การรักษาโรคสะเก็ดเงินให้หายขาด วิธีรักษาโรคสะเก็ดเงินให้หายขาด โรคสะเก็ดเงินที่เล็บ


1,542 ผู้ชม


การรักษาโรคสะเก็ดเงินให้หายขาด วิธีรักษาโรคสะเก็ดเงินให้หายขาด โรคสะเก็ดเงินที่เล็บ

               การรักษาโรคสะเก็ดเงินให้หายขาด

การรักษาโรคสะเก็ดเงิน

การรักษาโรคสะเก็ดเงินมีขั้นตอนการรักษาอยู่สามขั้น ตอนได้แก่ การรักษาสะเก็ดเงินด้วยยาและแสงอาทิตย์ การรักษาด้วยแสง และการรักษาด้วยยา

โรคสะเก็ดเงิน >> การรักษา

การรักษาโรคสะเก็ดเงิน

เป้าหมายของการรักษาคือ ให้ได้ผลดีที่สุดและมีผลข้างเคียงน้อยที่สุด โดยการคุมอาการของโรคสะเก็ดเงินทั้งที่ผิวหนังและข้อ ท่านผู้อ่านต้องเลือกวิธีที่มีผลข้างเคียงน้อ ยเมื่อไม่ได้ผลจึงเปลี่ยนไปใช้การรักษาที่มีผลข้างเคียงมากขึ้น การรักษาจะแบ่งเป็นสามขั้นตอน โดยเริ่มจากขั้นที่1 เมื่อไม่ได้ผลจึงเปลี่ยนไปขั้น2 เมื่อไม่ได้ผลจึงเปลี่ยนไปเป็นขั้น3

ขั้นที่1การใช้ยาทาร่วมกับแสงอาทิตย์

ยาทา Steroid

ยาทา Steroid เหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคสะเก็ดเงินที่เป็นน้อยจนถึงปานกลางยานี้มีหลายรูปแบบ เช่นครีม ointments ,lotion ยาเม็ด ยานี้มีความแรงหลายขนาดเวลาเริ่มให้เริ่มยาที่มีความแรงน้อยค่อยเพิ่มความ แรง ยากลุ่มนี้จะลดการอักเสบของผิวหนังไม่ควรใช้ยาแรงด้วยตัวเอง

Coal Tar

ยานี้นิยมใช้รักษาขุยของโรคสะเก็ดเงิน ยานี้ทำเป็นแชมพูรักษารังแคที่เกิดจากโรคสะเก็ดเงินการใช้ tar อาจจะใช้ทาหรือร่วมกับการได้รับรังสี UV แต่ต้องระวังเนื่องจาก tar จะทำให้ผิวหนังไวต่อรังสีเกิดผิวไหม้ นอกจาก tar ยังเปลื้อนเสื้อผ้าน้ำมันดินให้ผลการรักษาใกล้เคียงกับสเตียรอยด์แต่มีกลิ่น เหม็นและดูสกปรกเวลาใช้ จึงไม่เป็นที่นิยมในปัจจุบัน และเนื่องจากน้ำมันดินอาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองได้จังไม่ควรใช้ทาบริเวณ ใบหน้า ข้อพับ และอวัยวะเพศ


Calcipotriene

Calcipotriene เป็นรูปแบบหนึ่งของวิตามิน ดีใช้ในการรักษาโรคสะเก็ดเงินชนิดน้อยจนถึงปานกลาง ยานี้มีจำหน่ายในรูปครีม lotion กลไกยังไม่ทราบยานี้เหมาะใช้ร่วมกับยาอื่นเช่น steroid และรังสี อุลตราไวโอเลตultraviolet light B (UVB) ไม่แนะนำให้ใช้ที่หน้าเนื่องจากจะเกิดระคายเคือง และไม่ควรใช้ยานี้เป็นปริมาณมากยานี้เป็นยาใหม่ที่นิยมใช้กันมากในปัจจุบัน ในประเทศตะวันตก เนื่องจากให้ผลการรักษาดี รวดเร็วพอๆ กับสเตียรอยด์ระดับกลางแต่ไม่มีผลเสียเหมือนสเตียรอยด์ และไม่มีสีหรือกลิ่นเหมือนน้ำมันดิน และแอนทราลิน อีกทั้งยังก่อให้เกิดอาการระคายเคืองน้อยกว่าแอนทราลิน แต่อย่างไรก็ตาม วิตามินดี 3 อาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองได้บ้าง โดยเฉพาะเมื่อใช้ทาบริเวณใบหน้า ข้อพับ และอวัยวะเพศ จึงไม่ควรใช้ในบริเวณดังกล่าว นอกจากนั้นยังมีข้อจำกัดคือยายังมีราคาแพงมาก

