะส่งลูกหลานเข้ามาสู้รั้วปอเนาะ เพื่อส่งมอบให้โต๊ะครูรับช่วงต่อโดยไม่จ้ำจี้จ้ำชัยให้ลูกหลานของตนหาหนทาง ในการศึกษาต่อทางด้านสามัญ ให้มีวุฒิการศึกษา มีปริญญา หากเรียนปอเนาะทางเดียวเมื่อจบออกมาสู่สังคมเมืองก็ไม่มีงานรองรับ เด็กที่เรียนปอเนาะส่วนมากจะทำหน้าที่ครูสอนศาสนา เป็นงานที่รองรับเด็กเรียนศาสนามาอย่างยาวนาน
และที่สำคัญเด็กปอเนาะ เด็กเรียนศาสนาที่มีฐานะทางบ้านไม่ค่อยดี การที่จะไปขอลูกสาวบ้านไหนมาเป็นภรรยานั้นจึงเป็นเรื่องยาก เพราะ ผู้คนส่วนใหญ่ในปัจจุบันไม่กล้าที่จะให้ลูกสาวของตนมากัดก้อนเกลือกิน อยู่กับเด็กเรียนศาสนาที่ไม่มีการงานอะไรมารับรองถึงอนาคตในวันข้างหน้าได้ เป็นห่วงว่าลูกสาวหลานสาวจะลำบากหากต้องมาใช้ชีวิตคู่ด้วย แต่ถ้าเป็นในสมัยอดีตเด็กปอเนาะเด็กเรียนศาสนาจะเป็นเป้าหมายแรกๆของผู้คนส่วนใหญ่ที่จะฝากชีวิตของลูกสาวไว้กันคนที่เรียนศาสนา แต่เดี๋ยวนี้คงไม่ใช่แล้วมีศาสนาอย่างเดียวอาจจะยังไม่เพียงพอ
คนปัจจุบันนี้ส่วนมากพิจารณาตั้งแต่หลังคาบ้านยันเสาเข็ม หน้าบ้านยันหลังบ้าน มีการมีงานที่มั่นคงเพียงใด มีฐานะที่มั่นคงที่รับรองถึงอนาคตได้ไหม มันก็ไม่ใช่เรื่องผิดที่คนปัจจุบันคิดหวังแบบนี้ด้วยปัจจัยหลายๆประการ ทั้งค่าครองชีพที่สูงขึ้น เศรษฐกิจที่ต้องแก่งแย่งกัน ความเจริญทางด้าน วัตถุและเทคโนโลยี และค่านิยมที่กำลังเข้ามากลบค่าความคิดของอิสลาม ทำให้ความคิดขอคนส่วนใหญ่เปลี่ยนทัศนคติไป เด็กปอเนาะต้องหนักอกหนักใจเพิ่มขึ้นไปอีก คำพูดที่ว่า “อยู่กับคนเรียนศาสนา อัลเลาะห์เลี้ยง” คงจะถูกลืมกันไปหมดแล้ว
สื่อต่างๆมากมาย เทคโนโลยีที่ทันสมัย ค่านิยมและแฟชั่น ของสังคมในทุกวันนี้เป็นเสมือนแม่เหล็กที่คอยจะดึงดูดเด็กปอเนาะให้ออกนอก รั้วโรงเรียน หรือเรียนก็ไม่ตั้งใจเรียนจิตใจคิดวุ่นวายอยู่กับสิ่งเร้าสิ่งยั่วยุ ไม่ เหมือนเมื่อ 10-20 ปีก่อนหน้านี้คนที่เรียนศาสนา มีแต่ความลำบากเป็นเพื่อนในการเรียน การเดินทางการคมนาคมลำบากไม่มีถนนหนทาง ที่สะดวกสบายเหมือนทุกวันนี้ รถไฟฟ้า รถเมล์ก็ยังไม่มี จะใช้การเดินทางโดยสารทางเรือเป็นส่วนใหญ่ ใช้ตะเกียงให้แสงสว่าง แต่เขาเรียนกันอย่างจริงจัง เรียนตั้งแต่เช้ามืด(ซุบฮิ) ยันดึกดื่น ไม่ได้มีเวลาว่างมานั่งแชท เล่นเกมส์ หรือออนเฟสบุ๊ค เหมือนเด็กปอเนาะสมัยนี้ คนที่เรียนหนังสือในอดีตมีโอกาสเรียนน้อย แต่ คนในอดีตที่เรียนศาสนาเรียนกันแค่ 3-5 ปี ก็อาเล็ม(มีความรู้) นำเอาวิชาการที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากโต๊ะครูไม่ว่าจะมากหรือเล็กน้อยเพียง ใด มาปฏิบัติกันอย่างเคร่งครัด นี่ก็เป็นเครื่องยืนยันได้ว่าเด็กปอเนาะในอดีตเรียนกันอย่างเอาจริงเอาจัง หนักแน่นมั่นคงอยู่กับการเรียนอย่างยิ่ง
