อาการโรคไส้เลื่อน อาการคนที่เป็นโรคไส้เลื่อนเป็นอย่างไรบ้าง โรคไส้เลื่อนในผู้ชาย


1,881 ผู้ชม


อาการโรคไส้เลื่อน อาการคนที่เป็นโรคไส้เลื่อนเป็นอย่างไรบ้าง โรคไส้เลื่อนในผู้ชาย

                อาการโรคไส้เลื่อน

รคไส้ เลื่อน(Hernia) หมายถึง ภาวะที่ลำไส้เลื่อนออกนอกช่องท้องผ่านผนังช่องท้องที่บอบบาง ตำแหน่งที่ลำไส้จะเลื่อนออกนอกช่องท้องมีหลายแห่ง เช่น บริเวณขาหนีบ(Groin Hernia) ผนังหน้าท้อง(Abdominal Hernia) สะดือ(Umbilical Hernia) และ รอยแผลผ่าตัด(Incisional Hernia) เป็นต้น

             เมื่อวานนี้ดูทีวีเรื่องปัญหาไส้เลื่อน(Hernia) คุณหมอท่านก็บอกโดยมากจะคิดกันว่าจะเป็นเฉพาะผู้ชายแต่หาใช่เช่นนั้นไม่เพราะปัญหานี้ทุกคนมีโอกาสเป็นได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง แต่ผู้ชายมีโอกาสเป็นมากกว่า....เท่านั้นเอง...เพราะไส้เลื่อนเกิดจากการที่ความดันในช่องท้องมีมากกว่าความดันภายนอก จนดันผนังท้องให้โป่งออกมา แล้วในที่สุดลำไส้ก็เคลื่อนออกมาทางช่องบริเวณขาหนีบได้ แต่บางท่านอาจเป็นตั้งแต่เด็ก บางท่านอาจเป็นตอนโต บางท่านอาจเป็นข้างเดียว แต่บางท่านอาจเป็นทั้งสองข้าง

            อันตัวข้าพเจ้าเองก็เป็นนะจ๊ะ...ฮิฮิ...เมื่อศึกษาดูก็รู้ว่าเป็นชนิดที่เลื่อนเข้าไปในถุงอัณฑะ มีชื่อเรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า Indirect Inguinal Hernia วันไหนรู้สึกว่าอ่อนเพลียละเหี่ยใจ ข้าวก็กินแล้ว ขนมก็กินแล้ว แต่ยังดูเหนื่อย ๆ พิกล ก็ต้องลองจับตรงนั้นดูรู้สึกเจ็บ ๆ คิดในใจว่าคงใช่แน่แล้ว ก็ต้องพาตัวเองเดินเข้าห้องน้ำไปเลย เพื่อจัดการเขาให้เรียบร้อย ออกมาก็ล้างมือด้วยสบู่ให้สะอาด จะรู้สึกว่าเดินตัวปลิวไปเลย

            การดูแลตัวเองนั้นผมไปได้วิชามาจากหมอนวดแผนโบราณ เขาถามว่าเป็นไส้เลื่อนหรือเปล่า ผมบอกเป็น เขาบอกว่างั้นจะบอกวิธีรักษาให้ เขาบอกว่ามีเส้นบริเวณเหนือขาหนีบซึ่งจุดนั้นเขาเรียกว่า เส้นกษัย  ถ้าเรามีอาการไส้เลื่อน เส้นบริเวณนั้นจะตึงมาก ให้เรานวดบริเวณเส้นนั้นจากที่มีอาการเส้นตึง นวดไปประมาณสองนาทีก็จะหย่อน ก้มลงดูก็จะพบว่าลูกอัณฑะของเราด้านที่มีปัญหาไส้เลื่อน จะไม่มีส่วนที่หย่อนลงมาให้เห็นแล้ว...ผมแนะนำเพื่อน ๆ ไปหลายคนแล้ว ทุกคนบอกได้ผลครับ

            แต่ถ้าเป็นมากกว่านี้ผมก็ขอแนะนำให้ไปผ่าตัดครับ จะได้หายขาดถาวร ทุกวันนี้การแพทย์แผนปัจจุบันทันสมัยมาก การผ่าตัดก็มีรอยแผลน้อย เพราะใช้เลเซอร์และใช้กล้องส่องให้เห็นภายในร่างกายบริเวณที่ต้องการผ่าตัด

            ส่วนรายละเอียดของโรคไส้เลื่อนนั้น ได้นำรายละเอียดที่ได้ศึกษามาเป็นตัวอย่างให้ดู เพื่อท่านผู้อ่านจะได้ทำการศึกษาต่อไป ดังนี้ครับ

            โรคไส้เลื่อน(Hernia) หมายถึง ภาวะที่ลำไส้เลื่อนออกนอกช่องท้องผ่านผนังช่องท้องที่บอบบาง ตำแหน่งที่ลำไส้จะเลื่อนออกนอกช่องท้องมีหลายแห่ง เช่น บริเวณขาหนีบ(Groin Hernia) ผนังหน้าท้อง(Abdominal Hernia) สะดือ(Umbilical Hernia) และ รอยแผลผ่าตัด(Incisional Hernia) เป็นต้น

            ลำไส้เลื่อนส่วนใหญ่จะพบที่บริเวณขาหนีบ ผนังช่องท้องบริเวณนี้มีหลายตำแหน่งที่ไส้เลื่อนออกนอกช่องท้องได้ ในผู้ชายส่วนมากลำไส้จะเลื่อนผ่านรูที่ช่องท้องที่มีลักษณะเป็นวงแหวน เข้าไปในถุงอัณฑะ(Indirect Inguinal Hernia) บางรายผ่านผนังช่องท้องออกมาที่ขาหนีบมีลักษณะนูนเป็นลำ บางรายผ่านผนังช่องท้องแต่ไม่นูนออกมาให้เห็นและคลำไม่ได้

              อาการที่สำคัญสำหรับไส้เลื่อนนี้ได้แก่ การที่มีก้อนที่บริเวณขาหนีบ โดยก้อนนี้จะโตขึ้นเวลายกของหนักหรือไอแรงๆจะทำให้ก้อนโผล่ออกมา และอาจจะได้ความรู้สึกมีเสียงเคลื่อนไหวของลำไส้เหมือนเวลาเราหิวข้าว เมื่อนอนลง หรือจับก้อนยัดเข้าไปในรู ก้อนจะหายไป แต่ถ้าลำไส้ถูกรัดแน่นจะมีอาการปวดคล้ายในกรณีของลำไส้ตัน