Vitamin A

เป็นอนุพันธ์ของวิตามินเอทำเป็นยาทาในรูปเยลทาวันละครั้งใช้ได้ดีในโรค สะเก็ดเงินที่หนังศีรษะและเล็บ ยานี้จะใช้ร่วมกับยาทา steroid ยาอาจจะทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นแดงก่อนที่ผื่นจะหายไปโดยมากยามีความเข็มข้น 0.1%และ0.05%

 Link     https://www.siamhealth.net

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 
           วิธีรักษาโรคสะเก็ดเงินให้หายขาด 

การรักษาโรค"สะเก็ดเงิน"ด้วยวิถีทางโภชนาการ

 

 
การ รักษาโรคสะเก็ดเงินด้วยวิถีทางโภชนาการ ได้เคยลงพิมพ์ในนิตยสาร กัลปพฤกษ์ ฉบับที่ 6 ปรากฏว่ามีผู้ป่วยด้วยโรคนี้ติดต่อเข้ามาเป็นจำนวนมาก หนึ่งในนั้นคือ คุณเอกสิทธิ์ สารอักษร ผู้ป่วย เป็นโรคสะเก็ดเงินมากว่า 15 ปี หลังจากทำตามคำแนะนำที่ได้ให้ไป ผลปรากฏว่าอาการดีขึ้นมาก จึงขออนุญาตผู้ป่วยนำประวัติการรักษามาลงไว้พร้อมภาพถ่าย เพื่อเป็นแนวทางในการช่วยเหลือแก่ผู้ป่วยท่านอื่นๆต่อไป

 

สะเก็ดเงิน ไม่ใช่โรคติดต่อ แต่ประชากรโลกเป็นกันมากถึงร้อยละ 1-3 ของประชากรทั้งหมด สูงมากจนน่าตกใจ องค์การอนามัยโลกกำหนดให้วันที่ 29 ตุลาคม ของทุกปีเป็น วันสะเก็ดเงินโลก สำหรับสาเหตุของโรคยังวินิจฉัยได้ไม่ชัดเจน บ้างว่าเกิดจากพันธุกรรม แต่โดยส่วนใหญ่บอกว่าเกิดจากเซลล์ผิวหนังมีการแบ่งตัวผิดปกติ แพทย์แผนปัจจุบันจัดให้เป็น โรคที่ไม่มีทางรักษาให้หายขาด และ ไม่ได้เกิดจากการรับประทานอาหาร อาหารไม่มีส่วนทำให้เกิดโรคแต่อย่างใด

 

สะเก็ด เงิน เป็นหนึ่งในโรคภูมิแพ้หรือภูมิเพี้ยนเป็นปฏิกิริยาของภูมิคุ้มกันของเราที่ เกิดขึ้นต่อสิ่งแปลกปลอมภายนอก สารแปลกปลอมเรียกว่าสารก่อภูมิแพ้ (ALLERGEN) ภูมิแพ้แบ่งออกเป็น 2 ระยะ


1) ระยะที่ไม่แสดงอาการแพ้ออกมาชัดเจน คือร่างกายเราสัมผัส, สูดดมหรือทานสารก่อภูมิแพ้เข้าไป ภูมิคุ้มของเราเริ่มทำงานว่ามีสิ่งแปลกปลอมว่าสารก่อภูมิแพ้เป็นอันตราย ร่างกายผลิตสารภูมิคุ้มกัน IGE (IMMUNOGLOBULIN-E) เข้าจัดการแต่ยังไม่เกิดอาการ


2) ระยะแสดงอาการเมื่อร่างกายสัมผัส,สูดดมหรือ ทานเข้าไปเป็นครั้งที่ 2 ร่างกายผลิต IGE จำนวนมากกำจัดสารก่อภูมิแพ้ออกให้หมด สารแอนตี้บอดี้จะกระตุ้นเม็ดเลือดขาวชนิดมาสต์เซลล์ (MAST CELL) ปล่อยสารเคมีหลายชนิดรวมทั้งฮิสตามีน (HISTAMINE) ทำให้เกิดการอักเสบ คัน บวม แดง

