ด้วยบุญของคนไทยที่มีพ่อหลวงพระราชทานปรัชญาแก่ประชาชนให้ดำเนินชีวิตตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยให้ยึดหลัก ความพอประมาณ ความมีเหตุผล หรือใช้ปัญญาในการแก้ปัญหา การสร้างภูมิคุ้มกันให้กับตนเอง ครอบครัว องค์กรและชุมชน
โครงงานคณิตศาสตร์ อาชีพไร้หนี้ กินดี อยู่ดีด้วยบัญชีรับจ่าย
ตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง
ด้วยบุญของคนไทยที่มีพ่อหลวงพระราชทานปรัชญาแก่ประชาชนให้ดำเนินชีวิตตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยให้ยึดหลัก ความพอประมาณ ความมีเหตุผล หรือใช้ปัญญาในการแก้ปัญหา การสร้างภูมิคุ้มกันให้กับตนเอง ครอบครัว องค์กรและชุมชน
บทที่ 3
วิธีดำเนินงาน
กลุ่มข้าพเจ้าได้ดำเนินการดังนี้
1. คัดเลือกประธาน กรรมการ และเลขานุการ
2. ประชุมปรึกษา วางแผน แบ่งกันทำ เพื่อไปศึกษาเกี่ยวกับการทำนา
- เด็กหญิงธมลวรรณ จันทร์สุนทร ไปสัมภาษณ์บิดามารดาในการ
ประกอบอาชีพทำนาตามสมัยใหม่
- เด็กหญิงรวิภา บุญเพ็ง ไปสัมภาษณ์บิดามารดาในการประกอบอาชีพทำนาตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง
- มีการเปรียบเทียบราคาสินค้าอย่างไร
- เทคนิควิธีการทำนาอย่างไรให้ลดต้นทุน มีเทคนิควิธีการทำอย่างไรให้
มีเงินเหลือกินเหลือใช้
3. ศึกษาวิธีการทำนาลดต้นทุน ตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง การทำบัญชี
รายรับ - รายจ่าย โดยการสัมภาษณ์และปฏิบัติจริง
4. นำคำสัมภาษณ์มาร่วมประชุมร่วมกันว่าของใครมีวิธีการอย่างไร เป็นไปตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงหรือไม่
ช่วยกันวิเคราะห์ข้อมูล
5. ศึกษาวิธีการทำนาตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงโดยไม่มีหนี้สินด้วยบัญชีรับ - จ่าย
สังเกตจากการทำนา การจัดทำบัญชีรายรับ - รายจ่าย จากคุณพ่อคุณแม่
สัมภาษณ์คุณพ่อคุณแม่
6. คณะร่วมกันรวบรวมข้อมูล จากการสัมภาษณ์บิดามารดาของเด็กหญิงรวิภา บุญเพ็ง และเด็กหญิงธมลวรรณ จันทร์สุนทร
แต่ทางกลุ่มบิดามารดาของเด็กหญิงรวิภา บุญเพ็ง เห็นว่าเป็นวิธีการตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง
7. คณะครูแนะนำ แก้ไข ปรับปรุง และหาข้อมูลเพิ่มเติม
8. คณะผู้จัดทำร่วมกันสรุป อภิปรายผล
9. นำผลงานครั้งนี้เสนอคุณครู และเพื่อนร่วมชั้น
บทที่ 4
วิเคราะห์ข้อมูล อภิปรายผล
จากการสัมภาษณ์ นายวิเชียร เป็นบิดามารดาของเด็กหญิงรวิภา บุญเพ็ง ได้ให้สัมภาษณ์ดังนี้
ที่บ้านมีอาชีพทำนา เลี้ยงสัตว์และปลูกพืชไว้ประกอบอาหารเหลือกินก็จะขาย
ที่บ้านมีที่นา 10 ไร่
วิธีทำนา
จะใช้ปุ๋ยอินทรีย์ และยาฆ่าแมลงจากพืชธรรมชาติ ( สะเดา ) มีค่าใช้จ่าย
1. เป็นน้ำมันไร่ละ 34 บาท 10 ไร่ เป็นเงิน 34 × 10 ×4 = 1,360 บาท
2. ค่ารถเกี่ยวไร่ละ 550 บาท 10 ไร่ เป็นเงิน 550 × 10 = 5,500 บาท
3. ค่าข้าวปลูกถังละ 220 บาท 10 ไร่ ไร่ละ 3 ถัง
