อาหารเสริมสำหรับโรคภูมิแพ้ สมุนไพรรักษาโรคภูมิแพ้อากาศ วิธีแก้โรคภูมิแพ้อากาศ


2,307 ผู้ชม


อาหารเสริมสำหรับโรคภูมิแพ้ สมุนไพรรักษาโรคภูมิแพ้อากาศ วิธีแก้โรคภูมิแพ้อากาศ  

                 โรคภูมิแพ้ต้องแก้ที่สาเหตุ

 

    สาเหตุของโรคภูมิแพ้

     เป็น เพราะว่าระบบภูมิคุ้มกันมีปฎิกิริยาที่ไวเกินไปในการตอบสนองสิ่งแปลกปลอมแบบ ผิดปกติ ทั้งๆที่สิ่งแปลกปลอมนั้นไม่มีอันตรายกับร่างกาย แต่เป็นความเข้าใจผิดของร่างกายที่คิดว่าสิ่งแปลกปลอมบางอย่างเป็นอันตราย จึงมีปฎิกิริยาตอบสนอง โดยการผลิตสารภูมิต้านทานขึ้นเพื่อกำจัดและทำลายสิ่งแปลกปลอมนั้น และแทนที่สารภูมิต้านทานที่ร่างกายผลิตขึ้นจะเป็นเครื่องปกป้องร่างกาย กลับกลายเป็นว่ามันเป็นตัวกระตุ้นให้ร่างกายเจ็บปวดเสียเอง จึงทำให้เกิดอาการแพ้ เช่น ไข้ละอองฟาง

    อาการของโรคภูมิแพ้

     ปฎิ กิริยาภูมแพ้จากสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นกับแต่ละคนนั้นจะแสดงอาการต่างกันไป แม้แต่สารชนิดเดียวกันก็ตาม เช่น การเกิดอาการแบบเฉียบพลัน คือ แพ้ละอองเกสรดอกไม้ ทำให้หายใจไม่สะดวก น้ำมูกไหล หรือคันตา ตาแดง หากแพ้อาหารก็อาจจะอาเจียน มีผื่นคันขึ้นตามผิวหนัง มีอาการหืด ผิวหนังอักเสบ หรือเกิดอาการช๊อค ส่วนอาการที่ไม่เฉียบพลัน คือ แพ้เครื่องประดับที่เป็นนิเกิล หรือกาวลาเท็กซ์ เมื่อเกิดอาการแพ้ผิวหนังจะอักเสบ

   การวินิจฉัยโรคภูมิแพ้

     เมื่อไม่รู้สาเหตุของการแพ้ควรไปปรึกษาแพทย์ แพทย์จะสอบถามและทดสอบด้วยปลาสเตอร์บนหลัง และตรวจเลือด หรือใช้วิธีเทสต์ด้วยการสะกิดผิวหนังให้เป็นแผลเล็กๆ แล้วหยดน้ำยาที่มีสารต้องสงสัยว่าจะทำให้เกิดปฎิกิริยาภูมิแพ้ลงไป เมื่อหาสาเหตุของภูมิแพ้ได้ เราก็ควรจะหลีกเลี่ยงเท่าที่จะทำได้ หากเป็นโรคภูมิแพ้ที่เกิดจากการสัมผัสก็ไม่น่ามีปัญหา

   วิธีป้องกันโรคภูมิแพ้

     . ที่สำคัญก็คือต้องรักษาสุขภาพให้แข็งแรง กินอาหารที่มีประโยชน์ นอนหลับให้เพียงพอ ไม่เครียด หลีกเลี่ยงสารพิษและพยายามมองโลกในแง่ดีก็จะช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันโรคแข็ง แรงขึ้น เพราะผู้ที่ใช้ร่างกายและจิตใจจนอ่อนล้า จะทำให้ประสิทธิภาพของภูมิคุ้มกันน้อยลง ทำให้ตอบสนองต่อการรุกรานของสิ่งแปลกปลอมได้ไม่ดีเท่าที่ควร ส่งผลให้เจ็บป่วยได้ง่าย
 
