สมุนไพรแก้โรคภูมิแพ้ วัคซีนโรคภูมิแพ้ โรคภูมิแพ้ ไอไม่หยุด


983 ผู้ชม


สมุนไพรแก้โรคภูมิแพ้ วัคซีนโรคภูมิแพ้ โรคภูมิแพ้ ไอไม่หยุด      

Cordyceps for Allergy and asthma
          จากงานวิจัยทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ พบว่าถั่งเช่ามีคุณสมบัติและคุณค่าที่ดีมากในการรักษาภูมิแพ้และป้องกันโรค ภูมิแพ้ ภูมิแพ้อากาศโดยเฉพาะโรคภูมิแพ้ในระบบทางเดินหายใจ และโรคหอบหืด รวมถึงโรคทางเดินหายใจอื่นๆเช่น ถุงลมโป่งพอง โดยสามารถทำให้อาการกำเริบน้อยลง และลดความรุนแรง การศึกษาวิจัยพบว่าการทานถั่งเช่าอย่างต่อเนื่อง สามารถรักษาภูมิแพ้และควบคุมอาการของโรคภูมิแพ้ ภูมิแพ้อากาศและโรคหอบหืดให้ลดลงและหายไป จนถึงควบคุมได้อย่างสมบูรณ์ในระยะยาว มีคุณภาพชีวิตที่สูงเทียบเท่าผู้ที่ ไม่ได้เป็นโรคภูมิแพ้ หอบหืด
          โดยถั่งเช่าให้ผลในการปรับความสมดุลย์ของระบบภูมิคุ้มกัน ลดการแสดงออกและตอบสนองที่มากเกินไปของผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ หอบหืด เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของปอด และเป็นยาลดการอักเสบธรรมชาติ ลดการอักเสบของเยื่อบุทางเดินหายใจคือ เยื่อบุโพรงจมูก เยื่อบุผนังหลอดลม ทำให้ผนังหลอดลมคลายตัว หายใจสะดวก ลดและบรรเทาอาการไอและคันคอจากภาวะหลอดลมตีบ จากกลไกดังกล่าวนี้ทำให้ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ โรคภูมิแพ้อากาศ และโรคหอบหืดมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และยังมีฤทธิ์ในการขจัดเสมหะที่อุดกั้นทางเดินหายใจได้ดีอีกด้วย