แพทย์ แผนปัจจุบัน รักษาสะเก็ดเงินส่วนใหญ่ให้ยาแก้อักเสบที่มีส่วนผสมของสเตอร์รอยหรือไม่มี ทั้งแบบทานและทา(มีการฉายรังสี UV และเคมีบำบัดร่วมด้วย) เช่น เมโทรเท็กเซท, อันทราลิน, เดอโมเวท, LCD, TAR LOTION, เรตินอยด์ ทั้งหมดเป็นเพียงการรักษาอาการเฉพาะหน้าและระงับได้ชั่วคราวเท่านั้น

 

ส่วน แพทย์องค์รวมหรือแพทย์ทางเลือก มีการวินิจฉัยแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง แพทย์องค์รวมวินิจฉัยว่า เป็นเพราะความบกพร่องจากการขาดความสมดุลของกรดไขมันในร่างกาย และเกิดจากอนุมูลอิสระ (OXIDATIVE STRESS OS) เป็นต้นเหตุของโรคแห่งความเสื่อม เป็นโรคที่ไม่พบตัวเชื้อ(โรคไม่ติดเชื้อ)

 

1. เพราะกรดไขมันที่เราบริโภคกันอยู่ทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทย น้ำมันพืชที่ใช้เป็นน้ำมันผ่านกรรมวิธีหรือ RBD โดยส่วนใหญ่เป็นน้ำมันถั่วเหลือง ทานตะวัน, ข้าวโพด,ดอกคำฝอย,รำข้าว, ซึ่งมีกรดไขมัน Omega-6 สูง โดยปกติกรดไขมันที่มีความจำเป็นที่ร่างกายต้องการคือ Omega-6 และ Omega-3 ซึ่งควรมีสัดส่วนอยู่ที่ 2 ต่อ 1 คือ Omega-6 สองส่วนต่อ Omega-3 หนึ่งส่วน แต่ปัจจุบันอาหารแทบทุกชนิดใช้ Omega-6 เป็นส่วนใหญ่ ทำให้อัตราส่วนเป็น 20-40 ต่อ 1 ซึ่ง Omega-6 ที่สูงหรือมากเกินไปจะทำให้เกิดการอักเสบแก่ร่างกายได้ เพราะมีพรอสตาแกลนดิน ชนิดที่ทำให้เกิดการอักเสบสูงเกินไป

 

2. อุตสาหกรรมอาหารสัตว์ เช่น หมู เป็ด ไก่ วัว ปลา ส่วนใหญ่ใช้กากถั่วเหลือง ข้าวโพด ซึ่งมี Omega-6 สูง นำมาเป็นอาหารสัตว์ ทำให้เนื้อสัตว์ที่เรารับประทานส่วนใหญ่มี Omega-6 สูง เป็นสาเหตุที่ทำให้ร่างกายของเรามี Omega-6 สูงไปด้วย

 

3. เป็นเหตุจากอนุมูลอิสระเข้าไปทำปฏิกิริยาต่อเซลล์เม็ดเลือดขาว (T CELL) ภูมิคุ้มกันของร่างกายวิเคราะห์เนื้อเยื่อปกติของร่างกายว่าเป็นศัตรู เชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอมเข้ากำจัดก่อให้เกิดการอักเสบ บวม แดง  “ภูมิเพี้ยน ภูมิคุ้มกันทำร้ายตัวเอง”(AUTO IMMUNE DISEASE) ไม่ว่าภูมิคุ้มกันของร่างกายจะอ่านวิเคราะห์ผิด,หรือทำงานเกินความพอดี ถ้าเกิดขึ้นอวัยวะส่วนไหนจะเรียกชื่อตามอวัยวะของโรคส่วนนั้น เช่น โรคSLE สะเก็ดเงิน, รูมาตอยด์, หอบหืด, แพ้อากาศ, ลมพิษ

 

ประวัติการป่วยเป็นโรคสะเก็ดเงินของ คุณเอกสิทธิ์ สารอักษร

 

ปี 2537

 

