นิทานสอนใจ ภาพประกอบ นิทานสอนใจ การทำงาน นิทานสอนใจผู้นำ
เวลาของใครถูก ข้อคิดสำหรับผู้นำ
เวลาของใครถูก ข้อคิดสำหรับผู้นำ เป็นเรื่องสำคัญสำหรับเราถ้าเราจะประสบความสำเร็จ เราต้องทำตามและเลียนแบบ ผู้นำที่ถูกต้อง เราควรจะมีผู้นำที่เป็นแบบอย่างซึ่งมีลักษณะที่ดี มีคุณค่ามีความน่าเชื่อถือ เรื่องสั้นส่งเสริมด้านคุณธรรม
มีชายหัวหน้าคนงานคนหนึ่งทำงานที่โรงงาน ทุกเช้าระหว่างทางที่เขาไปทำงาน เขาก็จะผ่านร้านขายนาฬิกา เขาก็จะหยุดที่ร้านและตั้งเวลาที่นาฬิกาข้อมือของ เขาและเดินต่อไปเพื่อไปทำ งาน เขาทำเช่นนี้ทุกๆวัน เจ้าของร้านนาฬิกาก็สงสัยอยากรู้ว่าทำไมเป็นเช่น นั้น วันหนึ่งเมื่อชายคนนั้นมาหยุดที่หน้าร้าน เขาก็เลยถามว่า เขาทำอะไรน่ะ ชายหัวหน้าคนงานตอบว่าเขาเป็นหัวหน้าคนงานของโรงงานแห่งหนึ่งทุกๆวันเขาก็จะ ต้องทำหน้าที่ในการ สั่นกระดิ่งเพื่อให้สัญญานบอกว่า ถึงเวลา 5 โมงเย็นเป็นเวลาเลิกงานของวันนั้นแล้ว เขาต้องการความเที่ยงตรงในเวลานั้น มาก ดังนั้นทุกๆ วัน เขาก็จึงต้องมาที่นาฬิกาเรือนใหญ่ของร้านนี้และปรับเวลาที่นาฬิกาข้อมือของ เขาให้ตรงกับนาฬิกาเรือนนี้ เจ้าของร้านนาฬิกาก็หัวเราะและพูดว่า จริงๆแล้วเมื่อผมได้ยินสัญญาณจากโรงงาน ผมก็รีบกลับไปตั้งเวลาของผมเช่นกัน
https://www.tumsrivichai.com
...................................................................................
"ลิง กับ ลา" เรื่องสั้น สอนใจ ผู้นำ
"ลิง กับ ลา"
หญิงชาวบ้านคนหนึ่งอาศัยอยู่คนเดียวในกระท่อม ด้วยความเหงา นางจึงหาสัตว์มาเลี้ยงไว้เป็นเพื่อนสองตัว
คือ ลิงและลา
วันหนึ่งหญิงชาวบ้านคนนี้ ต้องออกไปตลาด เพื่อซื้ออาหาร ก่อนออกจากบ้าน เธอได้เอาเชือกมาผูกคอลิง แล้วมัดขาของลาเอาไว้ทั้งสองข้าง เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์เลี้ยงทั้งสองตัว เดินย่ำไปมาในกระท่อม จนทำให้ข้าวของ ต่างๆ ได้รับความเสียหาย
ทันที ที่หญิงชาวบ้านออกจากบ้านไป ลิงซึ่งมีความฉลาดและแสนซน เป็นคุณลักษณะประจำตัว ก็ค่อย ๆ คลายปมเชือกออกจากคอของมัน อีกทั้งยังซุกซนไปแก้เชือกมัดขา ให้แก่ลาอีกด้วย หลังจากนั้นเจ้าลิงก็กระโดดโลดเต้น ห้อยโหนโจนทะยานไปทั่วกระท่อมจนทำให้ข้าว ของต่างๆ ล้มระเนระนาดกระจัดกระจายไปทั่ว อีกทั้งยังซุกซนรื้อค้น เสื้อผ้าของหญิงชาวบ้าน มาฉีกกัดจนไม่เหลือชิ้นดี ในขณะที่ลาได้แต่มองดูการกระทำของเจ้าลิงอยู่เฉย ๆ
สัก ครู่หนึ่ง หญิงชาวบ้านคนนี้ก็กลับมาจากตลาด เจ้าลิงมองเห็นเจ้าของเดินมาแต่ไกลจากทางหน้าต่าง ก็รีบเอาเชือกมาผูกคอตนไว้ อย่างเดิมและอยู่อย่างสงบนิ่ง
ฝ่ายหญิงชาวบ้านเมื่อเปิดประตูกระท่อมเข้ามาเห็นข้าวของของตนถูกรื้อค้น กระจุยกระจายเช่นนั้นก็เกิดโทสะขึ้นทันที หันมองลิงและลาเพื่อดูว่าใครเป็นผู้ก่อเรื่อง และ เห็นว่าลาไม่มีเชือกผูกขาดังเดิม เธอก็คิดเอาเองว่าเจ้าลานี่เอง คือตัวปัญหา ทำ ให้กระท่อมของเธอมีสภาพไม่ต่างจากโรงเก็บขยะ ดังนั้นหญิงชาวบ้านจึงวิ่งไปหยิบท่อนไม้นอกบ้านมาทุบตีลาอย่างรุนแรง ซึ่งเจ้าลาผู้น่าสงสารก็ได้แต่ส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดจนสิ้นใจโดยไม่ สามารถทำ อะไรได้เลย
เธอทั้งหลาย...