              สาเหตุของไส้เลื่อนนั้นส่วนมากเกิดจากความบอบบางของผนังช่องท้องในส่วนต่างๆของร่างกาย แต่บางรายเกิดความผิดปกติตั้งแต่แรกเกิด บางรายเกิดจากการผ่าตัด บางรายเกิดร่วมกับโรคอื่นๆที่ทำความดันในช่องท้องมากขึ้น เช่น คนไข้ที่มีน้ำในช่องท้องจากสาเหตุอื่น ดันให้ผนังท้องแยกออก หรือคนไข้ที่มีอาการไอเรื้อรัง หรือมีอาการท้องผูกเรื้อรัง เป็นต้น

              ส่วนการรักษา ไส้เลื่อนยังใช้การผ่าตัดเป็นการรักษาหลัก เพื่อเอาลำไส้ส่วนที่เลื่อนออกนอกช่องท้องกลับเข้าที่และซ่อมผนังที่ผิดปกติให้แข็งแรงคงทนเพื่อไม่ให้ลำไส้เลื่อนออกไปได้อีก การรับประทานยาหรือฉีดยาไม่สามารถรักษาโรคไส้เลื่อนได้

            ในปัจจุบันการผ่าตัดได้ก้าวหน้าไปมาก มีการใช้วัสดุที่คงทนแข็งแรงมาซ่อมแซมส่วนที่อ่อนแอ ทำให้มีโอกาสในการเป็นซ้ำลดลง นอกจากนี้เทคนิคในการผ่าตัดก็ยังทันสมัยและรวดเร็ว ซึ่งอาจจะไม่ต้องดมยาสลบ เพียงแต่ใช้ยาฉีดเข้าในไขสันหลังซึ่งจะทำให้ส่วนล่างของร่างกายชา ก็สามารถทำการผ่าตัดได้

            แต่ในบางกรณีที่คนไข้ไม่สามารถรับการผ่าตัดได้ อาจจะใช้กางเกงรัดที่บริเวณขาหนีบเพื่อไม่ให้ลำไส้เลื่อนออกมาได้ ซึ่งอาจช่วยป้องกันผลแทรกซ้อนจากลำไส้อุดตันได้บ้าง สามารถเข้ารับการผ่าตัดได้ที่โรงพยาบาลทั่วไปหรือโรงพยาบาลศูนย์ ที่มีศัลยแพทย์ผ่าตัด โดยสามารถใช้สิทธิบัตรทอง 30 บาทรักษาได้

            โดยส่วนใหญ่แล้วจะพักอยู่โรงพยาบาลประมาณ 3 วันเพื่อดูแลบาดแผลผ่าตัด และนัดตัดไหมวันที่ 7 แต่ในช่วง 6-12 เดือนหลังผ่าตัดนั้นห้ามออกกำลังกายหนักๆหรือยกของหนักด้วย มิฉะนั้นจะเสี่ยงต่อการเกิดซ้ำได้

              เรื่องของอาหาร ไม่มีอาหารชนิดใดห้ามกิน แต่บางสถาบันการแพทย์จะเน้นเรื่องอาหารที่ไม่ทำให้เกิดอาการท้องผูกเพราะจะต้องเบ่งอุจจาระ แต่ในกรณีนี้จะแนะนำในคนไข้ที่เกิดอาการภาวะไส้เลื่อนอย่างรุนแรง

              ส่วนการออกกำลังกาย จะไม่มีข้อห้ามในกรณีการออกกำลังกายนั้นไม่ต้องใช้การเบ่งหรือการเกร็ง หรือการใช้กล้ามเนื้อหน้าท้องเพื่อเพิ่มความดันในช่องท้อง เช่น ห้ามเด็ดขาดในการออกกำลังกายโดยการยกน้ำหนัก การ Situp ก็จะทำให้ต้นขาและขาหนีบทำงานมากขึ้น และในการ Situp บางจังหวะก็จะทำให้ความดันในช่องท้องเพิ่มขึ้น ก็จะยิ่งไปทำให้ลำไส้มีโอกาสหลุดเลื่อนลงมาได้มาก

===========================================
*ข้อมูลจากคอลัมน์ "แพทย์บางกอก" ในนิตยสาร บางกอก ปีที่ 50 ฉบับที่ 2564 ประจำวันที่ 5 กรกฎาคม 2550

...............................................................................................

ส่วนข้อมูลจาก  www.thaihealthstory.com/man-and-hernia/ มีดังนี้ครับ

เรื่องลูกผู้ชายกับไส้เลื่อน

          ไส้เลื่อนพบบ่อยในผู้ชาย จนหลายคนคิดว่าผู้หญิงไม่เป็นไส้เลื่อน เพราะไม่มีถุงอัณฑะให้ไส้เลื่อนลงมา แต่ความจริงแล้วผูหญิงก็มีโอกาสเป็นได้แต่ไม่บ่อยเท่าผู้ชายเท่านั้นเอง เพราะไส้เลื่อนเกิดจากการที่ความดันในช่องท้องมีมากกว่าความดันภายนอก จนดันผนังท้องให้โป่งออกมา แล้วในที่สุดลำไส้ก็เคลื่อนออกมาทางช่องบริเวณขาหนีบได้
          ฟังดูแล้วแปลกๆ ใช่มั้ยครับ ไส้เลื่อนออกมาจากช่องท้อง เป็นไปได้ยังไง แล้วอย่างนี้ไม่เลื่อนไหลไปไหนต่อหรือ แล้วอวัยวะอื่นๆ จะเลื่อนตามออกมามั้ย
          อันที่จริงแล้วในช่องท้องมีอวัยวะหลายอย่างอยู่รวมกัน เช่น ตับ ถุงน้ำดี กระเพาะอาหาร ลำไส้ใหญ่ ลำไส้เล็ก ซึ่งอวัยวะเหล่านี้ถูกปลกคลุมด้วยเยื่อหุ้มช่องท้อง (peritoneum) และมีพังผืดหรือกล้ามเนื้อหุ้มอีกชั้นเพื่อป้องกันอวัยวะภายใน แต่ผนังเยื่อหุ้มช่องท้องนี้ไม่ได้ปิดสนิททีเดียว แต่จะมีรูที่ให้ท่อรังไข่ในผู้หญิง และท่อน้ำเชื้อในผู้ชายออกมาได้ ซึ่งไส้เลื่อนนี้มีภาวะ 2 รูปแบบ คือ แบบอินไดเร็คและไดเร็ค (indirect in guinal hernia และ indirect inguinal hernia)

