ค่าเงินเกาหลี เงินเกาหลีเทียบเงินไทย อัตราแลกเปลี่ยนเงินเกาหลีเป็นเงินไทย
ค่าเงิน 1,000 วอน(ค่าเงินของประเทศเกาหลี) เท่ากับเงินไทยเท่าไร?????
อัตราซื้อ อยู่ประมาณ 1000 วอน = 45 บาท
แต่ถ้าขาย อยู่ที่ประมาณ 1000 วอน = 22
หากจะไปเที่ยวเกาหลีก็คำนวณค่าใช้จ่ายให้ดีๆ เพราะถ้าแลกเป็นเงินวอนมากเกินไป
แล้วเหลือพอแลกกลับมาเป็นเงินบาท จะขาดทุนประมาณ 50%
ตัวอย่าง เช่น เราแลกเงินวอน 100000 วอน จะต้องใช้เงินบาท 4500 บาท
แต่สมมติว่าเราจะแลกกลับมาเป็นเงินบาทจะได้เพียง 2200 บาท
-----------
การเตรียมตัวก่อนไปเที่ยวเกาหลี
สวัสดี ครับ วันนี้ผมมีอะไรหลายๆ อย่างมาแนะนำเพื่อนๆ ก่อนที่จะเดินทางไปเที่ยวเกาหลีกันในช่วงอากาศหนาว โดยเฉพาะช่วงปีใหม่ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมที่ดีและรับมือกับเรื่องราวอันคาดไม่ถึงสำหรับ เพื่อนๆ ดังนี้
เสื้อผ้าและเครื่องแต่งกาย
ผมไปเกาหลีในช่วงฤดูที่หนาวสุดๆ (ช่วงปีใหม่) แต่แปลกที่เห็นคนที่นั่นเขาไม่ค่อยใส่หมวกและถุงมือกันมากนัก ดูเหมือนเขาจะไม่หนาวกันเลยทั้งๆ ที่จริงแล้วอากาศหนาวอย่าบอกใคร หากเราจะพูดถึง เสื้อกันหนาวสำหรับไปเกาหลี นั้น ... ลำพังใส่เสื้อ 3 ชั้นยังเอาแทบไม่อยู่ ยิ่งเจอช่วงที่ลมพัดตลอดนั้นยิ่งทรมานจิต ผมจึงขอแนะนำว่าหากเราไปเที่ยวเกาหลีในช่วงปีใหม่หรือช่วงฤดูหนาวนั้น เครื่องแต่งกายที่แนะนำมีดังนี้ครับ
ชุดลองจอห์น สำหรับใส่ชั้นในสุด เนื่องจากเนื้อผ้าสามารถเก็บความอบอุ่นได้เป็นอย่างดี ถึงแม้จะเป็นผ้าบางๆ ก็ตาม หาซื้อได้ตามประตูน้ำและตลาดทั่วไป
เสื้อแขนยาว กางเกงขายาว สำหรับสวมเป็นชั้นที่สองต่อจากลองจอห์นครับ โดยที่ตัวเสื้อนั้นเป็นเสื้อยืดแขนยาวธรรมดาก็ได้ ส่วนกางเกงอาจจะเป็นกางเกงยีนส์หรือกางเกงวอร์มก็แล้วแต่
เสื้อกันหนาว เสื้อคลุม สำหรับสวมชั้นนอกสุด ควรเลือกเสื้อที่ด้านในเป็นขนเพราะว่าจะเก็บความอบอุ่นได้ดี เสื้อมีความหนา ป้องกันลมและความเย็นที่จะถ่ายเทจากอากาศภายนอกเข้าไปในเนื้อผ้าได้ เสื้อกันหนาวสำหรับไปเกาหลีนั้นควรจะพกไว้สองแบบ แบบแรกสำหรับเล่นหิมะ และแบบที่สองสำหรับเดินในเมืองเท่ๆ อาจจะเป็น Coat ก็ได้ไม่ซีเรียส
