นิทานสอนใจ ภาพประกอบ นิทานสอนใจ การทำงาน นิทานสอนใจผู้นำ


5,081 ผู้ชม


นิทานสอนใจ ภาพประกอบ นิทานสอนใจ การทำงาน นิทานสอนใจผู้นำ


เวลาของใครถูก ข้อคิดสำหรับผู้นำ

เวลาของใครถูก ข้อคิดสำหรับผู้นำ เป็นเรื่องสำคัญสำหรับเราถ้าเราจะประสบความสำเร็จ เราต้องทำตามและเลียนแบบ ผู้นำที่ถูกต้อง เราควรจะมีผู้นำที่เป็นแบบอย่างซึ่งมีลักษณะที่ดี มีคุณค่ามีความน่าเชื่อถือ เรื่องสั้นส่งเสริมด้านคุณธรรม

มีชายหัวหน้าคนงานคนหนึ่งทำงานที่โรงงาน ทุกเช้าระหว่างทางที่เขาไปทำงาน เขาก็จะผ่านร้านขายนาฬิกา เขาก็จะหยุดที่ร้านและตั้งเวลาที่นาฬิกาข้อมือของ เขาและเดินต่อไปเพื่อไปทำ งาน  เขาทำเช่นนี้ทุกๆวัน เจ้าของร้านนาฬิกาก็สงสัยอยากรู้ว่าทำไมเป็นเช่น นั้น วันหนึ่งเมื่อชายคนนั้นมาหยุดที่หน้าร้าน เขาก็เลยถามว่า เขาทำอะไรน่ะ ชายหัวหน้าคนงานตอบว่าเขาเป็นหัวหน้าคนงานของโรงงานแห่งหนึ่งทุกๆวันเขาก็จะ ต้องทำหน้าที่ในการ สั่นกระดิ่งเพื่อให้สัญญานบอกว่า  ถึงเวลา 5 โมงเย็นเป็นเวลาเลิกงานของวันนั้นแล้ว เขาต้องการความเที่ยงตรงในเวลานั้น มาก ดังนั้นทุกๆ วัน เขาก็จึงต้องมาที่นาฬิกาเรือนใหญ่ของร้านนี้และปรับเวลาที่นาฬิกาข้อมือของ เขาให้ตรงกับนาฬิกาเรือนนี้ เจ้าของร้านนาฬิกาก็หัวเราะและพูดว่า จริงๆแล้วเมื่อผมได้ยินสัญญาณจากโรงงาน ผมก็รีบกลับไปตั้งเวลาของผมเช่นกัน

https://www.tumsrivichai.com

...................................................................................

"ลิง กับ ลา" เรื่องสั้น สอนใจ ผู้นำ

นิทานสอนใจ ภาพประกอบ นิทานสอนใจ การทำงาน นิทานสอนใจผู้นำ

                           "ลิง กับ ลา"

             หญิงชาวบ้านคนหนึ่งอาศัยอยู่คนเดียวในกระท่อม ด้วยความเหงา  นางจึงหาสัตว์มาเลี้ยงไว้เป็นเพื่อนสองตัว
คือ ลิงและลา

          วันหนึ่งหญิงชาวบ้านคนนี้ ต้องออกไปตลาด เพื่อซื้ออาหาร ก่อนออกจากบ้าน เธอได้เอาเชือกมาผูกคอลิง  แล้วมัดขาของลาเอาไว้ทั้งสองข้าง เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์เลี้ยงทั้งสองตัว เดินย่ำไปมาในกระท่อม จนทำให้ข้าวของ ต่างๆ ได้รับความเสียหาย

         ทันที ที่หญิงชาวบ้านออกจากบ้านไป ลิงซึ่งมีความฉลาดและแสนซน เป็นคุณลักษณะประจำตัว ก็ค่อย ๆ คลายปมเชือกออกจากคอของมัน อีกทั้งยังซุกซนไปแก้เชือกมัดขา ให้แก่ลาอีกด้วย หลังจากนั้นเจ้าลิงก็กระโดดโลดเต้น ห้อยโหนโจนทะยานไปทั่วกระท่อมจนทำให้ข้าว ของต่างๆ ล้มระเนระนาดกระจัดกระจายไปทั่ว อีกทั้งยังซุกซนรื้อค้น เสื้อผ้าของหญิงชาวบ้าน มาฉีกกัดจนไม่เหลือชิ้นดี ในขณะที่ลาได้แต่มองดูการกระทำของเจ้าลิงอยู่เฉย ๆ