     . หากแพ้ฝุ่นไรในบ้าน ก็ควรเปลี่ยนมาใช้ฟูกที่มีลักษณะพิเศษที่ป้องกันฝุ่นไรได้ดี และควรซักผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน ด้วยอุณหภูมิ 60 องศา และนำผ้าที่ซักรีดเรียบร้อยแล้วให้เก็บไว้ในตู้เสื้อผ้า รักษาความสะอาดของบ้านและเฟอร์นิเจอร์ 
     . ปิดหน้าต่างก่อนค่ำ เนื่องจากละอองเกสรของดอกไม้จะฟุ้งกระจายเมื่ออากาศเย็นลง
 
     . ทาวาสลีนไว้ในรูจมูก เพื่อดักจับละอองเกสรดอกไม้ไม่ให้เข้าไปในจมูกและเยื่อบุช่องคอ 
     . สระผมทุกเย็น เพราะว่าฝุ่นละอองเกสรดอกไม้ที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้นั้นอาจเกาะติดกับเส้นผม (แต่ควรเป่าผมให้แห้งก่อนนอนทุกครั้ง) 
     . สวมแว่นกันแดดที่ปกปิดดวงตาได้มิดชิด เพื่อไม่ให้ฝุ่นและละอองเกสรดอกไม้เข้าตา

     การรักษาโรคภูมิแพ้

     ปัจจุบันผู้ที่ป่วยเป็นโรคภูมิแพ้สามารถรับการฉีดวัคซีนได้โดยการฉีดสารต้อง สงสัยว่าจะเกิดภูมิแพ้เข้าไปในร่างกายผู้ป่วย เพื่อให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันเฉพาะต่อสารภูมิแพ้นั้น โดยจะเพิ่มขนาดขึ้นเรื่อยๆและต้องได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาสาม ปี ซึ่งผู้ป่วยต้องไปโรงพยาบาลเป็นประจำเพื่อฉีดสารภูมิแพ้เป็นช่วงๆตลอดทั้งปี ผู้ที่ควรได้รับการฉีดวัคซีนควรเป็นผู้ที่มีอาการน้ำมูกไหลเป็นเวลานานถึง สี่อาทิตย์ติดต่อกัน การรักษาด้วยการฉีดวัคซีนในปัจจุบันนั้น ใช้ได้กับผู้ป่วยที่แพ้ละอองเกสรดอกไม้ ขนสัตว์ พิษแมลงสัตว์กัดต่อย หรือไรฝุ่น ในอนาคตอาจมีวัซีนที่สามารถรักษาอาการภูมิแพ้อย่างอื่นๆอีก เพราะวิวัฒนาการทางการแพทย์มีการค้นคว้าวิจัยกันอยู่เสมอ

แหล่งข้อมูล https://www.xn--m3cefb5ag4jcn2czl.com

............................................................................................................

อาหารเสริมสำหรับโรคภูมิแพ้ สมุนไพรรักษาโรคภูมิแพ้อากาศ วิธีแก้โรคภูมิแพ้อากาศ 


อาหารเพื่อสุขภาพ


สยบภูมิแพ้ด้วยอาหาร (e-magazine)