ไส้เลื่อนแบบอินไดเร็ค (indirect in guinal hernia)
          แบบนี้จะเกิดในเด็ก โดยขณะที่อยู่ในครรภ์ มีการพัฒนาอวัยวะต่างๆ เมื่ออายุครรภ์ประมาณ 7 สัปดาห์ อัณฑะจะเคลื่อนที่ออกจากช่องท้องมาอยู่ในถุงอัณฑะ และรูหรือทางที่มันเคลื่อนที่จะปิด แต่เด็กผู้ชายบางคนรูและทางเดินดังกล่าวไม่ปิดทำให้ไว้เคลื่อนสู้ถุงอัณฑะ ซึ่งเราเรียกว่า ไส้เลื่อน มักจะพบในผู้ชาย สำหรับผู้หญิงก็เกิดโรคนี้ได้เหมือนกัน โดยรูที่เปิดขากเยื่อที่ยึดมดลูก Round Ligament มีการเคลื่อนตัวจึงเรียกได้ว่าไส้เลื่อนนี้เป็นได้ทั้งชายหญิง

ไส้เลื่อนแบบไดเร็ค (direct guinal hernia)
          แบบนี้เกิดภายหลัง ลำไส้เคลื่อนตัวออกจากช่องท้องลงมาเลยโดยอาจจะเกิดจากความดันในช่องท้องเพิ่มมากขึ้นอวัยวะเบียดเสียดกัน จนต้องหาทางระบายออก ตำแหน่งไหนที่ผนังเยื่อหุ้มช่องท้องบางมากๆ หรือหย่อน ลำไส้ก็จะไหลออกมาเป็นถุง กลายเป็นไส้เลื่อนได้
            อาการของไส้เลื่อนในผู้ใหญ่นี่ มันก็อาจจะบอกได้ถึงความผิดปกติที่ร้ายแรงอื่นๆ ไม่ใช่เป็นเพียงแค่ไส้เลื่อนเท่านั้น แต่สาเหตุของไส้เลื่อนนี้อาจมาจากความดันในช่องท้องเพิ่มมากขึ้นจากตับแข็ง หรือถุงลมโป่งพองมากๆ ทำให้ความดันในช่องท้องเพิ่มมาก ผลที่ตรวจเจอคือ ไส้เลื่อนแต่ความผิดปกติภายในก็ต้องหาสาเหตุกันต่อไป
          บางครั้ง ไส้ที่เลื่อนออกมาก็อาจเลื่อนกลับเข้าไปในช่องท้องได้เหมือนกัน ถ้าเป็นแบบนี้คุณก็จะไม่มีอาการอะไรอื่นอีก ไส้เลื่อนออกมาก็เลื่อนกับไปได้เหมือนเดิมถ้าไม่ตรวจสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้ไส้เลื่อก็คงจะปล่อยทิ้งไว้ ไม่ได้รักษา และยังไม่ตระหนัก แต่ถ้าเลื่อนแล้วไม่กลับเข้าไป คราวนี้แหละ จะเกิดความรำคาญในช่องแรกๆ และกลายเป็นทรมานในช่วงหลังๆ
          ถ้าไส้เลื่อนลงมาบริเวณขาหนีบ หรือบริเวณลูกอัณฑะคุณก็จะเกิดความรู้สึกหน่วงๆ เวลายืนหรือเดิน แล้วหากทิ้งไว้นานๆ ไส้ที่เลื่อนลงมาจะขาดเลือดมาหล่อเลี้ยง อันตรายจะเกิดขึ้นเมื่อเนื้อลำไส้ตายและเริ่มเน่า คุณจะเจ็บปสดและทรมานอย่างมาก แถมมีอันตรายมากด้วย
          ดังนั้น หากพบว่ามีก้อนหรือมีอะไรออกมาตุงอยู่แถว ๆ ขาหนีบ หรือลูกอัณฑะ หรืออาจจะคลำเจอบ้างไม่เจอบ้างแต่ถ้ายกของหนักหรือไอแรงๆ ก้อนจะโผล่ออกมาจนคลำได้และอาจจะจับได้ถึงเสียงเคลื่อนไหวของลำไส้เหมือนเวลาเราหิวข้าว คลำได้เป็นก้อน แต่อาจจับยัดใส่กลับเข้าไปได้แสดวงว่าผนังบุช่องท้องบริเวณนั้นอ่อนแอ ความดันในช่องท้องจะดันเอาลำไส้ออกมา หรืออย่างบริเวณลูกอัณฑะก็เกิดได้ง่าย เพราะลำไส้จะเคลื่อนออกมาตามแนวของลุกอัณฑะที่เคลื่อนลงมาจากช่องท้องจนเข้ามาในลูกอัณฑะ หากเป็นเช่นนี้จะพบว่าลูกอัณฑะมีขนาดใหญ่มากๆ และหากปล่อยไว้นานๆ ลูกอัณฑะจะบวมมาก

          ไส้เลื่อนทั้ง 2 ชนิด รักษาได้ด้วยการผ่าตัดเพื่อนำลำไส้กลับมาไว้ในช่องท้องตามเดิม แล้วเย็บปิดซ่อมแซมผนังเยื่อหุ้มช่องท้องก็เสร็จเรียบร้อย ยกเว้นแต่ว่า มีโรคอื่นๆทำให้เกิดไส้เลื่อนก็ต้องหาสาเหตุและรักษาไป หรืออาจจะไม่โชคร้าย แต่เป็นภาวะที่ไปเพิ่มความดันช่องท้องอย่างมาก พบว่าคนที่ความดันในช่องท้องสูงอาจจะเกิดจากปัจจัยเหล่านี้ คือ ตั้งครรภ์ ไอมากๆ ไอเรื้อรัง อ้วนมากๆ ท้องผูก ต่อมลูกหมากโต ซึ่งทำให้ต้องเบ่งอย่างแรงขณะปัสสาวะ ซึ่งจะไปเพิ่มแรงดันในช่องท้องจนอาจเกิดไส้เลื่อน

Link         https://www.gotoknow.org/

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


              อาการคนที่เป็นโรคไส้เลื่อนเป็นอย่างไรบ้าง

ไส้เลื่อนเป็นแล้วอย่าได้อายหมอ

“ว้าย ! เป็นไปได้รึคะหมอ หนูไม่ใช่ผู้ชายจะเป็นไส้เลื่อนได้ยังไงคะ”

ครับ สงสัยกันพอดูเชียวแหละว่า ผู้หญิงเป็นไส้เลื่อนได้ยังไง อันที่จริงไส้เลื่อนนั้นก็คือ อวัยวะที่มันเลื่อนหรือเคลื่อนผิดตำแหน่งเดิมของมัน

ในบ้านเรา “ไส้เลื่อน” มักได้ยินแต่ว่าผู้ชายเป็นมากกว่าผู้หญิง ทางการแพทย์ยืนยันว่าผู้ชายเป็นมากกว่าผู้หญิงถุง 5 ต่อ 1

ไส้เลื่อน คืออะไรกันแน่ ?