มี จุดแดงๆ คล้ายยุงกัดที่หน้าอก 5-6 จุด ไป รพ. แพทย์ปัญญา ให้คุณหมอตรวจ แจ้งว่าเป็นโรคผิวหนัง สะเก็ดเงิน ได้ให้ครีมตลับเล็กๆ กลับมาทา

จาก นั้นอีก 2 สัปดาห์ เริ่มมีผื่น เม็ดแดงๆ แตกมีน้ำใสๆ เกิดทั่วร่ายกายประมาณ 10% ของร่างกาย แผ่นหลัง แขนซ้าย , ขวา และหน้าอกเพิ่ม

หลัง จากนั้นมาแต่ละสัปดาห์ ก็จะมีผื่นแดงค่อยๆ ลุกลาม เพิ่มปริมาณทั่วร่างกาย จึงไปหาหมอผิวหนังที่ รพ.รามคำแหง หมอให้ยาครีมสีเหลืองอ่อนๆ มาทาทั่วร่างกาย รู้สึกว่านุ่มๆ ผิวไม่ตึงมีกลิ่นน้ำมันดิน และจะเปื้อนเสื้อผ้าซักออกยาก

 

 

ปี 2537-2538

 

อาการ ยังไม่ดีขึ้นจึงไปพบแพทย์ที่ รพ.เดชา หมอได้ให้ยาระงับเซลล์ เม็ดสีเหลืองๆ เล็กๆ กินอาทิตย์ละ 7 เม็ด กินแล้วมีอาการข้างเคียง คลื่นไส้ จะอาเจียน แต่ผื่นก็ยังคงเดิมทั่วร่างกายไม่มีท่าว่าจะลดลง เครียดมาก เพราะทำงานอยู่ด้วย

 

 

ปี 2538


มีคนแนะนำให้ไปหาหมอที่ รพ.พระประแดง หมอก็ให้ยา TAR LOTION และ TAR SHAMPOO และ LCD ซึ่งเป็นครีมทาทั่วร่างกาย ช่วยทำให้สะเกิดหลุดร่อน ตอนนั้นที่ศีรษะเริ่มมีเม็ดแดงๆ ขึ้นมีน้ำใสๆ มีอาการคันอย่างรุนแรงทรมานมาก

 

 

ปี 2539-2546

 
ไปหาหมอที่สถาบันโรคผิวหนัง ราชวิถี

 

  ไปพบแพทย์ที่ รพ.ชลบุรี ได้รับยา LCD,TAR LOTION,TAR SHAMPOO และยาแก้คันเม็ดสีขาวเล็ก ANTRAX ยาเดอรโมเวท อาการตอนนั้นสะเก็ดหลุดลอกทั่วร่างกายๆ เป็นประมาณ 60% แล้ว ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้ามีความทรมานเป็นอย่างมาก และช่วงเวลาที่เป็น เข้าๆ ออกๆ สถาบันโรคผิวหนังได้รับยามาปริมาณมาก แต่ก็ไม่ดีขึ้น

 

 

ปี 2546-2548


 

ได้ ทานเห็ดหลินจือ (ชุดละ 3,000 กว่าบาท) กินแรกๆ จะกระทุ้งโรคออกมาทั่วร่างกาย และคืนสภาพบางส่วน อาการทรงๆ กินอยู่ประมาณ 2 ปีครึ่ง เลยหยุดกินเพราะราคาแพง จากนั้นอาการกลับมาเป็นหนักกว่าเดิม 80-90% ของร่างกาย ในระหว่างนี้ก็วนเวียนไปพบแพทย์ตามคลินิกต่างๆ แต่ก็ไม่มีผลตอบรับซักเท่าไร

 

 

ปี 2549


 

เกิดมีอาการขาบวม ทั้ง 2 ข้าง เดินไม่ได้ 1 เดือนเต็ม

 

 

ปี 2550 (มกราคม)


ต้องออกจากงาน ก่อนหน้านั้นในระหว่างปี 2537- มกราคม 2550 ยังทำงานอยู่ตลอดแม้ว่าจะเป็นหนักและทรุดอย่างมาก เคยถึงขนาดคิดสั้น แต่ก็ยังมีสติว่าต้องเข้มแข็ง ต้องอดทน ผมนอนร้องให้อยู่บ่อยครั้ง

 

 

ปี 2550 (กุมภาพันธ์)

 

