วิธีป้องกันโรคปากนกกระจอก วิตามิน ป้องกันโรคปากนกกระจอก โรคปากนกกระจอก จากการขาดวิตามินบี 2


909 ผู้ชม


วิธีป้องกันโรคปากนกกระจอก  วิตามิน ป้องกันโรคปากนกกระจอก โรคปากนกกระจอก จากการขาดวิตามินบี 2

               วิธีป้องกันโรคปากนกกระจอก

วิธีการรักษาโรคปากนกกระจอก

โรคปากนกกระจอกเป็นอาการแผลเปื่อยที่เกิดขึ้นบริเวณรอบ ๆ ปาก มีอาการเจ็บบริเวณเนื้อเยื่อรอบปาก ที่ทำให้เกิดอาการเจ็บปวด สถาบันนิวเมอร์แนะนำวิธีบรรเทาอาการเจ็บปวดจากโรคปากนกกระจอกไว้ดังนี้

  • ใช้ไฮโดรเจนผสมกลีเซอรีนทำความสะอาดแผลและช่วยเคลือบผิวหนังบริเวณที่เจ็บปวดไว้
  • ทำน้ำยาฆ่าเชื้อเองได้ง่าย ๆ โดยใช้ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ผสมกับน้ำ หรืออีกสูตรหนึ่งใช้น้ำผสมกับเบคกิ้งโซดาและเกลือ ใช้ทำความสะอาดแผล แต่ห้ามรับประทานส่วนผสมดังกล่าวเป็นอันขาด
  • ใช้ยาที่ผลิตมาสำหรับโรคนี้โดยเฉพาะ ส่วนมากจะมีส่วนผสมของกาบูร ยูคาลิปตัส และเบนโซเคน
  • ใช้ยาตามที่แพทย์สั่งเท่านั้น

ข่าวจาก: HealthScout

           Link      https://healthy.in.th/

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

              วิตามิน ป้องกันโรคปากนกกระจอก

     


ข้าวกล้องคืออะไร ?

คือ ข้าวที่สีเอาเปลือก (แกลบ) ออกโดยที่ยังมีจมูกข้าว และเยื่อหุ้มเมล็ดข้าว (รำ) อยู่ ข้าวกล้องจะมีสีน้ำตาลอ่อน ซึ่งจมูกข้าวและเยื่อหุ้มเมล็ดข้าวนี้มีคุณค่าอาหารที่มีประโยชน์มาก

สำหรับข้าวขาวที่เรากินๆ กันอยู่นั้น เป็นข้าวที่เกิดจากการขัดสีหลายๆ ครั้ง จนเยื่อหุ้มเมล็ดข้าวและจมูกข้าวหลุดออกไป จนเหลือแต่เนื้อในของข้าว

ข้าวกล้องบางคนเรียกกันติดปากว่า ข้าวซ้อมมือหรือข้าวแดง เนื่องจากในสมัยโบราณ ชาวบ้านใช้วิธีตำข้าวกินกันเอง จึงเรียกว่า ข้าวซ้อมมือ แต่ปัจจุบันเราใช้เครื่องจักรสีข้าวแทน จึงเรียกข้าวที่สีเอาเปลือกออกนี้ว่า ข้าวกล้อง

ข้าวกล้องมีโปรตีนประมาณ 7-12% (แล้วแต่พันธุ์ข้าว) นักค้นคว้าชื่อ โรสเดล ( Rosedale ) ได้วิเคราะห์ว่า การขัดสีข้าวกล้องจนมีสีขาว จะทำให้โปรตีนสูญหายไปประมาณ 30%

ประโยชน์มากมายของการกินข้าวกล้อง

 
ได้วิตามินบีรวม ช่วยป้องกันและบรรเทาอาหารอ่อนเพลีย แขน ขาไม่มีแรง ปวดกล้ามเนื้อ โรคผิวหนังบางชนิด บำรุงสมอง ทำให้เจริญอาหาร
 
ได้วิตามินบี 1 ซึ่งถ้ากินเป็นประจำจะช่วยป้องกันโรคเหน็บชาได้
 
ได้วิตามินบี 2 ป้องกันโรคปากนกกระจอก
 
ได้ฟอสฟอรัส ช่วยในการเจริญเติบโตของกระดูกและฟัน
 
ได้แคลเซียม ทำให้กระดูกแข็งแรง ช่วยป้องกันไม่ให้เป็นตะคริว
 
ได้ทองแดง สร้างเมล็ดโลหิต และเฮโมโกลบิน
 
ได้ธาตุเหล็ก ช่วยป้องกันโรคโลหิตจาง
 
ได้โปรตีน ช่วยเสริมสร้างส่วนที่สึกหรอ
 
ได้ไขมัน ให้พลังงานแก่ร่างกาย ไขมันในข้าวกล้องเป็นไขมันที่ดี ไม่มีโคเรสเตอรอล
 
ได้ไนอะซิน ช่วยระบบผิวหนังและเส้นประสาท และป้องกันโรคเพลลากรา
(โรคที่เกิดจากการขาดไนอะซิน จะมีอาการท้องเสีย ประสาทไหว โรคผิวหนัง)
 