เธอหลายคนคงไม่ค่อยชอบตอนจบ ของนิทานเรื่องนี้ นัก เพราะสงสารเจ้าลา ที่ไม่ได้ทำความผิดอะไร แต่กลับถูกเจ้าของ
ทำโทษจนตาย
ส่วนเจ้าลิง ซึ่งเป็นต้นเหตุแท้ ๆ กลับรอดพ้น และไม่ได้รับผลกรรมใดๆ
แต่แท้ที่จริงแล้วนิทานเรื่องนี้ ต้องการชี้ให้เห็นถึง ความเป็นผู้นำ ของหญิงชาวบ้าน ที่ไม่พิจารณาเหตุการณ์ ให้ถ่องแท้ เชื่อแค่สิ่งที่ตนเห็นแล้วลงโทษไปตามความรู้สึกและประสบการณ์ส่วนตัว เธอมองเห็นข้าวของเสียหายและมองเห็นลาที่หลุดออกมาจากเชือก
แล้วตัดสินว่า "ลา" คงเป็นผู้กระทำ แต่ไม่ได้มองว่าลาไม่มีปัญญาจะแก้เชือก และไม่มีนิสัยชอบรื้อทำลาย เธอมองเห็นลิงยังถูกเชือกล่ามอยู่ ก็คิดว่าลิงคงไม่ใช่ผู้กระทำ แต่มองไม่ออกว่าผู้น่าจะแก้ปมเชือกได้และมีนิสัยชอบรื้อทำลายนั้นคือ ลิง ความจริงถ้าเธอรู้จักสำรวจร่องรอยความเสียหายเสียสักเล็กน้อย เธอก็จะพบรอยเท้าและฟันของลิงกระจายไปทั่วห้อง แต่ไม่พบรอยเท้าของลาเลยเพราะลาไม่ได้เคลื่อนที่ไปไหน
เหตุที่องค์กร ของเรา ต้องเหน็ดเหนื่อย ทรมานกันอยู่ทุกวันนี้ก็เพราะความสะเพร่าของผู้นำ ที่ "ปล่อยให้ลิงสร้างปัญหา แต่ลารับเคราะห์" ลาก็เหมือนกับคนที่ปฏิบัติงาน ได้ตามหน้าที่
https://blog.eduzones.com
...........................................................................................