          มีการใช้ถั่งเช่าทางกายแพทย์ในการรักษาโรคหอบหืดและโรคภูมิแพ้อย่างแพร่หลาย มาเป็นเวลานานหลายสิบปีแล้ว แต่กลไกการรักษาโรคหอบหืดและโรคภูมิแพ้ก็ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด จนกระทั่งในปี 2007 งานศึกษาวิจัยโดยภาควิชาสมุนไพร โรงพยาบาลซวนหวู่ มหาวิทยาลัยการแพทย์ปักกิ่ง ประเทศจีน ได้ทำการศึกษาจนสรุปกลไกการรักษาโรคภูมิแพ้อากาศ โรคภูมิแพ้ทั่วไป และโรคหอบหืดของถั่งเช่าได้เป็นผลสำเร็จ
          1. ถั่งเช่ามีฤทธิ์ในการควบคุมสมดุลย์ของ Allergen-reactive helper T cells Type I และ Type II ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการตอบสนองต่อสารก่อภูมิแพ้ที่ร่างกายได้รับ และก่อให้เกิดอาการ ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้และโรคหอบหืดมักมีการทำงานของ Type II มากเกินปกติทำให้สมดุลย์ระหว่าง Type I/II เสียไปเป็นต้นเหตุของการตอบสนองต่อสิ่งต่างๆไปในกระบวนการที่ทำให้เกิดอาการ โรคภูมิแพ้ หอบหืด ถั่งเช่าจะช่วยปรับสภาพสมดุลย์นี้ให้ปกติ เป็นจุดที่มีความสำคัญมากต่อการรักษาภูมิแพ้ หอบหืด
          2. ถั่งเช่ามีฤทธิ์ป้องกันการจับตัวของสารก่อภูมิแพ้กับระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ซึ่งผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ หอบหืดเกือบทุกรายมีกลไกนี้ไวกว่าปกติ การลดกลไกนี้ลง จะทำให้ร่างกายตอบสนองต่อสารก่อภูมิแพ้ลดลง
          3. ถั่งเช่าลดกระบวนการสร้าง Immunoglobulin E (IgE) ที่มากเกินไปในผู้ป่วยโรคภูมิแพ้และหอบหืด ซึ่ง เป็นสารเคมีที่ร่างกายสร้างขึ้นเมื่อได้รับสารก่อภูมิแพ้ เป็นตัวกระตุ้นให้อาการโรคภูมิแพ้และหอบหืดกำเริบ เนื่องจาก IgE จะเหนี่ยวนำให้มีการสร้างและปลดปล่อย Histamine,Leukotrienes และ Interleukins ที่ทำให้ร่างกายแสดงอาการ อีกทั้งยังทำให้ผนังหลอดเลือดหลวมผิดปกติและปล่อยให้สารเคมีที่เป็นตัวร้าย เหล่านี้รั่วไหลเข้าสู่เนื้อเยื่อต่างๆภายในร่างกายได้อย่างมากและเกิดการ อักเสบและตอบสนองเป็นอาการต่างๆที่เกี่ยวกับโรคภูมิแพ้และหอบหืดเช่น หลอดลมหดตัว คัดจมูก น้ำมูกไหล คันตา ผื่นคัน ฯลฯ การยับยั้ง IgE ของถั่งเช่า สำคัญอย่างมากต่อการรักษาโรคภูมิแพ้และโรคหอบหืด
          ถั่งเช่าีมีฤทธิ์ีในการปรับสภาพระบบภูมิคุ้มกันที่ทำงานมากกว่าปกติของผู้ ป่วยโรคภูมิแพ้และหอบหืด ให้กลับสู่ภาวะปกติใน 3 ส่วนหลักคือ Allergen-reactive helper T cells, การจับตัวของสารก่อภูมิแพ้กับระบบภูมิคุ้มกัน และการสร้าง IgE ทำให้ร่างกายของผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ ไม่แสดงอาการอีกต่อไปแม้ได้รับสารก่อภูมิแพ้ ผลของถั่งเช่า 3 ข้อนี้ยังให้ผลการรักษาดีเยี่ยมต่อโรคหอบหืดด้วยเพราะอาการหลอดลมหดตัวของ หอบหืดก็เริ่มต้นจากสารเคมีและกระบวนการเดียวกับอาการภูมิแพ้ ที่สำคัญถั่งเช่ายังช่วยลดอาการอักเสบเรื้อรังของผนังหลอดลมที่เป็นสาเหตุ หลักของโรคหอบหืดอีกด้วย เมื่อรักษาด้วยถั่งเช่าอย่างต่อเนื่องควบคู่กับการดูแลสุขภาพและออกกำลัง กายอย่างพอเหมาะ อาจมีผลให้ระบบภูมิคุ้มกันอยู่ตัว และหายขาดจากโรคภูมิแพ้ โรคภูมิแพ้อากาศและยังช่วยป้องกันการอักเสบและหดตัวของหลอดลม ป้องกันอาการหอบหืดกำเริบได้อย่างสมบูรณ์
          นอกจากนี้ถั่งเช่ายังมีคุณค่าเป็นยาปฎิชีวนะธรรมชาติที่ต่อต้านเชื้อเช่น Pneumococcus spp. และ Streptpcoccus spp. ไ้ด้เป็นอย่างดี เชื้อเหล่านี้เป็นสาเหตุหลักในการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ ที่จะทำให้อาการหอบหืดและภูมิแพ้แย่ลง จากการอักเสบและเสมหะที่เหนียวข้น ถั่งเช่าจึงช่วยป้องกันโรคติดเชื้อเหล่านี้ได้ เช่น ไซนัสอักเสบ หลอดลมอักเสบ ทอนซิลอักเสบ ฯลฯ


ที่มาของข้อมูล :
Hobb, C.,"Cordyceps Sinensis" in Medicinal Mushrooms, An Exploration of Tradition, Healing and Culture ,Interweave Press : Loveland, Co, 1996, pp. 81-86.
Stamet,P,."Cordyceps Sinensis" in Mycomedicinal,Mycomedia : Olympia ,WA, 1998 ,p. 22-23.