ได้คาร์โบไฮเดรต ให้พลังงานแก่ร่างกาย
 
ได้กากอาหาร ข้าวกล้องมีกากอาหารมาก ซึ่งจะทำให้ท้องไม่ผูก และช่วยป้องกันมะเร็งในลำไส้อีกด้วย
 
วิตามินและเกลือแร่ต่างๆ ในข้าวกล้องจะช่วยให้ส่วนต่างๆ ของร่างกายทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ

ข้าวกล้องมีอะไรดีกว่าข้าวขาว

ธาตุเหล็ก มีมากเป็น 2 เท่าช่วยป้องกันโลหิตจาง
 
ข้าวกล้องมีวิตามินบี 1 มากกว่าข้าวขาวประมาณ 4 เท่า ถ้ากินเป็นประจำ จะป้องกันโรคเหน็บชา
 
วิตามินบี 2 มีมากจะป้องกันโรคปากนกกระจอก
 
วิตามินบีรวม มีมากกว่าจะป้องกัน และบรรเทาอาการอ่อนเพลียและขาไม่มีแรง อาการปวดแสบและเสียวในขา ปวดน่อง ปวดกล้ามเนื้อ ลิ้นแตกหรือมีแผล ริมฝีปากเจ็บหรือมีแผล โรคผิวหนังบางชนิด โรคปลายประสาทอักเสบ และโรคเกี่ยวกับระบบประสาทบางชนิด
 
วิตามินบีรวม ยังบำรุงสมอง ทำให้เรียนเก่งขึ้นและเจริญอาหาร
 
ธาตุเหล็ก มีมากเป็น 2 เท่า ช่วยป้องกันโลหิตจาง
 
แคลเซียม มีมากกว่า จะทำให้กระดูกแข็งแรง ช่วยป้องกันไม่ให้เป็นตะคริว
 
ไขมัน มีมากกว่าให้พลังงานแก่ร่างกาย
 
กากอาหาร มีมากกว่าจะช่วยป้องกันท้องผูก และมะเร็งลำไส้ใหญ่
 
เกลือแร่และวิตามินต่างๆ ในข้าวกล้อง มีรวมกัน 20 กว่าชนิด มีหน้าที่ทำให้การทำงานของส่วนต่างๆ ของร่างกายทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและเสริมสร้างส่วนที่สึกหรอ
 
โปรตีน มีมากกว่าช่วยเสริมสร้างส่วนที่สึกหรอ
 
แป้ง (คาร์โบไฮเดรต) มีน้อยกว่าข้าวขาว ช่วยลดความอ้วน ส่วนคนที่ผอมจะสมบูรณ์ขึ้น เนื่องจากได้รับสารอาหารต่างๆ ที่มีประโยชน์เพิ่มขึ้น
 
ประหยัดเงินทอง เพราะเจ็บป่วยน้อยกว่า ข้าวกล้องจะมีราคาถูกกว่า เพราะต้นทุนในการผลิตต่ำกว่า
 
มีผลทำให้สุขภาพจิตและสติปัญญาดีขึ้น เพราะสุขภาพกายดีขึ้น

ปริมาณสารอาหารในข้าวขาวกับข้าวกล้อง

สารอาหาร

ข้าวขาว

ข้าวกล้อง

วิตามิน – บี 1

4 จานกว่า

1 จาน

วิตามิน – บี 2

2 จาน

1 จาน

วิตามิน – บี 6

5 จานกว่า

1 จาน

กากข้าว

2 จานกว่า

1 จาน

ผลเสียของการกินข้าวขาว

โรคและอาการต่างๆ ต่อไปนี้ จะลดลงมากหรือป้องกันได้ ถ้ากิน ข้าวกล้อง เป็นประจำ และกินอาหารเพียงพอและถูกหลัก

 
โรคเหน็บชา เพราะขาดวิตามิน-บี 1 ข้าวกล้องมีวิตามิน-บี 1 มากกว่าข้าวขาว 385% (พบมากในประเทศที่กินข้าวขาวเป็นอาหารหลัก)
 
โรคปากนกกระจอก เพราะขาดวิตามิน-บี 2 ข้าวกล้องมีวิตามิน-บี 2 มากกว่าข้าวขาว 66% (ตามชนบทมีเด็กเป็นโรคปากนกกระจอก 60%)
 
โรคโลหิตจาง เพราะขาดธาตุเหล็ก เนื่องจากข้าวกล้องมีธาตุเหล็กมากกว่าข้าวขาว 2 เท่า (ประชากรไทยเป็นโรคโลหิตจาง 40%)
 