เหตุที่ตรัสชาดก : ทรงปรารภพระเทวทัตที่ครั้งหนึ่งประกาศขอเป็นผู้ปกครองสงฆ์แทนพระสัมมา สัมพุทธเจ้า พระเทวทัตได้ทูลขอให้พระพุทธองค์ทรงบัญญัติพระวินัยให้คณะสงฆ์ปฏิบัติ ๕ ประการ แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ทรงอนุญาต พระเทวทัตได้ทีจึงประกาศว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ทรงเคร่งครัดในพระธรรม วินัย แล้วแยกตัวออกไปพร้อมคณะสงฆ์ที่เห็นด้วยจำนวน 500 รูป แต่เมื่อเวลาผ่านไปเมื่อพระสงฆ์ทั้ง 500 นั้น สำเร็จมรรคผลแล้ว พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงให้พระโมคคัลลานะและพระสารีบุตรไปรับกลับมา
ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้ามคธครองราชย์สมบัติอยู่ในนครราชคฤห์ ในแคว้นมคธ
มีพญากวางตัวหนึ่งอาศัย อยู่ในป่า ปกครองบริวารกวางจำนวน 1,000 ตัว พญากวางนั้นมีลูก 2 ตัว ชื่อ กวางลักขณะ และ กวางกาฬะ เมื่อลูกกวางทั้ง 2 โตขึ้น พญากวางก็แก่ลงมาก จึงคิดจะให้ลูกกวางทั้ง 2 เป็นผู้ปกครองฝูงแทนตน
“ตอนนี้พ่อแก่มากแล้ว พ่ออยากให้พวกเจ้าเป็นจ่าฝูงแทนพ่อ พวกเจ้าแบ่งบริวารไปปกครองตัวละ 500 นะลูก” พญากวางบอกแก่ลูกกวางทั้ง 2
“ ครับพ่อ” ลูกกวางทั้ง 2 ตอบรับ แล้วพญากวางก็ให้โอวาทในการนำพาฝูงให้อยู่รอดปลอดภัย
“เจ้ารู้ไหมว่าสิ่งที่ อันตรายที่สุดของพวกเราก็คือมนุษย์ พวกเขาจะฆ่าพวกกวางที่ไปกินข้าวกล้าในนา จึงได้ขุดหลุมพราง วางกับดักต่างๆ บ้างก็ดักซุ่มอยู่เพื่อยิงพวกเรา และในตอนนี้ มีข้าวกล้ามากมายกำลังรอเก็บเกี่ยว ดังนั้นในตอนกลางวันพวกเจ้าจงพาบริวารไปอยู่กันที่เชิงเขาแม้อาหารจะไม่อุดม สมบูรณ์ก็จงอดทน เพราะหากพวกมนุษย์เห็น เราจะไม่มีทางหนีได้ทันแน่นอน แล้วจึงค่อยลงมาหากินที่พื้นราบในเวลากลางคืน เข้าใจไหมลูก” เมื่อพญากวางสั่งสอนเสร็จแล้วก็พานางกวางแยกตัวออกไปอยู่ตามลำพังในป่าลึก
“กาฬะ งั้นเราแยกกันตรงนี้นะ ระวังตัวด้วย อย่าลืมคำสั่งของพ่อล่ะ” กวางลักขณะบอกกับกวางกาฬะ
“เจ้าอย่าป๊อดไปหน่อยเลย ลักขณะ พ่อก็พูดไปตามประสากวางแก่แหละน่า คอยดูเถอะข้าจะพาบริวารออกหากินในตอนกลางวัน พอหมดฤดูเก็บเกี่ยวข้าจะพากวางทั้ง 500 กลับมาเจอกับเจ้าที่บ้านพ่อ” กวางกาฬะพูดด้วยความลำพองใจ
‘หัวดื้อจริงๆ เจ้ากาฬะ’ กวางลักขณะนึกในใจ แล้วกวางทั้ง 2 ฝูงก็แยกย้ายกันไปหากิน
“โอ้ย หิวจริงๆ เลย พวกเรา ออกไปหาหญ้ากินกันเถอะ” กวางกาฬะตะโกนบอกฝูง
“แต่ลูกพี่ นี่ยังสว่างอยู่เลย รอให้มืดก่อนไม่ดีหรอ ขืนไปตอนนี้มีหวังโดนชาวบ้านยิงตายแน่เลย” ลูกน้องตัวหนึ่งทักท้วง
“เจ้าอย่าอวดดีไปหน่อยเลย ข้าเป็นหัวหน้าเจ้านะ ใครไม่อยากอดตายก็ตามข้ามา” กวางกาฬะตะคอกใส่แล้ววิ่งนำออกไป
ในระหว่างที่กวางกาฬะนำบริวารเล็มหญ้าอย่างเพลิดเพลินอยู่นั้น มีชาวบ้านเดินผ่านมาเห็นเข้าพอดี
“โอ้ ลาภปากจริงๆ กวางเต็มไปหมดเลย” ชาวบ้านคนหนึ่งกระซิบ
“ใช่แล้ว มันไม่ทันระวังตัวแบบนี้ วันนี้ได้กลับบ้านหลายตัวแน่” อีกคนหนึ่งกระซิบตอบ แล้วเล็งไปที่กวางตัวอ้วน
ปั้ก!!