คุณลุงได้แนะนำให้กินมังสวิรัติ กินอยู่ 1 ปี อาการดีขึ้น ขาที่บวมก็เริ่มดีขึ้น

 

 

ปี 2550 (ตุลาคม)

 

ได้ทานผลิตภัณฑ์อาหารเสริม (ชุดละ 6,200 บาท) ทานอยู่ 4 ชุด อาการดีขึ้นบ้าง แต่พอหยุดทานก็เป็นอีก

 

 

ปี 2552 (ต้นเดือนเมษายน)


สรุปอาการก่อนรักษาด้วยโภชนาการ อาการที่เป็น ผิวหนังตึง หนักและอักเสบมาก

ใบหน้า - มีผื่นแดง เป็นผื่นหนามีขอบทั่วใบหน้า หน้าผาก แก้ม
ศีรษะ - มีรังแค ผื่นนูน
แผ่นหลัง - ผื่นนูนแดง มีขอบทั่วแผ่นหลัง
หน้าอก,ท้อง - ผื่นแดงทั่วไปหมด
ทั่วร่างกาย - ผิวแห้ง แตกเป็นลาย มีผื่นเป็นที่ๆ
มือขวา,มือซ้าย - ผิวมีผื่นหนามาก แดงระบม และเป็นสะเก็ด ผิวแข็งแห้ง
เท้า - มีผื่นหนาแดงเข้ม เป็นขอบนูน
หน้าแข้ง - มีผื่นหนาแดง เป็นขอบไปทั่ว

 

NOTE ไม่เคยฉายแสง , เคยฉีดยาที่โคนเล็บมือทั้ง 10 นิ้ว

(หมายเหตุ) ตลอดเวลาที่เป็นโรคนี้ 16 ปี จะต้องใส่แต่กางเกงขายาว,เสื้อแขนยาวอยู่ตลอดเวลา ซึ่งร้อนและคันทรมานมาก

 

 

ปี 2552 8 เมษายน เริ่มรักษาด้วยวิถีทางโภชนาการ (สูตรการรักษา)

 

- การทำ OIL PULLING ช่วยลดปริมาณแบคทีเรียในช่องปาก อันเป็นสาเหตุของโรคร้ายต่างๆ

- น้ำมันมะพร้าว + กระเทียม ช่วยเพิ่มภูมิต้านทานอย่างสูง (กรดอัลฟ่าไลโปอิค)
- ข้าวกล้อง มีอิโนชิสตอล เป็นเลซิตินช่วยผิวหนังให้ยืดหยุ่น ไม่อักเสบ
- น้ำมันปลา มี OMAGA 3 ปรับสมดุล OMAGA 6 ลดการอักเสบ
- ขมิ้นชัน ช่วยเพิ่มภูมิต้านทานให้กับร่างกาย
- มะละกอ มีเอนไซม์ ย่อยโปรตีน
- ผักตำลึง + ใบบัวบก มีเอนไซม์ ย่อยแป้ง
- ผักสด + ผลไม้ ทานสด ๆ มีเอนไซม์เพิ่มพลังชีวิต

- พยายามหลีกเลี่ยง น้ำตาลทรายขาว , แป้งขาว , กาแฟ , แอลกอฮอล์

- ดื่มน้ำลดความร้อนในร่างกาย เช่น น้ำเก็กฮวย, หล่อฮั้งก้วย, จับเลี้ยง, น้ำใบบัวบก ไม่ใส่น้ำตาล หรือหวานน้อย

- หลีกเลี่ยงน้ำมันที่ผ่านกรรมวิธี (RBD) ทุกชนิด เช่นน้ำมันถั่วเหลือง , ทานตะวัน , รำข้าว , ข้าวโพด ฯลฯ

 

 

ปี 2552 (8 ถึง 16 เมษายน)


เห็นผลชัดเจน อาการดีขึ้น (ไม่มีทรุดลงหรือคงที่) อาการมีแต่ดีวันดีคืน อาการคันซึ่งเป็นสาเหตุของการอักเสบลดลง อย่างเห็นได้ชัด

 

 

 

 

 

 

 

ปี 2552 (8 มิถุนายน)

 

เป็นเวลา 2 เดือนเต็มที่รักษาด้วยโภชนาการ

ใบหน้า - ดีขึ้น 90% แทบจะเป็นปกติ
แผ่นหลัง - ดีขึ้น 85% เป็นเนื้อเดียวกับผิว ไม่มีขอบ ไม่แดง