โรคนิ่วใน กระเพาะปัสสาวะ (พบมากทางภาคเหนือและภาคอีสาน โดยเฉพาะในเด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี) เกี่ยวเนื่องจากมาจากการขาดธาตุฟอสฟอรัส และอื่นๆ ซึ่งมีในข้าวกล้อง นอกจากนั้น ฟอสฟอรัสยังช่วยในการเจริญเติบโตของกระดูกและฟันอีกด้วย
 
โรคท้องผูก เพราะมีกากอาหารน้อย ข้าวกล้องมีกากอาหารมากกว่า 133% (ข้าวกล้องช่วยป้องกันท้องผูก และมะเร็งลำไส้ใหญ่)
 
โรคทางระบบ ประสาทบางชนิด และโรคปลายประสาทอักเสบ เพราะขาดวิตามินบีรวม ซึ่งมีมากในข้าวกล้อง (วิตามินบีรวม ช่วยบำรุงสมอง ทำให้เรียนเก่งขึ้น และเจริญอาหาร)
 
อารมณ์เสีย ง่ายกว่า หงุดหงิดเพราะชาดวิตามินบีรวม ซึ่งเป็นวิตามินที่เสริมสร้างระบบประสาทของร่างกาย และถ้าระบบประสาทของเราไม่ดี ทำให้เราควบคุมอารมณ์ได้ไม่ดีนัก
 
เบื่ออาหาร เพราะขาดวิตามินบีรวม ซึ่งข้าวกล้องมีมากกว่าข้าวขาว
 
โรคขาดโปรตีน ข้าวกล้องมีโปรตีน ร้อยละ 7-12 (เด็กไทยประมาณร้อยละ 40-60 เป็นโรคขาดโปรตีนและพลังงาน) ข้าวกล้องมีโปรตีนมากกว่าข้าวขาว 20-30%
 
โรคผิวหนังบางชนิด ขาดวิตามินบีบางตัว
 
อ่อนเพลีย รู้สึกเหนื่อยกว่าปกติ ปวดเมื่อยตามตัวและขา เพราะขาดวิตามินบีรวม
 
โรคชัก เนื่องจากขาดวิตามิน บี 6 ซึ่งมีมากในข้าวกล้อง
 
ข้าวขาวมีแป้ง (คาร์โบไฮเดรต) พอๆ กับข้าวกล้อง แต่มีเกลือแร่และวิตามินต่างๆ น้อยกว่าข้าวกล้อง (ในข้าวกล้องจะมีวิตามินรวมกัน 20 กว่าชนิด) ที่ทำให้ส่วนต่างๆ ของร่างกายทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและเสริมสร้างร่างกายให้สมบูรณ์

จะเห็นได้ว่า ผลเสียของการกินข้าวขาวมีมาก เพราะการขัดสีส่วนที่มีคุณค่าต่อร่างกายออกไป หลายท่านอาจจะกินข้าวขาว เพราะไม่รู้ว่ายังมีข้าวที่มีคุณค่ามากอย่างข้าวกล้องอยู่ จนบางคนไม่เคยรู้จักข้าวกล้องด้วยซ้ำ

คนสมัยโบราณแต่ละบ้านจะตำข้าวกินเอง ซึ่งเรียกว่า ข้าวซ้อมมือ ซึ่งก็คือ ข้าวกล้อง คนสมัยก่อนจึงมีร่างกายแข็งแรง ไม่เป็นโรคอย่างที่คนสมัยนี้เป็นกันเท่าไร เช่น โรคเบาหวาน, หัวใจวาย, มะเร็ง ฯลฯ ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่ก็เพราะการกินไม่เป็น

                                                              แหล่งข้อมูล : ธรรมทัศน์สมาคม


                 Link    www.yourhealthyguide.com


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


 

            โรคปากนกกระจอก จากการขาดวิตามินบี 2

  โรคปากนกกระจอก จากการขาดวิตามินบี2
        วิตามินบี 2 มีมากในอาหาร เนื้อสัตว์ ไข่ นม ถั่ว ผักใบเขียว หน้าที่สำคัญของวิตามินบี 2 คือเกี่ยวข้องกับการหายใจของเซลล์ ถ้าขาดหรือร่างกายได้รับจากอาหารไม่เพียงพอ จะทำให้เป็นปากนกกระจอก และพบอาการอื่นๆ ร่วมด้วยดังนี้
              1 ปากมีรอยแผลแตกที่มุมปาก (Anqular stomatitis)
              2 ลิ้นมีลักษณะบวมแดง (Glossitis)
              3 ผิวหนัง มีคราบไขมันที่จมูก (Seborrheic dermatitis)
              4 ตา อาจมีอาการระคายเคือง น้ำตาไหล ไม่กล้าสู้แสง
        ถ้าได้รับอาหารที่มีวิตามินบี 2 สูง อาการก็จะหายไป

        Link      https://www.inmu.mahidol.ac.th

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

อัพเดทล่าสุด