ถั่งเช่ายังมีประโยชน์และคุณค่าต่อร่างกายและสุขภาพมากมาย ที่ล้วนแล้วแต่การวิจัยทางการแพทย์รับรอง
1. ช่วยให้นอนหลับสนิท มีฤทธิ์สงบระังับ ช่วยให้อารมณ์ผ่อนคลาย ลดความเครียดและวิตกกังวล
2. ช่วยต้านเซลล์มะเร็ง และใช้ควบคู่กับการรักษามะเร็งด้วยรังสีเพื่อลดผลข้างเคียงจากการรักษามะเร็งด้วยรังสี
3. เพิ่มแรงบีบตัวของหัวใจ ลดความถี่ในการเต้นของหัวใจให้หัวใจเต้นเป็นจังหวะ 
4. ควบคุมระดับคอเลสเตอรอล และความดันโลหิต ป้องกันการแข็งตัวของเกล็ดเลือดและการเกาะกลุ่มกันของเม็ดเลือด
5. เพิ่มสมรรถภาพทางเพศชาย
6. ลดระดับน้ำตาลในเลือด เพิ่มความไวของร่างกายต่อฮอร์โมน Insulin ในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้เป็นปกติ
7. ชลอความเสื่อมของเซลล์และอวัยวะต่างๆภายในร่างกาย มีฤทธิ์เป็นสาร Antioxidant ที่มีความแรง
8. บำรุงสมอง ทำให้ความจำดีขึ้น มีสารธรรมชาติคือ Glutamic acid ,Tryptophan และ Tyrosine ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย
9. เพิ่มการดูดซึมของสารอาหารอื่นๆ
10. ประสิทธิภาพสูงในการฟื้นฟูการทำงานของไตในผู้ป่วยไตล้มเหลว หรือใช้เพื่อลดผลข้างเคียงในการใช้ยาที่มีพิษต่อไต
11. ลดอาการวิงเวียนศรีษะเรื้อรัง เวียนหัว มึนหัว บ้านหมุน ไมเกรน เพิ่มปริมาณการไหลเวียนโลหิตไปเลี้ยงสมองและหูส่วนใน
ถั่ง เช่าเป็นอาหารทรงคุณค่า ที่รับประทานได้ทุกเพศทุกวัยเพื่อการดูแลสุขภาพที่ดียิ่งขึ้น ไม่เีพียงแต่การรักษาโรคภูมิแพ้อากาศ หอบหืดเท่านั้น แต่จะทำให้สุขภาพโดยรวมดีขึ้น ยิ่งเสริมให้ร่างกายสามารถสู้กับภาวะภูมิแพ้และหอบหืดไ้ด้ดียิ่งขึ้นอีก
          มีการศึกษาวิจัยเพื่อนำถั่งเช่ามาใช้ในการรักษาโรคต่างๆ ทั้งการใช้เดี่ยวๆและการใช้ร่วมกับยามากมาย ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ โดยในประเทศไทยผู้ที่ทำการศึกษาเกี่ยวกับคุณประโยชน์ของถั่งเช่าอย่างจริง จังคือ นพ.สมยศ กิตติัมั่นคง หัวหน้ากลุ่มโรคเอดส์ สำนักโรคเอดส์ วัณโรค และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข และได้ทำการเปิดเผยผลการศึกษาบางส่วนลงในหนังสือพิมพ์ทุกฉบับเมื่อวันที่ 30 มกราคม 2553 โดยยืนยันถึงคุณค่าในการดูแลสุขภาพหลายๆด้าน เช่นช่วยในเรื่องระบบทางเดินหายใจ  อาการไอ ภูมิแพ้ ถุงลมโป่งพอง หลอดลมอักเสบ ลดระดับน้ำตาลในเลือด ลดอาการอ่อนเพลีย ทำให้ร่างกายสดชื่น ความจำดีขึ้น ลดความดันโลหิต ลดการอักเสบ ต้านมะเร็ง ชลอความชรา ฯลฯ