อวัยวะอะไรก็ตามที่อยู่ในช่องท้อง เคลื่อนที่ผิดตำแหน่งไปอยู่อีกที่หนึ่ง เรียกว่า ไส้เลื่อนทั้งนั้น ถ้าผิดที่อยู่ภายในช่องท้อง มองภายนอกไม่เห็น เรียกว่า ไส้เลื่อนภายใน แต่ถ้ามีการเคลื่อนจนกระทั่งตุงออกมาให้เห็นภายนอกก็เรียกว่า ไส้เลื่อนภายนอก

                                    อาการโรคไส้เลื่อน อาการคนที่เป็นโรคไส้เลื่อนเป็นอย่างไรบ้าง โรคไส้เลื่อนในผู้ชาย


อย่าง หลังนี่เราคุ้น และเจอกันมากกว่า มักจะเจออัณฑะบวมกันเสียส่วนใหญ่ เป็นกันทีก็ตีอกชกลมให้ชาวบ้านเห็น เลยฝังใจกันมาว่า ไส้เลื่อนจะต้องมีอัณฑะบวม เวลาไปเห็นโป่งที่อื่นเราเลยงงกันใหญ่ว่า เป็นไส้เลื่อนหรือนี่ ?
 

เป็นตั้งแต่เด็กเชียวนะ ?

จริงๆ ครับไส้เลื่อนนี้เริ่มเป็นตั้งแต่อ้อนแต่ออกหรือตั้งแต่ทารกอยู่ในครรภ์แล้ว เด็กสะดือจุ่นมากๆ ที่โตมากๆ อย่างนั้นก็เรียกว่า ไส้เลื่อน ผู้ชายเป็นกันมาก เรียกว่า 100 คนเป็น 5 คนเลยเชียว ส่วนเด็กบางคนเป็นไส้เลื่อน 2 ข้างที่ถุงอัณฑะเลยซึ่งพบร้อยละ 20

อาการของคนที่เป็นไส้เลื่อน ขึ้นอยู่กับว่าเป็นมากน้อยแค่ไหน ?

ถ้าเป็นไม่มาก คนที่เป็น เวลาเล่นกีฬา เวลายกของหนัก เวลาเกร็งหน้าท้อง หรือเล่นกีฬาบางอย่างที่เกร็งหน้าท้อง เช่นทุ่มน้ำหนัก จะสังเกตเห็นว่ามีก้อนปูดออกมาและปวดถ่วงๆ

ถ้าเป็นมากแล้ว อาจปวดท้องเป็นพัก ๆ เพราะลำไส้เข้ามาจุกอยู่ในถุงไส้เลื่อน ลำไส้เลยเกิดการอุดตันโดยปริยาย เมื่อลำไส้ถูกอุดตัน เส้นทางลำเลียงขาดเสียแล้ว ผลก็คือ คนไข้ก็จะมีอาการอาเจียน ปวดท้อง ท้องอืดแน่น

บางคนโชคดีที่ว่า ถุงที่ลำไส้ลงมาจุกนั้นเพียงแต่เป็นก้อนเฉยๆ และไม่มีอาการเจ็บปวดแต่อย่างไร
 

  อาการโรคไส้เลื่อน อาการคนที่เป็นโรคไส้เลื่อนเป็นอย่างไรบ้าง โรคไส้เลื่อนในผู้ชาย

รู้ว่าเป็นไส้เลื่อนจะช่วยรักษาตัวเองได้อย่างไร ?

คนที่เป็นไส้เลื่อน ไม่มียาหรือวิธีอื่นใดรักษาได้ นอกจากการผ่าตัดเท่านั้น จึงจะหายขาด
เพราะฉะนั้น ไส้เลื่อนจึงไม่มีวิธีที่จะช่วยรักษาตัวเองให้หายขาดได้

การผ่าตัดช่วยให้หายขาด 100 % หรือไม่ ?

คนที่เป็นไส้เลื่อน ส่วนใหญ่ถ้าหมอได้ผ่าตัดให้ จะหายได้แน่ แต่ไม่ 100% เสมอไป เพราะว่า ถ้าคนนั้นไอเรื้อรังมาก มีเนื้องอกในช่องท้อง ต่อมลูกหมากโต ท้องผูกบ่อย หรือเบ่งหน้าท้อง พวกนี้ก็อาจทำให้กลับเป็นไส้เลื่อนอีกได้

นอกจากนั้น ยังขึ้นอยู่กับว่าแพทย์คนนั้นมีความชำนาญมากแค่ไหน หรือว่าเทคนิคในการผ่าตัดนั้นเป็นอย่างไร

เป็นไส้เลื่อนต้องหอบสังขาร ไปรักษาที่กรุงเทพฯ ไหม ?

ที่จริงแล้ว หมอตามโรงพยาบาลต่างๆ นั้นจะสามารถช่วยผ่าตัดให้ได้เป็นอย่างดี ไม่ต้องเสียค่ารถค่าราไปทำที่กรุงเทพฯ ก็ได้

ค่ารักษาการผ่าตัด ไส้เลื่อนประมาณเท่าไร ?

คนหนึ่งประมาณ 1,000 บาท นี่ว่ากันเฉพาะในกรุงเทพฯ เช่น ที่โรงพยาบาลรามาฯ แต่ต่างจังหวัดอาจถูกกว่า

สำหรับคนที่ไม่มีสตางค์จริงๆ ไปที่โรงพยาบาล ขอร้องให้ทางโรงพยาบาลช่วยเหลือผ่าตัดให้ได้ ไม่ต้องวิตกกังวลอะไร

ผ่าตัดครั้งหนึ่งๆ ใช้เวลานานแค่ไหน อยู่โรงพยาบาลนานกี่วัน ?

อันนี้ขึ้นกับความเชี่ยวชาญของหมอ แต่โดยทั่วไปก็ประมาณ 45 นาทีถึง 1 ชั่วโมง
ส่วนเวลาที่พักในโรงพยาบาลประมาณ 2-3 วัน หมอก็อาจให้กลับบ้านได้และจะนัดตัดไหมอีกครั้งหนึ่ง

ผ่าตัดนั้นต้องดมยา หรือวางยาสลบหรือไม่ ?

ถ้าหมอจะผ่าตัดคนไหนที่เป็นไส้เลื่อน หมอจะมีวิธีผ่าตัดโดยไม่ให้คนที่ถูกผ่าได้รับความเจ็บปวด 3 แบบด้วยกัน
1.ใช้ยาชา ฉีดบริเวณที่ต้องการจะผ่าตัด
2.ใช้ยาฉีดเข้าในไขสันหลัง
3.ใช้ยาสลบ

วิธีไหนสะดวกปลอดภัยที่สุด ?

อัน นี้ขึ้นอยู่กับว่า หมอเขาจะเห็นว่าอย่างไหนดีที่สุด ก็จะเลือกอย่างนั้น ไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้น อาจจะฉีดยาเข้าทางไขสันหลังหรือดมยาสลบก็ได้ ไม่เหมือนกันทุกราย

โทษของการผ่าตัด ทำให้อวัยวะเพศหรือเพศสัมพันธ์เสื่อมเสียหรือไม่ ?