 

ส่วน ในบริเวณอื่นๆ จากที่เคยเป็นผื่นหนา มีขอบ ผิวแห้งตึง ก็มีอาการลดลง จากเคยแดงมากก็ออกสีชมพู ผิวหนามีขอบ ก็ลดลง ผื่นที่เป็นเริ่มกลืนเป็นเนื้อเดียวกับผิว อาการคันมากก็คันน้อยลง หรือไม่คันเลย

นอน หลับดีขึ้น ร่างกายพักผ่อนเต็มที่ ไม่เคยนึกเลยว่าอีกไม่นานจะได้กลับไปใช้ชีวิต มีงานมีการทำเหมือนคนอื่น มีครอบครัว มีเพื่อนฝูง สังคมไม่รังเกียจ ขอบคุณเป็นที่สุดกับสูตรน้ำมันมะพร้าวที่แสนมหัศจรรย์ ขอบคุณอย่างมากครับ

 

 

การรักษาโรค “สะเก็ดเงิน” ด้วยวิถีทางโภชนาการ (ฉบับสมบูรณ์)


อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง

- อาหารรสหวาน,ผลไม้รสหวานมาก,เลี่ยงน้ำตาลฟอกขาว
- แป้งขาว เช่น ขนมปัง,เส้นก๋วยเตี๋ยว,บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป,ซาลาเปา,ปาท่องโก๋
- อาหารรสจัด,เค็มจัด,เผ็ดจัด,เปรี้ยวจัดและมีรสมันจัด
- อาหารที่มีกลูเตนสูง,ข้าวสาลี,ข้าวโอ๊ด,ข้าวบาร์เลย์,ข้าวไรน์
- แอลกอฮอล์,คาเฟอีน (ชา,กาแฟ) ของหมักดอง
- อาหารทะเล กุ้ง ปู และหอย (ควรงดเด็ดขาด)
- เนื้อสัตว์ที่ย่อยยาก เช่น เนื้อวัว ให้เน้นทานเนื้อปลา
- ลดในสิ่งที่ตัวเองแพ้ เช่น น้ำผึ้ง,ข้าวโพด
- อาหารที่ใช้น้ำมันพืชผ่านกรรมวิธี น้ำมันถั่วเหลือง ทานตะวัน ข้าวโพด ดอกคำฝอย รำข้าว (น้ำมันพวกนี้มี OMEGA 6 สูงทำให้เกิดการอักเสบ) และไขมันทรานส์ (ตัวร้ายที่สุด)
- ผู้ป่วยราว 20 % จะแพ้อาหาร (NIGHT SHADE) เช่น มะเขือเทศ,มะเขือ,มันฝรั่ง,พริกไทย,พริกใบยาสูบ(บุหรี่),ถั่ว,ข้าวโพด,งา
- อาหารที่มีนมวัวผสม นมวัวมีโปรตีนเคซีน ร่างกายย่อยยาก
- หลีกเลี่ยงสารเคมีโดยการสัมผัส,สูดดม และงดทานอาหารที่มีส่วนผสมของผงชูรส,วัตถุกันเสีย

อาหารที่ควรรับประทาน

- น้ำมันมะพร้าว+กระเทียมเป็น SUPER ANTIOXIDANT ช่วยเพิ่มภูมิต้านทานอย่างสูงเรียกว่ากรดอัลฟ่าไลไปอิด ดูรายละเอียด
- การดื่มน้ำให้ถูกต้องและพอสำหรับร่างกาย คลิกเพื่อดูรายละเอียด

- น้ำ เอนไซม์มี 2 ชนิด 1.ได้จากผักสด+ผลไม้ 2.น้ำหมักชีวภาพ ช่วยกำจัดสารพิษ และช่วยย่อยอาหาร (ผู้ป่วยภูมิแพ้หรือสะเก็ดเงินจะมีอาการกรดในกระเพาะอาหารไม่เพียงพอ)
- ข้าวกล้อง มีอิโนซิตอส ลดการอักเสบ (เลี่ยงข้าวขาว)
- ผักตำลึง,ใบบัวบก,ย่านาง คั้นเป็นเครื่องดี่มมีฤทธิ์เย็นและมีเอนไซม์ย่อยแป้ง
- มะละกอดิบ มีเอนไซม์ย่อยโปรตีน
- ผักสด+ผลไม้ ทานสดมีเอนไซม์เพิ่มพลังชีวิต
- เน้นอาหารจากธรรมชาติ RAW FOOD ไม่ผ่านการปรุงแต่งหรือปรุงแต่งให้น้อยที่สุด
- วิตามินและเกลือแร่ ช่วยต้านอนุมูลอิสระ