ความรู้เกี่ยวกับโรคภูมิแพ้ ภูมิแพ้อากาศ และโรคหอบหืด
โรค ภูมิแพ้และหอบหืดแท้จริงแล้วเกิดจากระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายเราเองที่ตอบ สนองต่อสิ่งแวดล้อมบางชนิดไวและรุนแรงกว่าปกติกว่าคนทั่วไป ซึ่งมีความสัมพันธ์กับโรคหอบหืดเนื่องจากอาการจากภาวะภูมิแพ้จะทำให้โรคหอบ หืดกำเริบหรือมีอาการแย่ลง ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้จะมีอาการที่รบกวนการดำเนินชีวิต จากการแพ้สิ่งต่างๆที่คนทั่วไปไม่แพ้เช่น ภูมิแพ้อากาศ ฝุ่นผง ควัน ไปจนถึงภูมิแพ้วัสดุต่างๆ เช่นเหล็ก เงิน ทองแดง ตะกั่วฯลฯ สิ่งเหล่านี้เรียกว่าสารก่อภูมิแพ้ ซึ่งเป็นตัวปัญหาที่ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้และหอบหืดต้องหลีกเลี่ยงให้ไกล อาการภูมิแพ้ที่แสดงออกได้บ่อยมีดังนี้
          1. โรคภูมิแพ้อากาศ คัดจมูก น้ำมูกไหล หายใจลำบาก ร่วมกับมีเยื่อโพรงจมูกอักเสบทำให้แสบจมูก บางรายอาจมีอาการไอและมีเสมหะหรือหายใจดังวี้ดซึ่งเป็นอาการของโรคหอบหืดที่ เกิดจากหลอดลมตีบตัว ผู้ที่เป็นโรคหอบหืดร่วมกับภูมิแพ้จะมีอาการหอบหืดกำเริบบ่อยครั้ง เนื่องจากอาการแพ้จะทำให้เกิดการปลดปล่อยสาร ฮิสตามีน ที่ทำให้หลอดลมหดตัว นอกจากนี้หากปล่อยอาการภูมิแพ้ไว้อาจมีการติดเชื้อซ้ำในระบบทางเดินหายใจได้ ง่าย เช่น ไซนัสอักเสบ ทอนซิลอักเสบ คออักเสบ หรือติดเชื้อลึกลงไปในระบบทางเดินหายใจส่วนล่างคือหลอดลม และปอด
          2. โรคภูมิแพ้ที่แสดงออกทางผิวหนัง ได้แก่ผื่นคัน หรือผิวหนังอักเสบ ซึ่งอาจเกิดเป็นบริเวณกว้าง และเป็นลวดลายตามรูปร่างสารก่อภูมิแพ้ที่ได้สัมผัส
          3. โรคภูมิแพ้ที่มีอาการที่ตา ตาแดง คันตา ร่วมกับมีน้ำตาไหลมาก
          สำหรับผู้ที่มีโรคภูมิแพ้ โรคภูมิแพ้อากาศ หอบหืดเป็นโรคประจำตัวควรสังเกตุว่าตนเองเกิดอาการโรคภูมิแพ้ หอบหืดเมื่ออยู่ใกล้หรือสัมผัสกับสิ่งใด อะไรเป็นสารก่อภูมิแพ้ต่อร่างกายตนเองแล้วหลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านั้นให้ได้มาก ที่สุด วิีธีนี้เป็นหนทางที่ดีที่สุดเพื่อลดอาการของโรคภูมิแพ้ หอบหืด นอกจากนี้ยิ่งถ้าเราสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้มากและบ่อยเท่าใด ยิ่งเป็นการกระตุ้นให้ระบบภูมิคุ้มกันที่ทำงานไวกว่าปกติอยู่แล้ว ตอบสนองต่อสารก่อภูมิแพ้ได้ไวและรุนแรงมากยิ่งขึ้น ทำให้อาการโรคภูมิแพ้และหอบหืดแย่ลง และรักษาภูมิแพ้ หอบหืดได้ยากยิ่งขึ้น
แหล่งข้อมูล https://www.weloveshopping.com
......................................................................................................................................