ไม่ เกี่ยวข้องกันเลย เพราะการผ่าตัดไม่เกี่ยวข้องกับประสาทที่เกี่ยวข้องกับเพศสัมพันธ์แต่อย่าง ใด นอกจาบางคนเท่านั้นที่มีอาการชาได้ในบริเวณแผลผ่าตัดเนื่องจากยา

การปฏิบัติตัวก่อนพบแพทย์ ?

ถ้าพบว่าตัวเองเป็น “ไส้เลื่อน” แล้วมีอาการปวดท้องเป็นพัก ๆ และก้อนนั้นจุกอยู่กับที่ ดันไม่เข้าแล้ว ควรให้คนๆ นั้นนอนสบายๆ แล้วส่งโรงพยาบาล ถ้าก้อนนั้นเลื่อนออกมามาก ก็พยายามใช้มือค่อยๆ ดันก้อนที่โป่งออกกลับเข้าที่ข้างใน ก็จะช่วยได้บ้างก่อนพบแพทย์

เทคนิคการป้องกันไม่ให้เป็นไส้เลื่อน ?

อะไร ก็ตามที่ทำให้เกิดความดันในช่องท้องมากๆ ล้วนแต่มีส่วนสนับสนุนให้เป็นไส้เลื่อนได้ เพราะฉะนั้นจึงต้องป้องกันเหตุปัจจัยที่จะไม่ให้เกิดความดันในช่องท้องต่อไป นี้

พยายามไม่ให้ท้องผูก เพราะท้องผูกทำให้มีการเบ่ง

พยายามไม่ให้ไอ โดยแก้ที่สาเหตุ เช่น สูบบุหรี่มก (ก็ต้องงดบุหรี่) เป็นวัณโรค (ก็รักษาเสีย)

อย่ายกของหนักเกินไป เพราะการยกของหนัก ทำให้มีการเกร็งของหน้าท้อง ทำให้กล้ามเนื้อที่บุหน้าท้องหย่อนยาน

ถ้าเป็นเนื้องอกในช่องท้องต้องรีบรักษาให้หาย  

      อาการโรคไส้เลื่อน อาการคนที่เป็นโรคไส้เลื่อนเป็นอย่างไรบ้าง โรคไส้เลื่อนในผู้ชาย

เล่นกีฬาแทบทุกอย่างได้ ไม่ต้องกลัวไส้เลื่อน ?

บางคนกลัวว่า เล่นกีฬากระโดดเชือก วิ่ง เดินมากๆ จะทำให้เป็นไส้เลื่อนได้นั้น ไม่จริง
กีฬาส่วนใหญ่ทำให้ร่างกายแข็งแรง ไม่มีส่วนทำให้เป็นไส้เลื่อน ยกเว้นกีฬาที่ต้องเกร็งหน้าท้องมาก ๆ เช่น ยกน้ำหนัก ทุ่มน้ำหนัก เท่านั้น

การที่ไม่สวมกางเกงใน ก็ไม่มีผลที่จะทำให้เป็นไส้เลื่อนได้ เพราะไม่เกี่ยวกับความดันในช่องท้อง

ถ้าเป็นไส้เลื่อนแล้วปล่อยไว้โดยไม่รักษาจะเป็นอันตรายอย่างไร ?

ถ้าคนเป็นไส้เลื่อนแล้วไม่รีบไปให้หมอผ่าตัดให้ ภายหลังอาจเกิดลำไส้อุดตันได้
บาง คนพอมีก้อนออกมาก็ใช้ผ้าอุดก้อนที่ปูดไว้ เมื่อออกบ่อยๆ ก็อุดบ่อยๆ จนรำคาญตัวเอง โชคร้าย กดเข้า กดออก ก็อาจช้ำได้ หรือเกิดการอักเสบได้ถ้าสกปรกและเป็นแผล บางคนลำไส้ออกมาหนักเป็น 10 กิโลกรัม หรือเท่าลูกมะพร้าว ใช้เป็นที่นั่งได้เลยทีเดียว พวกนี้แปลกที่ว่าลำไส้ไม่อุดตันอะไร แต่จะเดินไปไหนมาไหนด้วยความลำบาก


อย่าง ไรก็ดี ถ้าเป็นไส้เลื่อนแล้ว ขอย้ำว่าไปพบแพทย์ เพื่อผ่าตัดดีกว่า จะทำให้ชีวิตเป็นปกติสุขได้ เช่นเดียวกับคนอื่นทั่วไปอย่ามัวไปหลงว่าจะมียากินยานวด ที่ทำให้ไส้เลื่อนหายได้เป็นอันขาด 

Link       https://doctor.or.th/article/detail/6891

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


 

           โรคไส้เลื่อนในผู้ชาย

โรคไส้เลื่อน

อาการโรคไส้เลื่อน อาการคนที่เป็นโรคไส้เลื่อนเป็นอย่างไรบ้าง โรคไส้เลื่อนในผู้ชาย   อาการโรคไส้เลื่อน อาการคนที่เป็นโรคไส้เลื่อนเป็นอย่างไรบ้าง โรคไส้เลื่อนในผู้ชาย
 