- อาหารที่ย่อยง่ายและเคี้ยวอาหารให้นานขึ้น
- สาหร่ายทะเลช่วยส่งเสริมการทำงานไทรอยด์ (เพิ่มภูมิต้านทาน)

วิธีการดูแลรักษา
  

วิธี การรักษาที่เขียนในบทความนี้เป็นวิธีที่ได้จากการรักษาจริง แล้วได้บอกต่อกับผู้ป่วยสะเก็ดเงินด้วยกัน ผลที่รักษาเป็นที่น่าพอใจ อาจเป็นช่องทางหนึ่งในหลายๆวิธีที่ผ่านการรักษาแผนปัจจุบันมาแล้ว

 

การรักษาแผลสะเก็ดเงินภายนอก(ผิว)ใช้อยู่ 2 วิธี


1) ใช้ยาทาผิวที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ 0.1% ใช้ไม่เกิน 10 วัน (ถ้ามากกว่านี้จะมีผลข้างเคียง ผิวหนังบาง ติดเชื้อง่าย ไหม้ มีสิว ระคายเคือง ผิวหนังแห้งแตก ต่อมใต้ผิวหนังอักเสบ สีดล้ำ และร่างกายจะขาดโปแตสเซียม) ทางเฉพาะบริเวณที่เป็นสะเก็ดเงินเท่านั้น ทาวันละ 2-3 ครั้ง หลังจากสะเก็ดเงินบางลงหยุดใช้

ถ้า ไม่ใช้สเตียรอยด์ทา ยังมียากลุ่มอื่นที่ไม่ใช้สเตียรอยด์ แต่มีราคาแพง เช่น โปรโทปิค (PROTOPIC) ยาอิริเดล (ELIDEL) แทนได้ประสิทธิภาพเทียบเท่าสเตียรอยด์ ชนิดอ่อนและปานกลางเท่านั้น นับว่าเป็นทางเลือกได้อีกทางที่ช่วยระงับอาการคันได้


2) ใช้น้ำมันมะพร้าวทาผิวต่อเนื่อง ทาได้บ่อยๆ ผิวหนังจะชุ่มชื้นเข้าอาการสะเก็ดเงินจะควบคุมได้ดี และใช้น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ทาได้ตลอด
การรักษาแผลสะเก็ดเงินด้วยโภชนาการและการปฏิบัติตอนเช้าและก่อนนอน

1) ตื่นเช้าทำ OIL PULLING 15-20 นาที
2) ตามด้วยการดื่มน้ำ 1-2 แก้ว
3) รับประทานสิ่งต่างๆเหล่านี้วันละ 2-3 เวลาก่อนอาหาร

    - น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ (ไม่แต่งกลิ่นสังเคราะห์ เพราะมีสารเคมี)  

    - กระเทียมสด หรือกระเทียมอัดเม็ด (อิมมิวนีท็อป 2000)          
    - เลซิติน (ไวทัล-เอ็ม)                                                                              
    - น้ำมันตับปลา                                                                         
    - บริวเวอร์ยีสต์                                                                        
    - ขมิ้นชัน                                                                               
    - N-ACETYLCYSTEIN (NAC LONG),(MUCIL)

    - Evening Primrose Oil (EPO)
4) อาหารแต่ละมื้อให้ดูอาหารที่ควรหลีกเลี่ยง และทานอาหารที่ควรรับประทาน อย่าลืมการดื่มน้ำที่ถูกต้อง
5) ออกกำลังกายอย่างน้อย 15 นาที อาทิตย์ละ 3 ครั้ง
6) พักผ่อนให้สบาย ฝึกมองโลกในแง่บวก จิตแจ่มใส ผ่อนคลาย