         สัก ครู่หนึ่ง หญิงชาวบ้านคนนี้ก็กลับมาจากตลาด เจ้าลิงมองเห็นเจ้าของเดินมาแต่ไกลจากทางหน้าต่าง  ก็รีบเอาเชือกมาผูกคอตนไว้ อย่างเดิมและอยู่อย่างสงบนิ่ง

          ฝ่ายหญิงชาวบ้านเมื่อเปิดประตูกระท่อมเข้ามาเห็นข้าวของของตนถูกรื้อค้น กระจุยกระจายเช่นนั้นก็เกิดโทสะขึ้นทันที หันมองลิงและลาเพื่อดูว่าใครเป็นผู้ก่อเรื่อง และ เห็นว่าลาไม่มีเชือกผูกขาดังเดิม เธอก็คิดเอาเองว่าเจ้าลานี่เอง คือตัวปัญหา ทำ ให้กระท่อมของเธอมีสภาพไม่ต่างจากโรงเก็บขยะ ดังนั้นหญิงชาวบ้านจึงวิ่งไปหยิบท่อนไม้นอกบ้านมาทุบตีลาอย่างรุนแรง   ซึ่งเจ้าลาผู้น่าสงสารก็ได้แต่ส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดจนสิ้นใจโดยไม่ สามารถทำ อะไรได้เลย

เธอทั้งหลาย...

             เธอหลายคนคงไม่ค่อยชอบตอนจบ ของนิทานเรื่องนี้ นัก เพราะสงสารเจ้าลา ที่ไม่ได้ทำความผิดอะไร แต่กลับถูกเจ้าของ
ทำโทษจนตาย  

             ส่วนเจ้าลิง ซึ่งเป็นต้นเหตุแท้ ๆ กลับรอดพ้น และไม่ได้รับผลกรรมใดๆ

 

              แต่แท้ที่จริงแล้วนิทานเรื่องนี้ ต้องการชี้ให้เห็นถึง ความเป็นผู้นำ ของหญิงชาวบ้าน ที่ไม่พิจารณาเหตุการณ์ ให้ถ่องแท้  เชื่อแค่สิ่งที่ตนเห็นแล้วลงโทษไปตามความรู้สึกและประสบการณ์ส่วนตัว  เธอมองเห็นข้าวของเสียหายและมองเห็นลาที่หลุดออกมาจากเชือก

             แล้วตัดสินว่า "ลา" คงเป็นผู้กระทำ  แต่ไม่ได้มองว่าลาไม่มีปัญญาจะแก้เชือก และไม่มีนิสัยชอบรื้อทำลาย  เธอมองเห็นลิงยังถูกเชือกล่ามอยู่ ก็คิดว่าลิงคงไม่ใช่ผู้กระทำ แต่มองไม่ออกว่าผู้น่าจะแก้ปมเชือกได้และมีนิสัยชอบรื้อทำลายนั้นคือ ลิง  ความจริงถ้าเธอรู้จักสำรวจร่องรอยความเสียหายเสียสักเล็กน้อย เธอก็จะพบรอยเท้าและฟันของลิงกระจายไปทั่วห้อง แต่ไม่พบรอยเท้าของลาเลยเพราะลาไม่ได้เคลื่อนที่ไปไหน


         เหตุที่องค์กร ของเรา ต้องเหน็ดเหนื่อย ทรมานกันอยู่ทุกวันนี้ก็เพราะความสะเพร่าของผู้นำ ที่ "ปล่อยให้ลิงสร้างปัญหา แต่ลารับเคราะห์"   ลาก็เหมือนกับคนที่ปฏิบัติงาน ได้ตามหน้าที่

https://blog.eduzones.com

...........................................................................................

นิทานสอนใจ ภาพประกอบ นิทานสอนใจ การทำงาน นิทานสอนใจผู้นำ

เหตุที่ตรัสชาดก : ทรงปรารภพระเทวทัตที่ครั้งหนึ่งประกาศขอเป็นผู้ปกครองสงฆ์แทนพระสัมมา สัมพุทธเจ้า พระเทวทัตได้ทูลขอให้พระพุทธองค์ทรงบัญญัติพระวินัยให้คณะสงฆ์ปฏิบัติ ๕ ประการ แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ทรงอนุญาต พระเทวทัตได้ทีจึงประกาศว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ทรงเคร่งครัดในพระธรรม วินัย แล้วแยกตัวออกไปพร้อมคณะสงฆ์ที่เห็นด้วยจำนวน 500 รูป แต่เมื่อเวลาผ่านไปเมื่อพระสงฆ์ทั้ง 500 นั้น สำเร็จมรรคผลแล้ว พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงให้พระโมคคัลลานะและพระสารีบุตรไปรับกลับมา

               ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้ามคธครองราชย์สมบัติอยู่ในนครราชคฤห์ ในแคว้นมคธ

              มีพญากวางตัวหนึ่งอาศัย อยู่ในป่า ปกครองบริวารกวางจำนวน 1,000 ตัว พญากวางนั้นมีลูก 2 ตัว ชื่อ กวางลักขณะ และ กวางกาฬะ เมื่อลูกกวางทั้ง 2 โตขึ้น พญากวางก็แก่ลงมาก จึงคิดจะให้ลูกกวางทั้ง 2 เป็นผู้ปกครองฝูงแทนตน

              “ตอนนี้พ่อแก่มากแล้ว พ่ออยากให้พวกเจ้าเป็นจ่าฝูงแทนพ่อ พวกเจ้าแบ่งบริวารไปปกครองตัวละ 500 นะลูก” พญากวางบอกแก่ลูกกวางทั้ง 2

              “ ครับพ่อ” ลูกกวางทั้ง 2 ตอบรับ แล้วพญากวางก็ให้โอวาทในการนำพาฝูงให้อยู่รอดปลอดภัย

              “เจ้ารู้ไหมว่าสิ่งที่ อันตรายที่สุดของพวกเราก็คือมนุษย์ พวกเขาจะฆ่าพวกกวางที่ไปกินข้าวกล้าในนา จึงได้ขุดหลุมพราง วางกับดักต่างๆ บ้างก็ดักซุ่มอยู่เพื่อยิงพวกเรา และในตอนนี้ มีข้าวกล้ามากมายกำลังรอเก็บเกี่ยว ดังนั้นในตอนกลางวันพวกเจ้าจงพาบริวารไปอยู่กันที่เชิงเขาแม้อาหารจะไม่อุดม สมบูรณ์ก็จงอดทน เพราะหากพวกมนุษย์เห็น เราจะไม่มีทางหนีได้ทันแน่นอน แล้วจึงค่อยลงมาหากินที่พื้นราบในเวลากลางคืน เข้าใจไหมลูก” เมื่อพญากวางสั่งสอนเสร็จแล้วก็พานางกวางแยกตัวออกไปอยู่ตามลำพังในป่าลึก  

              “กาฬะ งั้นเราแยกกันตรงนี้นะ ระวังตัวด้วย อย่าลืมคำสั่งของพ่อล่ะ” กวางลักขณะบอกกับกวางกาฬะ

              “เจ้าอย่าป๊อดไปหน่อยเลย ลักขณะ พ่อก็พูดไปตามประสากวางแก่แหละน่า คอยดูเถอะข้าจะพาบริวารออกหากินในตอนกลางวัน พอหมดฤดูเก็บเกี่ยวข้าจะพากวางทั้ง 500 กลับมาเจอกับเจ้าที่บ้านพ่อ” กวางกาฬะพูดด้วยความลำพองใจ

              ‘หัวดื้อจริงๆ เจ้ากาฬะ’ กวางลักขณะนึกในใจ แล้วกวางทั้ง 2 ฝูงก็แยกย้ายกันไปหากิน

              “โอ้ย หิวจริงๆ เลย พวกเรา ออกไปหาหญ้ากินกันเถอะ” กวางกาฬะตะโกนบอกฝูง

              “แต่ลูกพี่ นี่ยังสว่างอยู่เลย รอให้มืดก่อนไม่ดีหรอ ขืนไปตอนนี้มีหวังโดนชาวบ้านยิงตายแน่เลย” ลูกน้องตัวหนึ่งทักท้วง

              “เจ้าอย่าอวดดีไปหน่อยเลย ข้าเป็นหัวหน้าเจ้านะ ใครไม่อยากอดตายก็ตามข้ามา” กวางกาฬะตะคอกใส่แล้ววิ่งนำออกไป

              ในระหว่างที่กวางกาฬะนำบริวารเล็มหญ้าอย่างเพลิดเพลินอยู่นั้น มีชาวบ้านเดินผ่านมาเห็นเข้าพอดี

              “โอ้ ลาภปากจริงๆ กวางเต็มไปหมดเลย” ชาวบ้านคนหนึ่งกระซิบ

              “ใช่แล้ว มันไม่ทันระวังตัวแบบนี้ วันนี้ได้กลับบ้านหลายตัวแน่” อีกคนหนึ่งกระซิบตอบ แล้วเล็งไปที่กวางตัวอ้วน

              ปั้ก!!