อาการโรคไส้เลื่อน อาการคนที่เป็นโรคไส้เลื่อนเป็นอย่างไรบ้าง โรคไส้เลื่อนในผู้ชาย
คำว่าไส้เลื่อนหมายถึงภาวะที่ลำไส้ได้เคลื่อนที่ออกจากช่องท้องมาสู่ภายนอก เช่นบริเวณขาหนีบ หรืออาจจะเลื่อนมาในตำแหน่งรอยผ่าตัด
ใน ท้องของเรามีลำไส้อยู่สองส่วน ส่วนแรกคือลำไส้เล็ก เป็นลำไส้ส่วนที่ต่อกับกระเพาะอาหาร ขดอยู่ตรงกลางท้อง ทำหน้าที่ย่อยอาหารต่อจากกระเพาะ อีกส่วนคือลำไส้ใหญ่ เป็นส่วนที่อยู่รอบๆลำไส้เล็ก ทำหน้าที่เก็บอุจจาระและปล่อยออกไป ลำไส้พวกนี้จะมีเนื้อเยื่อบางๆเหมือนกระดาษ ที่ขึงลำไส้ให้อยู่เป็นที่เป็นทาง ที่ทางหน้าท้องจะมีเนื้อเยื่อบุผนังและกล้ามเนื้อบังลำไส้ไว้อีกที จากองค์ประกอบดังกล่าวจึงทำให้ลำไส้มีที่อยู่ประจำของมันอยู่ในช่องท้อง หากวันใดที่ลำไส้มีเหตุให้มันเปลี่ยนไปอยู่ในที่ที่ไม่ควรอยู่ เราก็จะเรียกมันว่า "ไส้เลื่อน"
ทำไมถึงเลื่อน
ปัจจัยสำคัญที่สุดที่ทำให้เกิดไส้เลื่อนก็คือ ''''''''ผนังหน้าท้อง''''''''ขาดความแข็งแรง โดยสาเหตุต่างๆกันไป
1)ผิดปกติตั้งแต่เกิด บางคนมีช่องทางระหว่างช่องท้องกับลูกอัณฑะ(ซึ่งคนปกติจะปิดสนิท) บางคนขาดกล้ามเนื้อหน้าท้องบางตัว หรือมีความอ่อนแอของผนังหน้าท้องตั้งแต่เกิด ทั้งนี้แม้แต่จะเป็นแต่เกิด แต่อาจจะมาก่อเรื่องเมื่ออายุมากแล้วก็ได้
2)การเสื่อมลงตามอายุ พบในผู้สูงอายุ ซึ่งกล้ามเนื้อผนังหน้าท้องอ่อนกำลังลง
3)อุบัติเหตุที่หน้าท้อง ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแอลงหรือเกิดความเสียหายต่อผนังหน้าท้อง
4)แรงดันในช่องท้องสูง การยกของหนัก ไอบ่อย มีการเบ่งอุจจาระหรือปัสสาวะเป็นประจำ จะทำให้แรงดันในท้องเพิ่มขึ้นและค่อยๆทำให้เกิดความอ่อนแอของผนังหน้าท้อง มากขึ้นอย่างช้าๆ
5)หลังการผ่าตัดช่องท้อง เนื้อเยื่อที่ถูกผ่าจะขาดความยืดหยุ่นและเป็นจุดที่อ่อนแอที่สุดของหน้าท้อง หากช่วงพักฟื้นเกิดเหตุแทรกซ้อนกับแผล ก็จะทำให้เกิดไส้เลื่อนที่แผลผ่าตัดได้มากขึ้น
ปัจจัยเหล่านี้ถ้ามีเพียงข้อเดียวมักไม่เกิดอะไรขึ้น แต่หากเป็นพร้อมกันหลายๆข้อ ก็จะยิ่งเสี่ยงที่จะเกิดไส้เลื่อนได้มากขึ้น
ชนิดของไส้เลื่อน ถ้าแบ่งตามตำแหน่งที่ตรวจพบ จะแบ่งได้เป็น
1) ไส้เลื่อนลงอัณฑะ
2) ไส้เลื่อนผนังหน้าท้องส่วนล่าง
3) ไส้เลื่อนโคนขา
4) ไส้เลื่อนแผลผ่าตัด
5) ฯลฯ ไส้เลื่อนยังมีอีกหลายชนิด แต่เจอได้น้อยกว่ามาก
การแบ่งแบบนี้ ได้ประโยชน์ในแง่ของการอธิบายให้ผู้ป่วยเข้าใจ เพราะเป็นสิ่งที่มองเห็นได้ง่ายด้วยตา บางครั้งอาจจะบอกได้ถึงที่มาที่ไปของโรค และนำไปใช้ในการเลือกวิธีการในการผ่าตัด
ประโยชน์อีกแง่หนึ่งก็คือบอกให้รู้ได้ว่า ไส้เลื่อนไม่จำเป็นต้องเกิดเฉพาะกับผู้ชาย และไม่จำเป็นต้องลงไข่
ปกติอวัยวะเช่นลำไส้ ตับจะถูกปกคลุมโดยเยื่อหุ้มช่องท้องที่เรียกว่า peritonium และมีพังผืดหรือกล้ามเนื้อหุ้มอีกชั้นเพื่อป้องกันอวัยวะภายใน ปกติจะมีรูที่ให้ท่อรังไข่และท่อนำเชื้อในผู้ชายผ่านทางรู เมื่อมีความอ่อนแอของพังผืดไส้ก็จะเลื่อนออกมาที่ขาหนีบซึ่งมีสองชนิดคือ indirect inguinal hernia และ direct inguinal hernia
Indirect inguinal hernia
ขณะที่เป็นตัวอ่อนในท้อง อัณฑะจะอยู่ในช่องท้อง เมื่ออายุครรภ์ได้ 7 สัปดาห์อัณฑะจะเคลื่อนที่ออกจากช่องท้องมาอยู่ในถุงอัณฑะ และรูหรือทางที่มันเคลื่อนที่จะปิด แต่เด็กผู้ชายบางคนทางเดินและรูมันไม่ปิดทำให้ลำไส้เคลื่อนสู่ถุงอัณฑะที่ เราเรียกว่าไส้เลื่อนซึ่งมักจะพบในผู้ชาย สำหรับผู้หญิงก็เกิดโรคนี้ได้เหมือนกัน โดยรูที่เปิดเกิดจากเยื่อที่ยึดมดลูก round ligament มีการเคลื่อนตัวเหมือนอัณฑะ ไส้เลื่อนชนิดนี้พบบ่อยที่สุด
Direct inguinal hernia
ลำไส้ไม่เคลื่อนออกจากช่องท้องบริเวณพังผืดที่หย่อนที่สุด โดยมีปัจจัยส่งเสริมคือมีความดันในช่องท้องเพิ่มมากขึ้น เช่นตับแข็งและมีน้ำในช่องท้อง หรือพวกถุงลมโป่งพองไอมากๆ
ใครบ้างที่มีโอกาสเป็นโรคไส้เลื่อน
ผู้ที่มีความดันในช่องท้องสูงเช่น การตั้งครรภ์ ไอเรื้อรัง คนอ้วน ท้องผูก ต่อมลูกหมากโตทำให้ต้องเบ่งเมื่อปัสสาวะ ปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้จะช่วยส่งเสริมให้เกิดไส้เลื่อน