โดย : นพ.กฤษดา ศิรามพุช ศูนย์เวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ
    เดี๋ยวนี้บรรดาสิ่งรอบตัวล้วนดูไม่แข็งแรงแน่นอนกันไปหมด ไม่ว่าจะปลากระป๋องต้องคืน หรืออากาศที่หนาวไม่ลืมหูลืมตาไม่น่าเกิดขึ้น
    เลยทำให้บรรดาผู้คนน้อยใหญ่ป่วยไข้หายใจฟืดฟาดมีแต่เสียงน้ำมูกดัง ประสานโดยทั่วกัน และเมื่อแน่นมากทนไม่ไหวไปหาคุณหมอบางท่านก็บอกว่าเป็นไข้หวัดธรรมดาบ้าง หรือเป็นภูมิแพ้บ้าง

    อย่างหลังพบบ่อยที่สุดเวลาที่เป็นหวัดประเภท “ดื้อด้าน” รักษาเท่าไรไม่หายสักที บางครั้งอาการแน่นจมูกมีน้ำมูกที่ดูเป็นเรื่องธรรมดาอาจนำพาโรคร้ายมาหา อย่างที่เราคาดไม่ถึงก็เป็นได้ โดยเฉพาะโรคภูมิคุ้มกันไวเกินหรือที่เรียกขานกันทั่วไปว่า “ภูมิแพ้”
    โรคภูมิแพ้ถูกจัดอยู่ใน “ถังขยะ”ของแพทย์มานานนม แถมเป็น “ถังขยะใบใหญ่” เสียด้วย เป็นต้นว่าถ้ามีน้ำมูกใสไหลตอนเช้าก็มักถูกพิพากษาว่าน่าจะแพ้ หรือแค่ไอค็อกแค็กคันคอรอชวนป๋วยไม่ไหวก็ว่าน่าจะภูมิแพ้ลงคอ เรื่อยไปจนถึงคันจมูกคันตายุบยิบแน่นจมูกขี้มูกไหลไม่หายก็ว่าเป็นภูมิแพ้
    ไม่ใช่แค่เพียงระบบหายใจเท่านั้น หากแต่ลามไปถึงผิวหนังทั้งกายด้วยว่า ถ้าหากมีผื่นคันขึ้นมาหาสาเหตุไม่ได้ก็โทษผู้ร้ายที่พูดไม่ได้ชื่อว่า “ภูมิแพ้” เอาไว้ก่อน นี่จึงเป็นเหตุให้ผมขออนุญาตเลือกเรื่องนี้เข้ามาคุยกันวันนี้ครับ
   เรื่องมันมีอยู่ว่า ...
    หนุ่มน้อยรายหนึ่งมาหาด้วยสีหน้าวิตกกังวล มาขอคำปรึกษาว่าเขาเป็นโรคที่รักษาไม่ได้ ดูน่าทอดอาลัยไร้หวัง พอฟังไปฟังมาเขาถึงเฉลยว่าเป็นภูมิแพ้เพราะมีอาการแน่นจมูกถึงขนาดนอนไม่ได้ สูดหายใจไม่ได้กลิ่น มีอาการไอค็อกแค็กไม่หายเสียทีมานานวัน เปิดอินเตอร์เน็ทหาข้อมูลดูก็ล้วนแต่บอกว่ารักษาไม่หายทั้งนั้น ยิ่งอ่านยิ่งท้อใจ
1) เยื่อบุโพรงจมูกอักเสบจากเชื้อหวัดธรรมดา
2) ริดสีดวงจมูก ลักษณะเป็นก้อนเนื้องอกใสคล้ายเนื้อลำไย
3) โพรงไซนัสอักเสบเฉียบพลัน
4) มะเร็งหลังโพรงจมูก