ถุงมือ หมวก ผ้าพันคอ รองเท้า และ Accessories ต่างๆ ที่จะช่วยป้องกันความหนาวได้ เราไม่สามารถเลือก Accessories ประเภทแฟชั่นเพื่อความสวยงามเพียงอย่างเดียวได้ หลักๆ เลยคือเน้นป้องกันความหนาวเย็นไว้ก่อนเลยครับ เพราะผมเชื่อว่าคนไทยที่ไปเที่ยวเกาหลีทุกคนมีความอดทนต่อความหนาวแบบโหด ร้ายได้น้อยกว่าคนเกาหลีหลายเท่า
เสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายทั้งหมดนี้หากเราขาดตกบกพร่องอย่างไรในการเตรียม ตัวก็ไม่ต้องกังวลครับ เพราะว่าที่เกาหลีมีขายเยอะแยะมาก ราคาก็พอๆ กับบ้านเราเลย ขอเพียงมีชีวิตเดินทนหนาวออกจากสนามบินไปที่ร้านให้ได้เท่านั้นก็ไม่มีปัญหา ครับ
เสื้อผ้าแฟชั่นในฤดูหนาวของคนที่นั่นต้องยอมรับจริงๆ ครับว่าเขาเป็นเมืองแฟชั่นโดยแท้ ปกติผมใส่ชุดกันหนาวที่สนามบินสุวรรณภูมิ ผมว่าผมดูดีมากถ้าเทียบกับคนไทยด้วยกัน แต่พอไปถึงเกาหลี ผมดูถ่อยยังไงไม่รู้ รู้สึกแย่ๆ อยากเปลี่ยนชุด แต่เปลี่ยนไม่ได้ครับ คนเกาหลีนิยมใส่เสื้อ Coat ซึ่งมีช่องให้ลมเข้ามากกว่าเสื้อกันหนาว ทำให้รู้สึกเย็นยะเยือกเมื่อใส่ทำเท่เหมือนคนอื่น แต่หากใครที่ไม่ซีเรียสและต้องการประกาศให้โลกรู้ว่าเราไม่ตกเทรนด์ แนะนำซื้อ Coat ไว้สักตัวครับ เพราะว่าของเขาเท่จริงๆ ราคาที่เกาหลีตีเป็นเงินบาทก็ตกอยู่ที่ 1,500-3,500 บาทครับ (ไม่ถือว่าแพงนะถ้าเทียบกับเสื้อผ้าแฟชั่นแบรนด์ที่มีขายในบ้านเรา)
มาดูที่แฟชั่นของผู้หญิงจะนิยมใส่กางเกงเลคกิ้งที่เหมือนถุงน่องบางๆ คู่กับ Coat พร้อมด้วยผ้าพันคอเป็น Accessories เสริม ใส่แล้วน่ารัก เดี๋ยวนี้บ้านเราเริ่มมีคนใส่เดินในห้างสรรพสินค้าให้เห็นกันบ้างประปราย
โลชั่น ครีมทาผิว ลิปสติก
สำหรับผิวหน้าและผิวกายที่ต้องการดูแลเป็นพิเศษ หากไม่ได้สวมถุงเท้าหรือเสื้อแขนยาวแล้วผิวแตกแน่นอนครับ ส่วนที่ผิวแห้งมากที่สุดมักจะเป็นใบหน้าบริเวณจมูก, ปาก, ท่อนแขนและท่อนขา เราจึงควรเตรียมโลชั่นไว้ทาบำรุงให้ผิวชุ่มชื้นอยู่เสมอ และพกลิปสติกหรือวาสลีนไว้ทาปากเพื่อไม่ให้ปากแห้งด้วยครับ อากาศหนาวมากๆ เรามักจะมีน้ำมูกใสๆ ไหลออกมาอยู่บ่อยๆ หากพกทิชชู่ติดตัวไว้เช็ดด้วยจะดีมาก
แผนที่และข้อมูลการเดินทาง