ไส้เลื่อนเกิดในผู้หญิงได้ด้วยเหรอ
ถ้าดูตามกายวิภาค ทั้งผู้หญิงและผู้ชายก็ไม่ได้แตกต่างกันนัก ในส่วนของอวัยวะสืบพันธุ์ในช่องท้อง ก็มีการเจริญที่ใกล้เคียงกัน อวัยวะที่ภายนอกดูต่างกันต่างก็มีการเจริญทางกายวิภาคที่คล้ายกัน ผนังหน้าท้องของทั้งชายและหญิงก็มีส่วนที่คล้ายคลึงกันมาก ดังนั้นการเกิดไส้เลื่อนทุกชนิดจึงเกิดได้ในทั้งชายและหญิง
ไส้เลื่อนเกิดจากไม่ได้ใส่กางเกงในหรือไม่
เป็นความเชื่อที่ผิดๆที่ว่า ไส้เลื่อนเกิดจากการไม่ใส่กางเกงในและกระโดดโลดเต้น คิดว่าความเชื่อนี้มาจากคนที่เป็นไส้เลื่อนจะสังเกตเห็นไส้เลื่อนได้ชัดเจน ขึ้นถ้าไม่ได้ใส่กางเกงในหรือยืนเดิน สิ่งเหล่านี้อาจจะเป็นสิ่งที่สังเกตได้ แต่ไม่ใช่สาเหตุในทางกลับกัน การใส่กางเกงในรัดๆโดยเฉพาะในผู้ชาย สามารถก่อให้เกิดโรคอื่นๆตามมาได้เช่นสังฆัง และการอักเสบของระบบทางเดินปัสสาวะ
อาการ
อาการในสายตาของแพทย์มีสองกลุ่มคือแบบหนักกับแบบเบา
แบบเบาๆก็คือ พบก้อนเคลื่อนเข้าออก หรือพบก้อนที่ค้างตุงไม่เลื่อนไปมา อาจจะไม่ปวดเลยหรือปวดมากก็ได้แบบหนักๆ ก็อาการเหมือนกลุ่มเบาๆ แต่ว่ามีอาการของลำไส้อุดตันหรือพบการอักเสบของลำไส้และช่องท้อง โดยมากมักพบในกลุ่มที่ก้อนเลื่อนมาแล้วไม่กลับเข้าที่และมีอาการปวด
ทั้งสองกลุ่มนี้ตัดกันด้วยเรื่องอาการลำไส้อุดตันหรือการอักเสบในช่องท้อง ครับ การที่แบ่งเป็นสองกลุ่มนี้ก็เพื่อเลือกว่าจะต้องผ่าตัดในทันทีเลยหรือไม่ หรือยังรอได้ส่วนขนาดหรือลักษณะไม่ได้เป็นตัวตัดสิน เนื่องจากพบว่าส่วนใหญ่แล้วในก้อนไส้เลื่อนที่เห็นตุงๆ ไม่ใช่ไส้ แต่เป็นพังผืดโอเมนตัม Omentum เลื่อนลงมาปิด ซึ่งไส้เลื่อนที่เกิดจากพวกนี้มักไม่ก่ออันตราย ยังไม่จำเป็นต้องผ่าตัดในทันที
การรักษา
1) ผ่าตัด ความจริงผู้ป่วยที่เป็นไส้เลื่อน ถ้าเป็นไปได้ควรจะผ่าตัด โดยเฉพาะในรายที่ไส้มีการเลื่อนเข้าเลื่อนออก(เพราะพวกนี้ถ้าวันไหนเลื่อน เข้าแล้วไม่ออก มักเกิดเรื่อง) เมื่อผ่าไปแล้ว แพทย์ก็จะทำการตัดและเย็บปิดช่องทางที่ผิดปกติและใช้เทคนิกการผ่าตัดเพื่อ เสริมความแข็งแรงให้บริเวณนั้น หรืออาจจะใส่วัตถุสังเคราะห์รูปตาข่ายไปพยุงส่วนนั้นให้แข็งแรง
2) ดันไส้เลื่อนกลับ ในบางรายที่มารพ.ด้วยก้อนมีขนาดโตขึ้นและเจ็บปวด ในเบื้องต้นแพทย์จะให้ยาลดปวดและจัดท่าเพื่อดันไส้เลื่อนให้กลับเข้าไป
3) รอต่อไป ในผู้ป่วยบางรายมีโรคประจำตัวหรือสภาวะร่างกายที่ไม่เหมาะสมต่อการผ่าตัด หรือเสี่ยงเกิดที่จะผ่าตัดไหว ก็จะไม่ได้รับการผ่าตัด แต่ก็จะมีการแนะนำวิธีปฏิบัติตัวเพื่อลดการเป็นหรือลดการเกิดอาการ
ผ่าตัดเลยไม่ได้หรือ
ในทางทฤษฎี ไส้เลื่อนเป็นโรคที่ถ้าไม่มีอะไรติดขัด ถ้าประเมินพบความเสี่ยงในการเกิดไส้เลื่อนติด (Incarcerated hernia & Strangulated hernia) ก็สมควรนัดทำการผ่าตัด
แต่ในสภาพปัจจุบัน ศัลยแพทย์มีจำนวนไม่ได้สัดส่วนกับจำนวนการผ่าตัด การผ่าตัดที่ต้องการความชำนวญและความเร่งด่วนมีมากขึ้น โรคไส้เลื่อนชนิดที่ยังไม่รุนแรงอาการยังไม่มาก จึงมักถูกให้รอไปก่อนและนัดมาผ่า , บางครั้งในกรณีที่นัดมาแล้ว เจอเคสผู้ป่วยที่หนักถึงชีวิตเข้ามา ก็มักจะต้องเลื่อนการผ่าไส้เลื่อนออกไป ดังนั้นการผ่าหรือไม่ผ่า บางครั้งนอกจากตั้งบนสภาพของโรคแล้ว ยังตั้งอยู่บนปัจจัยอื่นๆอีกหลายอย่างครับ
(ในระยะหลังศัลยแพทย์ต้องทำ งานหนักขึ้น เนื่องจากปัญหาฟ้องร้องทำให้หลายรพ.ไม่สามารถทำการผ่าตัดที่เคยผ่าได้ด้วย แพทย์ทั่วไป และต้องส่งผู้ป่วยไปให้ศัลยแพทย์ดูแลโดยไม่จำเป็นเพิ่มขึ้น)
แบบไหนที่ดูไม่น่าผ่าแต่ควรผ่า
ไส้เลื่อนที่พบในเด็ก เป็นภาวะหนึ่งที่ควรผ่า เนื่องจากว่าถ้าปล่อยไว้มีโอกาสเกิดไส้เลื่อนติดได้สูงกว่าในผู้ใหญ่ เมื่อพาเด็กไปตรวจและพบเป็นไส้เลื่อนแล้วก็สมควรมาผ่าตามแพทย์นัดครับ เนื่องจากถ้าปล่อยเอาไว้จนกลายเป็นแบบติดแล้วค่อยมาผ่าแบบฉุกเฉิน จะมีความเสี่ยงได้มากกว่า
กางเกงในพิเศษช่วยได้ไหม
สมัยก่อนช่วงที่ให้รอผ่าตัดไส้เลื่อน อาจจะมีผู้ป่วยบางคนได้รับกางเกงในแบบพิเศษหรืออุปกรณ์ดันไข่(เป็นกางเกงแบบ ซูโม่และมีก้านติดแผ่นโลหะแบนมากดดันที่จุดที่มีไส้เลื่อน