7) เพิ่มอาหารที่มีฤทธิ์เย็น เช่น ผักผลไม้, แตงกวา, ฟัก, ถั่วต้ม+เห็ดหูหนูขาว หรือเครื่องดื่มที่มีฤทธิ์เย็น เช่น น้ำใบบัวบก, ย่านาง, เก็กฮวย, จับเลี้ยง, น้ำถั่วเขียว เพื่อดับร้อนในร่างกาย ดื่มแทนน้ำทุกวันจะดีมาก ไม่ใส่น้ำตาล หรือน้ำตาลน้อย


                  Link   https://www.naturalmind.co.th/

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


 

               โรคสะเก็ดเงินที่เล็บ

โรคสะเก็ดเงิน Psoriasis

โรคสะเก็ดเงินเป็นดรคผิวหนังเรื้อรังที่มีผื่นที่ผิวหนัง โรคสะเก็ดเงินยังทำให้เกิดข้ออักเสบ และมีโรคสะเก็ดเงินที่เล็บ

การรักษาโรคสะเก็ดเงินให้หายขาด วิธีรักษาโรคสะเก็ดเงินให้หายขาด โรคสะเก็ดเงินที่เล็บ

การรักษาโรคสะเก็ดเงินให้หายขาด วิธีรักษาโรคสะเก็ดเงินให้หายขาด โรคสะเก็ดเงินที่เล็บ
การรักษาโรคสะเก็ดเงินให้หายขาด วิธีรักษาโรคสะเก็ดเงินให้หายขาด โรคสะเก็ดเงินที่เล็บ

โรคสะเก็ดเงินหรือ posoriasis

Psoriasis

โรคสะเก็ดเงินหรือโรคเรื้อกวางเป็นโรคผิวหนังเรื้อรัง ที่เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันมีความบกพร่อง ทำให้เซลล์ผิวหนังกำพร้าแบ่งตัวเร็ว ผิวหนังหนาตัวและเป็นขุย เชื่อว่ากรรมพันธ์มีส่วนทำให้เกิดโรค โดยจะต้องมีปัจจัยกระตุ้นซึ่งได้แก่ ความเครียด ผิวหนังมีแผล รวมทั้งการติดเชื้อ และจากยาบางชนิด

โรคสะเก็ดเงินมักจะเป็นตอนวัยรุ่น และพบมากในวัยกลางคน ไม่ติดต่อโดยการสัมผัสโ

โรคสะเก็ดเงินมีหลายรูปแบบ ความรุนแรงหลายระดับ รูปแบบที่พบบ่อยคือ Plaque psoriasis ผู้ป่วยร้อยละแปดสิบจะเป็นโรคสะเก็ดเงินชนิดนี้

ตำแหน่งที่พบได้แก่ผิวหนังทุกแห่ง เช่น เข่า ศอก หนังศีรษะ ลำตัว มือ

อาการของโรค 

อาการของโรคมักจะค่อยๆเกิด และเป็นๆหายๆ ปัจจัยที่ทำให้โรคกำเริบได้แก่ การได้รับบาดเจ็บของผิวหนัง เช่นการเกา มีดบาด ผิวไหม้จากแสงแดด การติดเชื้อไวรัส แพ้ยา 

  1. ผิวหนังเริ่มเป็นผื่นเล็กๆสีแดง มีขอบชัดเจน รูปร่างอาจจะทรงกลมหรือรูปไข่ และมีขุยหรือสะเก็ดเงินสีขาว วึ่งค่อนข้างจะติดแน่น เมื่อแกะสะเก็ดออกจะมีเลือดออกเล็กน้อย
  2. ผื่นอาจจะขยายวงกว้างออกไป รูปร่างของผื่นมีได้หลายรูปแบบ เช่น ผื่นลักษณะก้นหอย Rupoid psoriasis หรือคล้ายหยดน้ำ guttate psoriasis  
  3. เล็บ ลักษณะเล็บจะเป็นหลุมเรียก pitted nail หรือมีการหนาตัวอยู่ใต้เล็บsubungal keratosis ถ้าเป็นมากจะผุทั้งเล็บ
  4. ข้อ มีอาการปวดข้อภายหลังจากมีผื่นทางผิวหนัง ข้อที่ปวดมักจะเป็นข้อเล็กๆ เริ่มที่ปลายนิ้วมือ นิ้วเท้า มักจะเป็นทั้งสองข้าง บางครั้งอาจจะเป็นข้อใหญ เช่นข้อเท้า ข่อเข่า

      Link     https://www.siamhealth.net

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

อัพเดทล่าสุด