              “เสร็จข้า ฮ่าๆๆๆ”

              เจ้ากวางโชคร้ายเมื่อโดน ลูกธนูยิงเข้าที่สะโพกแบบนั้นก็กรีดร้องเสียงดังโหยหวน กวางตัวอื่นเมื่อได้ยินเสียงร้องก็รีบวิ่งเข้าป่าทันที

              “หยุดได้แล้ว พวกมนุษย์ไม่ตามมาแล้ว” กวางกาฬะตะโกนบอก พร้อมกับหอบแฮกๆ

              “ข้าบอกแล้วเห็นไหม เกือบเอาชีวิตไม่รอดแล้วไหมล่ะ เพื่อนเราตายไปตั้งเยอะ” ลูกน้องตัวเดิมบอก แต่แทนที่กวางกาฬะจะสำนึก กลับตะคอกกลับ

              “มันบังเอิญหรอกน่ะ คราวหลังข้าจะพาไปเวลาอื่น!”

              ด้วยความลำพอง และหัวดื้อของกวางกาฬะ มันพาบริวารออกไปหากินตามอำเภอใจ อยากไปเวลาไหนก็ไป จนในที่สุด กวางทั้ง 500 ก็ถูกชาวบ้านยิงตายหมด เหลือมันอยู่เพียงตัวเดียว

              ส่วนกวางลักขณะนั้น เป็นกวางฉลาดและเชื่อในคำสั่งสอนของพญากวาง จึงไม่เคยพาบริวารออกไปหาอาหารในเวลากลางวันเลย แม้ลูกน้องอ้อนวอนเพียงใดก็ตาม จนกระทั่งเวลาผ่านไป เมื่อมนุษย์เก็บเกี่ยวข้าวเรียบร้อยแล้วจึงลงมาจากภูเขาและมุ่งหน้าไปหาพญา กวาง พร้อมบริวารทั้ง 500 ตัว

              “ท่านพี่ ลูกกวางลักขณะกลับมาแล้ว” นางกวางบอกกับพญากวาง

              “อ้อ กลับมากันแล้วหรอ พวกเจ้าเป็นยังไงบ้าง สุขสบายดีไหม” พญากวางถามลูกกวางลักขณะ

              “ครับพ่อ พวกเราทำตามคำสั่งสอนของท่าน ไม่ออกหากินเวลากลางวัน แม้หิวก็ทนเอา พวกเราจึงกลับมาครบทั้ง 500 ตัวครับ”

              “อืม พวกเจ้าทำดีมาก แต่… ทำไมกาฬะยังไม่กลับมาอีกนะ” พญากวางมองไปรอบๆ

              “นั่นไงท่านพี่ กาฬะกลับมาแล้ว แต่เขากลับมาตัวเดียว” นางกวางบอก

              พญากวางเห็นลูกทั้ง 2 กลับมาในสภาพที่ต่างกันดังนั้น จึงกล่าวกับนางกวางว่า

              “กวางลักขณะนั้นมีปัญญา ไม่ดื้อดึง สามารถปกครองบริวารได้ ส่วนกวางกาฬะนั้นโง่เขลา อวดดี และดื้อดึง ทำให้บริวารต้องล้มตายกันหมด” แล้วจึงประกาศกับฝูงกวางว่า

              “เอาล่ะ ในเมื่อกาฬะไม่สามรถปกครองบริวารให้อยู่รอดปลอดภัยได้ ข้าขอแต่งตั้งกวางลักขณะเป็นหัวหน้าฝูง ปกครองพวกเจ้าแทนข้า ขอให้พวกเจ้าจงเชื่อฟังลักขณะเหมือนกับที่เชื่อฟังข้า ขอให้พวกเจ้าอยู่กันด้วยความสงบสุขเถิด”

              กวางลักขณะจึงได้เป็นพญากวาง และปกครองบริวารด้วยความสุขสงบ

 

ข้อคิดจากชาดก

1. ควรเชื่อฟังคำสั่งสอนของผู้ใหญ่ที่มีประสบการณืมากกว่า

2. ผู้นำควรมีศีล มีความฉลาด ไม่อวดดื้อ ถือดี

ประชุมชาดก

กวางกาฬะในครั้งนั้นได้เป็น พระเทวทัต

กวางลักขณะในกาลนั้น ได้เป็น พระสารีบุตร

นางกวางในครั้งนั้น ได้เป็น พระนางยโสธรา

พญากวางในครั้งนั้น ได้เป็น พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

https://www.nitan.happytrendy.com

อัพเดทล่าสุด