สำหรับเพื่อนๆ พี่ๆ ท่านใดที่เดินทางมาแบบส่วนตัว (Private Travel หรือ Backpacker) ด้วยตนเอง จำเป็นที่จะต้องมีแผนที่หรือศึกษาข้อมูลการเดินทางให้ดีด้วยครับ (ไม่งั้นแล้วอาจจะหลงแบบผมได้) โดยเฉพาะข้อมูลจำพวกสถานีรถบัส รถประจำทาง และรถไฟฟ้าใต้ดิน (Subway) ที่จะมีชื่อสถานที่เป็นภาษาอังกฤษ ส่วนสถานที่อื่นๆ มักจะเป็นภาษาเกาหลีหมดเลยครับ แม้กระทั่งชื่อโรงแรม ถ้าไม่ดังจริงก็ไม่มีภาษาอังกฤษครับ ใครอ่านได้ก็โชคดีไป
เกี่ยวกับผู้คนที่นั่น
คนเกาหลีส่วนมากนิสัยดีครับ ให้การต้อนรับและช่วยเหลือนักท่องเที่ยวอย่างเราอย่างมีน้ำใจ แต่ติดปัญหานิดหน่อยตรงที่คนที่นั่นเค้าก็ไม่ได้เก่งภาษาอังกฤษอะไรเลย ถึงแม้เราจะใช้ภาษาอังกฤษในการสอบถามข้อมูลเป็นบางครั้ง เค้าก็จะพูดกับเราเป็นภาษาเกาหลีตลอด ส่วนคนที่พูดภาษาอังกฤษได้ เราก็มักจะฟังสำเนียงเขาไม่ค่อยออกอยู่ดี เค้าจะคล้ายคนญี่ปุ่นตรงที่จะติดสำเนียงใช้หางเสียง เช่น เราจะบอกว่าไปโรงแรม "City Park" หากเราพูดว่า "ซิตี้ พาร์ค" เขาจะไม่รู้ เราต้องบอกว่า "ซิตี้ พาร์ค เคอะ" เขาถึงจะรู้คับ (ลำบากจริง)
การซื้อสินค้า
เงินวอนที่นั่นเวลาซื้อสินค้าและบอกราคาเขาจะไม่เรียกวอนนะครับ ถ้าเป็นหลักพันจะเรียก "ชานอน" หรือ "ชอนนอน" ถ้าเป็นหลักหมื่นจะเรียก "มานอน" หรือ "มันนอน" (แล้วแต่คนถนัดออกเสียงครับ) โดยมีหลักการอ่านตัวเลขเบื้องต้นดังนี้
0 = ยอง
1 = อิล
2 = อี
3 = ซัม
4 = ซา
5 = โอ
6 = ยุก
7 = ชิล
8 = พัล
9 = คู
10 = ชิบ
เช่นสินค้าราคา 3,000 วอน เจ้าของร้านจะบอกราคาว่า "ซัมชานอน" ครับ
เช่นสินค้าราคา 30,000 วอน เจ้าของร้านจะบอกราคาว่า "ซัมมานอน" ครับ
หากพูดเกาหลีไม่ได้ก็ไม่ต้องห่วงครับ ที่ร้านค้าเขามักจะมีเครื่องคิดเลขไว้กดราคาให้นักท่องเที่ยวมึนๆ อย่างเราดูครับ หากเป็นห้างสรรพสินค้าหรือ Minimart ก็สามารถดูยอดเงินได้จากเครื่องเลยครับ
ค่าเงินเหรียญและแบงค์
เงินเหรียญที่เรามักจะเห็นและได้ใช้บ่อยๆ ก็มี 50, 100, 500 วอน
เงินแบงค์ที่ใช้อยู่บ่อยๆ ก็จะมี 1000, 5000, 10000, 50000 วอน
ในการซื้อสินค้าที่เกาหลีแนะนำว่าให้ใช้เหรียญให้หมดครับ เพราะว่าไม่สามารถนำเหรียญกลับมาแลกเป็นเงินไทยได้ (อาจจะมีบางที่รับแลกแต่ก็หายากมาก) ส่วนเงินแบงค์นั้นสามารถแลกได้ตาม Rate ปกติครับ
ราคาค่าสินค้า ของกินของใช้