การศึกษาของเด็กเรียนศาสนาหรือเด็กปอเนาะ บางคนอาจรังเกียจการแต่งกายอาจดูไม่ดี ไม่หรูหรา หนวดเคราน่ากลัว แต่...อย่าเพิ่งตัดสินเพียงเปลือกภายนอก เมื่อใดก็ตามที่ได้เข้ามาสัมผัสจะทำให้ท่านรู้ถึงแก่นแท้และเข้าใจว่าระบบปอเนาะ คือสิ่งที่ดีและบริสุทธิ์ที่สุดระบบหนึ่ง และจะบอกกับทุกคนที่มองเด็กเรียนศาสนาเปลี่ยนไปว่า การศึกษาในระบบปอเนาะหรือระบบโรงเรียนสอนศาสนา ฝึกให้คนอยู่กับศาสนาไม่ ฟุ่มเฟือยและมีความพอเพียงเจริญรอยตามพระวจนะของท่านศาสดามุฮำหมัด และ มีคัมภีร์อัลกรุอาน เป็นแนวทางแห่งสัจธรรมในการดำเนินชีวิต เสมือนกับพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในปัจจุบัน นี่คือแก่น แท้ที่สุดของระบบปอเนาะ
ปอเนาะ คือ แหล่งที่มาของการเรียนรู้วิชาการทางศาสนา ผลิต บุคลากรที่มีคุณภาพให้กับศาสนาและเรียนรู้ความเป็นคนเพื่อดำรงตนอยู่ในสังคม ได้ ปอเนาะไม่ได้เป็นแหล่งมั่วสุมชักนำคนให้เสีย เด็กเรียนปอเนาะเด็กเรียนศาสนาในวันนี้มีความเข้าใจการเปลี่ยนแปลงของ โลก และเข้าใจการเปลี่ยนแปลงของสังคมที่นับวันจะวุ่นวายมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ใช่เพราะเด็กเรียนศาสนาเก่งแต่เป็นเพราะหัวใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความศรัทธามั่นต่ออัลเลาะห์ และความรักที่บริสุทธิ์ที่มีเผื่อแผ่ให้กับคนรอบข้างทุกคน
ดังนั้น อยากจะฝากกับเด็กปอเนาะ และเด็กเรียนศาสนาว่า ท่าน คือความหวังที่สำคัญของอิสลาม ท่านจะต้องพิสูจน์ตัวของพวกท่านถึงวิชาความรู้ ความสามารถ และทำให้สายตาผู้ที่กำลังจ้องมองรอคอยด้วยความหวัง ทำให้พวกเขาเห็นถึงศักยภาพ ความรู้ ความสามารถ ในฐานะที่พวกท่านได้ชื่อว่าเป็นลูกหลานของบรรดาอุลามาอ์ เป็นผู้สืบทอดเจตนารมณ์ของบรรดานบี ตำแหน่ง หน้าที่การงาน เกียรติยศชื่อเสียงไม่จีรังยั่งยืนเสมอไป หากแต่หัวใจที่เป็นปถุชนคนธรรมดาและหัวใจที่เอิบอิ่มจากการขัดเกลาด้วยศาสนา ต่างหาก ทำให้เราเข้าใจโลก เข้าใจคนรอบข้าง หนักแน่นในศาสนาของอัลเลาะห์ นั้นคือสิ่งที่จีรังยั่งยืน ตราบนานเท่านาน
.............................................................