          โรคภูมิแพ้เป็นโรคประจำตัวอันดับต้น ๆ ของคนเมือง ที่ชีวิตพัวพันอยู่กับฝุ่นละอองจากควันรถยนต์ โดยเฉพาะในเด็กและวัยรุ่นมีผู้ป่วยเป็นโรคภูมิแพ้มากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งสาเหตุของการเกิดโรคก็มีทั้งมาจากมลพิษในอากาศและสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยน แปลงไป การขาดการออกกำลังกาย กรรมพันธุ์ อาหารที่รับประทานเข้าไป แต่ถ้าเรารู้จักเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และเหมาะสม จากสาเหตุของการเกิดโรค ก็อาจเปลี่ยนเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยป้องกันการเกิดอาการภูมิแพ้ได้เช่นกัน
          การทานอาหารสำหรับคนเป็นภูมิแพ้ ถือว่าไม่ยุ่งยากเหมือนกับวิถีการกินของผู้ป่วยที่เป็นโรคอื่น ๆ โดยผู้ที่เป็นภูมิแพ้อาจต้องเลือกรับประทานอาหารที่ต้องคำนึงถึงฤทธิ์ร้อน และฤทธิ์เย็น เพราะถ้าร่างกายของเราไม่มีความสมดุล มีภาวะร้อนเกินหรือเย็นเกิน ร่างกายจะแสดงอาการป่วยและภาวะของโรคต่าง ๆ ออกมา
          เมืองไทยเป็นประเทศเมืองร้อน คนส่วนใหญ่จะมีร่างกายในเชิงฤทธิ์ร้อนมากกว่าชาวตะวันตก ดังนั้นควรเลือกรับประทานประเภทฤทธิ์เย็น เช่น การทานผักผลไม้ สมุนไพร หรือน้ำพริก แต่ทว่าในปัจจุบันหลาย ๆ คนมักทานอาหารเลียนแบบชาวตะวันตก ชนิดที่ว่าเน้นเนื้อนมไข่ จำพวกแฮมเบอร์เกอร์ มันฝรั่งทอด ขนมเค้ก ซึ่งอาหารพวกนี้มีน้ำตาล และไขมันสูง ส่งผลให้ร่างกายเพิ่มความเป็นฤทธิ์ร้อนมากขึ้น โดยจะมีอาการที่แสดงออกทางรางกายจากภาวะเสียสมดุลเพราะมีความเป็นฤทธิ์ร้อน มากเกินไป เช่น หน้าแดง ตาขาวเริ่มมีสีแดง อุณหภูมิในร่างกายสูง และด้วยอาการดังกล่าวก็ส่งผลให้โอกาสที่จะเกิดผื่นคัน ภูมิแพ้ก็มีสูง
          ทั้ง นี้ โรคภูมิแพ้ซึ่งเป็นโรคซึ่งเกิดจากสภาวะร้อนภายในร่างกายมาก และเกิดการสะสมมานาน ผู้ป่วยจึงควรเร่งปรับสมดุลให้ร่างกายด้วยการรับประทานอาหารฤทธิ์เย็นอย่าง สม่ำเสมอและต่อเนื่อง พร้อมทั้งหลีกเลี่ยงอาหารดังนี้คือ
อย่าได้แตะถ้าเป็นภูมิแพ้
           หลีกเลี่ยงอาหารในกลุ่มที่มีคาเฟอีน เช่น ชา กาแฟ
           หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์จากนม เช่น เค้ก เบเกอรี่ ไอศกรีม ช็อกโกแลต
           หลีกเลี่ยงสารเคมีปรุงแต่งอาหาร และสารปนเปื้อน เช่น ฟอร์มาลินในอาหารทะเล สีสังเคราะห์ สารกันบูด ผงชูรส ยาฆ่าแมลง
           เลือกรับประทานผัก และผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ(Antioxidant) หรือยาธรรมชาติ ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน ป้องกันโรคหวัด ภูมิแพ้ ติดเชื้อง่าย
           เลือกรับประทานอาหารที่ใช้น้ำมันไม่ผ่านความร้อน
           ใช้เครื่องปรุงธรรมชาติ เช่น ซีอิ๊วหมักธรรมชาติ,มิโซะ, เต้าเจี้ยว, บ๊วยดอง, ขิง เป็นต้น
เมนูแนะนำเพื่อสู้ภูมิแพ้
           เช้า : สลัดไก่และน้ำมันมะกอก ซุปฟักทองราดน้ำมันงา ข้าวโพดต้ม 1 ฟัก น้ำมะพร้าวพร้อมเนื้อ
           กลางวัน : ข้าวกล้องโรยงาดำ ปลาแซลมอลนึ่งพร้อมผักออร์แกนิกและน้ำจิ้มแจ่ว น้ำส้มหรือน้ำฝรั่งคั้นสด กล้วยน้ำว้า 2 ลูก
           เย็น : ข้าวกล้อง แกงส้มปลาช่อน ยำใหญ่ใส่สารพัด น้ำถั่วเขียวต้มใส่ขิง เพื่อเพิ่มความร้อนให้แก่ร่างกายในฤดูหนาว
           เมนูเสริม : ต้มยำไก่บ้าน ปอเปี๊ยสดใส่กุ้ง แหนมเนือง โซบะน้ำใส่มิโซะหมู
          เห็น หรือยังว่า บางครั้งการสู้กับโรคร้ายต่าง ๆ ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ยาหรือสารเคมีเสมอไป เพราะอาหารดี ๆ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายสามารถทำให้คุณแข็งแรงและพร้อมสู้กับวันที่แสน วุ่นวาย

แหล่งข้อมูล https://www.healthmee.com

อัพเดทล่าสุด