ด้วยเหตุผลที่ว่าค่าแรงที่นี่มักจะแพงกว่าประเทศไทยก็เลยทำให้ค่าครองชีพแพง ไปด้วย แต่ว่าจะแพงเป็นบางอย่างครับ เช่นพวกอาหาร ส่วนสินค้าอื่นๆ ประเภทเสื้อผ้า ของใช้ ราคาจะพอๆ กับบ้านเรา และของบางอย่างอาจจะถูกกว่าด้วยซ้ำ สิ่งสำคัญของเราคือน้ำเปล่าครับ หากซื้อร้านค้าข้างนอกราคาจะอยู่ที่ 1,000-1,500 วอน/ขวด หากซื้อตามจุดท่องเที่ยวราคาจะชาร์จไปถึง 2,500-4,500 วอน/ขวด (เป็นน้ำเปล่าขวดเล็กขนาดประมาณน้ำเปล่าขวดละ 8 บาทบ้านเรา) ซึ่งเมื่อเทียบราคากับน้ำผลไม้แล้วพอๆ กันครับ น้ำผลไม้บางอย่างถูกกว่าน้ำเปล่าด้วยซ้ำ โดยเฉพาะน้ำแอปเปิ้ล, น้ำพีช, น้ำสัปปะรด เราจึงหายสงสัยได้เลยว่าทำไมไปเกาหลีแล้วกินน้ำผลไม้แทนน้ำเปล่าได้สบายๆ
ถ้าถามว่า "แล้วอย่างนี้ควรเตรียมเงินไปเที่ยวเกาหลีเยอะมากไหม?" ต้องขอตอบว่า "แล้วแต่การช็อปปิ้งของเราครับ" ถ้าไปเที่ยวแบบชิลๆ ซื้อของฝากกลับบ้านบ้างเล็กน้อย ผมคนเดียวพกไป 10,000 บาท (ถ้าคิดเป็นเงินไทย) ยังเหลือกลับมาเลยครับ (ไม่รวมค่าเครื่องบินและค่าที่พักนะ) แต่ถ้าคิดว่าจะไปช็อปปิ้ง เที่ยวจุใจ เครื่องเล่นต่างๆ กินร้านอาหารดีๆ ซื้อของฝากมากมาย ก็พกสัก 25,000 บาท ขึ้นไปจะดูไฮโซมาก
จริงๆ แล้วของที่เกาหลีก็ไม่ต่างจากของในไทยน่ะครับ บางอย่างแพงกว่า บางอย่างถูกกว่า ให้เทียบการใช้จ่ายในไทยดูก็ได้ ถ้าคิดว่าเราเที่ยวในไทยสัก 3-5 วัน เราใช้เงินเท่าไร ไปเกาหลีก็ใช้เท่านั้นครับไม่ต้องซีเรียส ทุกอย่างไม่แพงอย่างที่คิด แต่ที่แนะนำให้พกไปเผื่อก็คือ เวลามีเหตุฉุกเฉิน เช่น ป่วยเข้าโรงพยาบาลหรือเงินหายหรือเรื่องราวต่างๆ จะได้ใช้เงินสำรองแทนได้ไม่มีปัญหาครับ
ปลั๊กไฟ
ปลั๊ก Universal (เต้าเสียบที่เสียบได้ทั้งปลั๊กแบบกลมและแบบ) ซื้อจากพันทิพย์หรือร้านขายอุปกรณ์ไฟฟ้าได้เลยครับ มิเช่นนั่นแล้วกล้องถ่ายรูป, มือถือ และอุปกรณ์ไฟฟ้าของท่านจะเดี้ยงสนิท (ผมเคยกากมาแล้ว) เพราะที่เกาหลีไม่ว่าจะเป็นบ้านพัก โรงแรม รีสอร์ท ต่างๆ เป็นเต้าเสียบแบบปลั๊กกลมด้วยกันทั้งสิ้น หากใครสงสัยว่าปลั๊กกลมเป็นแบบไหน สามารถหยิบเตารีดขึ้นมาดูได้ครับ ที่มี 3 รู ปลั๊กแบบนั้นล่ะครับที่คนเกาหลีนิยมใช้กัน
Source: https://www.108trips.com/blog/kobsoft/south-korea_50