“เสร็จข้า ฮ่าๆๆๆ”
เจ้ากวางโชคร้ายเมื่อโดน ลูกธนูยิงเข้าที่สะโพกแบบนั้นก็กรีดร้องเสียงดังโหยหวน กวางตัวอื่นเมื่อได้ยินเสียงร้องก็รีบวิ่งเข้าป่าทันที
“หยุดได้แล้ว พวกมนุษย์ไม่ตามมาแล้ว” กวางกาฬะตะโกนบอก พร้อมกับหอบแฮกๆ
“ข้าบอกแล้วเห็นไหม เกือบเอาชีวิตไม่รอดแล้วไหมล่ะ เพื่อนเราตายไปตั้งเยอะ” ลูกน้องตัวเดิมบอก แต่แทนที่กวางกาฬะจะสำนึก กลับตะคอกกลับ
“มันบังเอิญหรอกน่ะ คราวหลังข้าจะพาไปเวลาอื่น!”
ด้วยความลำพอง และหัวดื้อของกวางกาฬะ มันพาบริวารออกไปหากินตามอำเภอใจ อยากไปเวลาไหนก็ไป จนในที่สุด กวางทั้ง 500 ก็ถูกชาวบ้านยิงตายหมด เหลือมันอยู่เพียงตัวเดียว
ส่วนกวางลักขณะนั้น เป็นกวางฉลาดและเชื่อในคำสั่งสอนของพญากวาง จึงไม่เคยพาบริวารออกไปหาอาหารในเวลากลางวันเลย แม้ลูกน้องอ้อนวอนเพียงใดก็ตาม จนกระทั่งเวลาผ่านไป เมื่อมนุษย์เก็บเกี่ยวข้าวเรียบร้อยแล้วจึงลงมาจากภูเขาและมุ่งหน้าไปหาพญา กวาง พร้อมบริวารทั้ง 500 ตัว
“ท่านพี่ ลูกกวางลักขณะกลับมาแล้ว” นางกวางบอกกับพญากวาง
“อ้อ กลับมากันแล้วหรอ พวกเจ้าเป็นยังไงบ้าง สุขสบายดีไหม” พญากวางถามลูกกวางลักขณะ
“ครับพ่อ พวกเราทำตามคำสั่งสอนของท่าน ไม่ออกหากินเวลากลางวัน แม้หิวก็ทนเอา พวกเราจึงกลับมาครบทั้ง 500 ตัวครับ”
“อืม พวกเจ้าทำดีมาก แต่… ทำไมกาฬะยังไม่กลับมาอีกนะ” พญากวางมองไปรอบๆ
“นั่นไงท่านพี่ กาฬะกลับมาแล้ว แต่เขากลับมาตัวเดียว” นางกวางบอก
พญากวางเห็นลูกทั้ง 2 กลับมาในสภาพที่ต่างกันดังนั้น จึงกล่าวกับนางกวางว่า
“กวางลักขณะนั้นมีปัญญา ไม่ดื้อดึง สามารถปกครองบริวารได้ ส่วนกวางกาฬะนั้นโง่เขลา อวดดี และดื้อดึง ทำให้บริวารต้องล้มตายกันหมด” แล้วจึงประกาศกับฝูงกวางว่า
“เอาล่ะ ในเมื่อกาฬะไม่สามรถปกครองบริวารให้อยู่รอดปลอดภัยได้ ข้าขอแต่งตั้งกวางลักขณะเป็นหัวหน้าฝูง ปกครองพวกเจ้าแทนข้า ขอให้พวกเจ้าจงเชื่อฟังลักขณะเหมือนกับที่เชื่อฟังข้า ขอให้พวกเจ้าอยู่กันด้วยความสงบสุขเถิด”
กวางลักขณะจึงได้เป็นพญากวาง และปกครองบริวารด้วยความสุขสงบ
ข้อคิดจากชาดก :
1. ควรเชื่อฟังคำสั่งสอนของผู้ใหญ่ที่มีประสบการณืมากกว่า
2. ผู้นำควรมีศีล มีความฉลาด ไม่อวดดื้อ ถือดี
ประชุมชาดก
กวางกาฬะในครั้งนั้นได้เป็น พระเทวทัต
กวางลักขณะในกาลนั้น ได้เป็น พระสารีบุตร
นางกวางในครั้งนั้น ได้เป็น พระนางยโสธรา
พญากวางในครั้งนั้น ได้เป็น พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
https://www.nitan.happytrendy.com