    ยังมีอีกมาก มายครับ จะเห็นว่าโอกาสเป็นได้ตั้งแต่โรคจิ๊บๆ อย่างหวัดธรรมดาไปจนถึงโรค “ขั้นเทพ” อย่างมะเร็งเลยทีเดียวซึ่งจะมีอาการคัดจมูกชอบสั่งน้ำมูกแต่สั่งเท่าไรก็ไม่ ออกเสียทีเพราะมันคือก้อนมะเร็งที่คัดอยู่ข้างในต่อให้สั่งจนขนจมูกร่วงก็ ไม่มีน้ำมูกออกมาให้ยล
    สำหรับหนุ่มน้อยรายนี้พอจับมาส่องโพรงจมูกดูก็ปรากฏว่า ที่จริงแล้วเขาเป็นก้อนริดสีดวงจมูกหนึ่งยวงเลยทำให้แน่นจมูก และ “จมูกบอด” อดได้กลิ่นอาหารพาลกินไม่อร่อย พอรู้ตัวผู้ร้ายอย่างนี้แล้วคนไข้ก็มีกำลังใจขึ้นเยอะเหมือนความลับถูกคลี่ คลายหมอดูทายแม่นก็มีกำลังใจขึ้นมาอีกครั้ง เลยแนะนำให้ไปออกกำลังกายโดยการวิ่งอย่างน้อยวันละ 30 นาที ถี่สักสี่ครั้งต่อสัปดาห์
    มีข้อแม้อย่างประการเดียว คืออย่าไปว่ายน้ำเพราะจะยิ่งทำให้แน่นจมูกเหมือนถูกผูกอีก และนอกจากนั้นก็ขอให้เลี่ยงการใช้ยาพ่นนานาพันธุ์สรรหาเข้าสู่รูจมูกเพราะ ส่วนใหญ่เป็น “สเตียรอยด์” ซึ่งจะคอยไปเป็นปุ๋ยเร่งให้ก้อนริดสีดวงงามขึ้นจนส่งเข้าประกวดได้ แล้วก็แถมด้วยแนะนำว่าให้หาวิตามินซีมากินสักวันละพันถึงสองพันมิลลิกรัม และถ้าขี้เกียจกินก็ใช้เป็นกินฝรั่งกลมสาลี่สักวันละครึ่งกิโลก็ได้ไม่ยาก เย็น
    ที่สำคัญคือต้องให้ไปหาหมอหูคอจมูกให้ท่านค่อยๆทำคลอดเอาเจ้าก้อนเนื้อ ลำไยในจมูกออกเสีย โดยสรุปการรักษาอาการที่สงสัยไม่แน่ใจว่าจะเป็นภูมิแพ้ด้วยตัวท่านเองแบบไม่ ต้องกลัวเสี่ยงจากผลข้างเคียงนั้นก็มี
1) ออกกำลังกายให้ได้วันละ 30 นาทีอย่างน้อย 4 ครั้งต่ออาทิตย์
2) เลี่ยงใช้สเตียรอยด์พ่นจมูกบ่อยจนเกินจำเป็น เพราะตอนแรกมักจะดีแต่ต่อไปอาจแย่หนักเรียกว่าโยโย่กลับมาแน่นทรมานกว่าเดิม
3) เติมวิตามินซีสักวันละหนึ่งถึงสองเม็ดใหญ่ ไม่งั้นก็กินผักเขียวอย่างบร็อคโคลีและฝรั่งให้มากขึ้น และควรกินทุกวัน
4) อย่าหาเรื่องไปว่ายน้ำหรือเล่นน้ำเย็นจัดนานๆ เพราะจะพาลทำให้แน่นขึ้นหรือหนักหน่อยก็กลายเป็นโพรงหนองในไซนัสกำจัดยากเป็นที่สุด
    อุทหรณ์เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า อย่าเพิ่งเชื่อทางอินเตอร์เน็ทเสียทีเดียว แล้วท่านก็จะรู้ว่ายังมีโรคอีกมาก ที่คล้ายกันกับโรคที่เรามักคิดไกลไปถึงก่อนแล้วก็ตีขลุมไปว่าน่าจะเข้าขั้น ตรีทูตหมดกำลังใจไปรักษา อย่างหนุ่มแน่นจมูกรายนี้ต่อมาก็หายดีไม่มีแน่นจมูกอีกแถมเรื่องภูมิแพ้ยัง ไม่ต้องพูดถึง เพราะแค่หวัดยังไม่ค่อยเป็นเลย
    เห็นไหมครับจากเดิมที่เคยหมดหวังนั่งทุกข์ว่าเป็นโรคที่รักษาไม่ หายอย่างภูมิแพ้และโทษชะตาชีวิตว่ามาเกิดกับเรา พอเอาเข้าจริงแล้วไม่ได้เลวร้ายอย่างนั้น ขอเพียงให้เรามีกำลังใจและดูให้แน่ว่าไม่ได้เผลอไปตัดสินชีวิตคิดสั้นปิด กั้นความหวังฝังตัวเองลงสู่ “ถังขยะใบใหญ่แห่งวงการสุขภาพ” เข้า ก็เท่านั้นเองครับ

แหล่งข้อมูล https://www.never-age.com

อัพเดทล่าสุด