---
กระบี่ - ชาวกระบี่ร่วมบริจาคเงินสร้างห้องน้ำให้โรงเรียนปอเนาะคลองกำโดย ผู้ว่าฯกระบี่ร่วมบริจาคเงิน 2 แสนบาท
นายประสิทธิ์ โอสถานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ นายอัสนาวี มุคุระ ประธานคณะกรรรมการอิสลาม ประจำจังหวัดกระบี่ นายสมาน แสงสอาด รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ พ.ต.ต.สุรินทร์ ปาลาเร่ เลขาธิการคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย นายมานิต ดำกุล นายกสมาคมชาวประมงจังหวัดกระบี่ นายประดิษฐ์ จันทร์ทอง นายก อบต.คลองประสงค์
พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ร่วมพิธีวางเสาเอกเพื่อสร้างสถานที่อาบน้ำ และห้องน้ำ ให้กับโรงเรียนปอเนาะคลองกำ ม.3 ต.คลองประสงค์ อ.เมือง จำนวน 40 ห้อง งบประมาณกว่า 2 ล้านบาท ได้จากการบริจาคจากผู้ปกครองนักเรียน และผู้มีจิตศรัทธา เพื่อรองรับจำนวนนักเรียนที่มาศึกษาหาความรู้ และ บำบัดยาเสพติด เพิ่มจำนวนมากขึ้น
โดยงบประมาณส่วนหนึ่ง ทางนายประสิทธิ์ โอสถานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ได้มอบเงินสมทบทุนสนับสนุนการก่อสร้าง จำนวน 200,000 บาท สมาคมชาวประมงสนับสนุน จำนวน 100,000 บาท เลขาธิการคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย มอบให้ จำนวน 50,000 บาท
โดยโรงเรียนสอนศาสนาแห่งนี้ มีผู้ติดยาเสพติดเข้ามารับการบำบัดประมาณ 70 % ของจำนวนนักเรียนทั้งหมดประมาณ 900 คน ซึ่งห้องน้ำที่มีอยู่ไม่เพียงพอกับความต้องการ
นายประสิทธิ์ โอสถานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า หลังจากที่ได้มาสำรวจภายในปอเนาะคลองกำ พบว่านอกจากจะเป็นสถานศึกษาความรู้ทางด้านศาสนาอิสลามแล้ว
ทางผู้บริหารโรงเรียน ยังเปิดเป็นสถานที่บำบัดยาเสพติดให้กับเยาวชนผู้ติดยาเสพด้วย ซึ่งเท่าที่มีการสอบถามจากผู้ปกครองของนักเรียนทราบ ว่า กระบวนการบำบัดยาเสพติดของโรงเรียนปอเนาะแห่งนี้ ได้ผลเป็นที่น่าพอใจมาก เพราะทำให้ผู้ที่ติดยาสามารถเลิกยาได้อย่างเด็ดขาด มีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น และไม่กลับมาเป็นปัญหาของสังคม
จากผลการดำเนินดังกล่าว ทำให้ผู้ปกครอง และ ผู้มีจิตศรัทธา หลั่งไหลให้การสนับสนุนจำนวนมาก และ นำบุตรหลานที่ติดยาเสพติด มาเล่าเรียน และบำบัดยาเสพติด ปัจจุบันมีนักเรียนและผู้ที่เข้ามาบำบัดยารวมจำนวนกว่า 900 คน ส่งผลทำให้เกิดความแออัดเป็นอย่างมาก
ทางจังหวัดจึงได้มอบเงินสมทบทุนการก่อสร้างให้ จำนวน 2 แสนบาท นอกจากนี้สมาคมชาวประมงจังหวัดกระบี่ มอบให้อี 1 แสนบาท เลขาธิการคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย ร่วมสนับสนุนอีก 5 หมื่นบาท เพื่อสนับสนุนในการก่อสร้าง
www.manager.co.th