ปัจจุบัน การใช้เครื่องมือแบบนี้ไม่เป็นที่นิยมใช้กันแล้ว เนื่องจากเสี่ยงต่อการเกิดการบาดเจ็บที่จุดดังกล่าวและสามารถบดบังอาการที่ รุนแรงได้ แต่อาจมีใช้บ้างในระหว่างรอการผ่าตัด
แล้วจะทำอย่างไรขณะรอผ่าตัด
การป้องกันไม่ให้เป็นซ้ำในช่วงที่รอผ่าตัดเป็นสิ่งสำคัญ สิ่งที่เราพอจะป้องกันได้ทั้งในรายที่เป็นแล้วและในรายที่ยังไม่เป็นก็คือ การลดความดันในช่องท้องจากการกระทำต่างๆคือ
1) อย่าไอ - ในที่นี้คือไม่ไปรับสิ่งที่เสี่ยงต่อการไอ เช่นหยุดการสูบบุหรี่ รักษาสุขภาพอย่าให้เป็นหวัด ถ้าไอควรจิบน้ำอุ่นบ่อยๆหรือใช้ยาแก้ไอตามสมควร
2) อย่ายกของหนัก - การยกของหนักจะทำให้เกิดการเบ่ง และเกิดไส้เลื่อนซ้ำได้
3) อย่าเบ่งอุจจาระ - ก็คือควรกินอาหารที่มีกากใยเพื่อช่วยในการระบาย เพราะหากท้องผูกจนต้องเบ่งอุจจาระ ก็สามารถเกิดไส้เลื่อนซ้ำได้
4) อย่าเบ่งปัสสาวะ - ในรายที่มีความเสี่ยงต่อการเป็นต่อมลูกหมากโตหรืออายุมาก อาจจะต้องเบ่งปัสสาวะบ่อย ทางแก้คือไปพบแพทย์ในเรื่องดังกล่าวเพื่อตรวจและรับการรักษาเพื่อให้ถ่าย ปัสสาวะคล่องขึ้น
โรคแทรกซ้อนของไส้เลื่อนที่สำคัญได้แก่
Incarcerated hernia เป็นภาวะที่ลำไส้เคลื่อนออกมาแล้วไม่สามารถดันกลับเข้าไปในช่องท้อง
Strangulated hernia เป็นภาวะที่ลำไส้ในถุงมีการบิดทำให้ลำไส้เกิดการขาดเลือดไปเลี้ยงและเกิดไส้ เน่าตามมา ผู้ป่วยจะมีอาการปวดท้องอย่างมากแรกๆจะปวดบิดๆ คลื่นไส้อาเจียน เมื่อลำไส้เน่าจะปวดทั้งท้องปวดมากจนต้องนอนนิ่งๆ การขยับตัวก็จะปวด มีไข้ บางรายอาจจะมีอาการความดันโลหิตต่ำ
Bowel obstruction เกิดเมื่ออุจาระไม่สามารถเคลื่อนผ่านลำไส้นี้ไปได้ผู้ป่วยจะปวดท้องมวนๆ คลื่นไส้อาเจียน ท้องอืดไม่ผายลม
สำหรับผู้ที่เป็นไส้เลื่อนเมื่อมีอาการต่อไปนี้ให้พบแพทย์
ปวดบริเวณไส้เลื่อน ก้อนนั้นไม่สามารถดันกลับเข้าไปในช่องท้อง
ปวดท้องและอาเจียนท้องอืด
การตรวจลูกอัณฑะด้วยตนเอง
ผู้ชาย ทุกคนควรจะต้องตรวจลูกอัณฑะด้วยตนเอง โดยการคลำเพื่อตรวจหาความผิดปกติบริเวณลูกอัณฑะ ซึ่งถือเป็นการตรวจร่างกายด้วยตนเองอย่างหนึ่งที่มีประโยชน์อย่างยิ่ง การตรวจจะใช้เวลาประมาณ 1-2 นาทีเท่านั้น และเวลาที่เหมาะสมในการตรวจก็คือ เวลาหลังอาบน้ำเพราะผิวหนังบริเวณลูกอัณฑะจะหย่อนและคลำได้ง่าย ตรวจลูกอัณฑะทีละข้าง โดยใช้นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้ค่อยๆ คลำเลื่อนไปเรื่อยๆ คลำดูว่ามีก้อนหรือการอักเสบเกิดขึ้นหรือไม่ บริเวณด้านหลังของลูกอัณฑะจะคลำได้ส่วนหยุ่นๆ ขนาดเล็ก ซึ่งถือว่าเป็นปกติ ถ้าท่านคลำได้ก้อนหรือส่วนใดผิดปกติ ท่านควรรีบปรึกษาแพทย์ ความผิดปกตินั้นอาจเป็นถุงน้ำหรือเส้นเลือดขอด บริเวณลูกอัณฑะซึ่งพบได้บ่อยกว่า เนื้องอกหรือมะเร็งลูกอัณฑะ
มะเร็งของลูกอัณฑะ
มะเร็ง ของลูกอัณฑะพบได้น้อยมาก ส่วนใหญ่จะพบในวัยอายุไม่มาก สิ่งที่จะช่วยในการตรวจพบได้อย่างรวดเร็ว ตั้งแต่เริ่มมีอาการผิดปกติ คือการตรวจลูกอัณฑะด้วยตนเอง อาการแสดงของมะเร็งลูกอัณฑะ นอกจากจะคลำก้อนหรือมีอาการบวมของลูกอัณฑะแล้ว ยังอาจจะมีอาการปวดและกดเจ็บ และคนไข้จะรู้สึกตึงหนักๆ บริเวณลูกอัณฑะ การคลำพบก้อนผิดปกติด้วยตนเองซึ่งอาจจะยังไม่มีอาการเจ็บปวด ทำให้ผู้นั้นอาจมองข้ามไปก็ได้ หากผิดปกติควรต้องรีบปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อยืนยันและให้การรักษาที่ถูกต้องต่อไป
การตรวจพิสูจน์ว่าเป็น มะเร็งหรือไม่ภายหลังจากคลำก้อนที่ลูกอัณฑะได้ คือการผ่าตัดเล็กเอาชิ้นเนื้อไปตรวจดูด้วยกล้องจุลทรรศน์ ถ้าพิสูจน์แล้วว่าเป็นมะเร็งลูกอัณฑะ แพทย์ผู้รักษาอาจพิจารณาตัดลูกอัณฑะข้างนั้นออกไป และบางรายอาจต้องการ การฉายแสงและให้ยาฆ่าเซลล์มะเร็ง เพื่อป้องกันการแพร่กระจายไปสู่ส่วนอื่นๆ ของร่างกาย
โปรดอย่าลืมตรวจคลำความผิดปกติที่ลูกอัณฑะให้เป็นประจำ ท่านจะสามารถบอกความผิดปกติได้ทันที เมื่อเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง

           Link           https://www.bloggang.com

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

อัพเดทล่าสุด