เป็นเงิน 220 × 10 × 3 = 6,600 บาท
4. ค่าสึกหรอรถไถ เป็นเงิน 2,000 บาท
5. ค่าเบ็ดเตล็ด 2,000 บาท
รวมค่าใช้จ่าย 1360 + 5500 + 6600 + 2000 + 2000 = 17,400 บาท/ ครั้ง
รายได้
จะได้ข้าวไร่ละ 100 ถัง / ไร่ 10 ไร่ได้ข้าว 10 × 100 = 1000 ถัง/ 10 เกวียน
ขายไปเกวียนประมาณ 14,000 บาท คิดเป็นเงิน 14,000 × 10 = 140,000 บาท
ใช้เวลาทำนาครั้งละ 120 วัน / 1 ครั้ง ( 4 เดือน )
เหลือค่าใช้จ่าย 140000 - 17,400 = 122,600 บาท
เก็บเข้าฝากธนาคาร 122,600 บาท
ทุกครั้งแม่จะทำบัญชีในการลงทุนเท่าไร เหลือเท่าไร
นอกจากนั้น
แบ่งที่ดินทำเป็นสระเลี้ยงปลา ปลูกพืชในสระ ผักกะเฉด ผักบุ้ง ตอนแรกจะปลูก
เพื่อไว้ทำอาหารเอง แต่มีมากจึงนำไปขาย รอบๆสระน้ำ ปลูกตะไคร้ มะเขือ กะเพรา พริก ถัวฝักยาว รอบๆคันนาจะปลูกต้นมะม่วง
ที่บ้านก็จะเลี้ยงไก่ จะทำบัญชีรับ - จ่าย ทุกวันอยากรู้ว่าในการทำนาในแต่ละครั้งได้เท่าไร ปลูกผักได้เงินเท่าไร จึงทำ บัญชีรับ - จ่าย ไว้เท่านั้น
ครอบครัวของข้าพเจ้า รายได้จากการทำนาเป็นเงินเก็บ ที่เป็นค่าใช้จ่ายประจำวัน รายได้จากการปลูกผัก ผลไม้
ทำให้ครอบครัว มีรายได้พอกิน พอใช้ ไม่เป็นหนี้สิน เหลือจากใช้จ่ายแล้วเก็บไว้เดือนละประมาณไม่ต่ำกว่า 2,000 บาท
รู้ได้อย่างไรพ่อแม่ว่ามีค่าใช้จ่ายเท่าไรเหลือเงินเท่าไร เพราะแม่จัดทำบัญชีรายรับรายจ่ายตามที่หนูบอกแม่ ทำให้เรารู้เรามีเงินเท่าไร ใช้เท่าไร
ถึงจะเหลือเก็บไว้ซี้อของตามที่เราต้องการได้ ทำให้เรารู้อนาคต ไม่ต้องมีหนี้สิน
จากการสัมภาษณ์บิดามารดาเด็กหญิงธมลวรรณ จันทร์สุนทร การทำนา จำนวน 10 ไร่ อยู่ที่ตำบลแพรกศรีราชา อำเภอสรรคบุรี จังหวัดชัยนาท
มีค่าใช้จ่าย
1 เป็นน้ำมันไร่ละ 34 บาท 10 ไร่ เป็นเงิน 34 × 4 ×10 = 1,360 บาท
2. ค่ารถไถ 250 บาท 10 ไร่ เป็นเงิน 250 × 10 = 2, 500 บาท
3 .ค่าข้าวปลูกถังละ 220 บาท ไร่ละ 3 ถัง 10 ไร่ เป็นเงิน 220 ×3 × 10 = 6,600 บาท
4. ค่ายาคุมขวดละ 250 บาท 2ขวด / 10 ไร่ เป็นเงิน 250 × 2 = 500 บาท
5. ยาหอยถุงละ 200 บาท 4 ถุง / 10 เป็นเงิน 200 × 4 = 800 บาท
6. ค่ายาเพลี้ยขวดละ 550 บาท 2 ขวด / 10 ไร่ เป็นเงิน 550 × 2 = 1,100 บาท
7. ยาค่าเชื้อรา ขวดละ 800 บาท 1 ขวด / 10 ไร่ เป็นเงิน 800 บาท
8. ค่ายาฮอร์โมนขวดละ 450 บาท 2 ขวด/10 ไร่ เป็นเงิน 450 × 2 = 900 บาท
9. ค่ารถดูด ไร่ละ 550 บาท 10 ไร่ เป็นเงิน 550 × 10 = 5,500 บาท
10. ค่ารถขนข้าว ถังละ 1 บาท เป็นเงิน 100 × 1 = 100 / ไร่
เป็นเงิน 100 × 10 = 1, 000 บาท
12. ยาเม็ดหว่านถุงละ 500 บาท 2 ถุง/ 10 ไร่ 500 × 2 = 1,000 บาท
13. ค่าปุ๋ยลูกละ 1300 บาท ใช้หว่าน 1.5 ลูก/ไร่ คิดเป็น 19,500 บาท
รวมค่าใช้จ่าย 1360 + 2500 +6600+ 500 + 800 + 1100 + 800 + 900 + 5,500 + 1,000 + 1,000
+ 19500 = 41,560 บาท
รายได้
จะได้ข้าวไร่ละ 100 ถัง / ไร่ 10 ไร่ได้ข้าว 10 × 100 = 1000 ถัง/ 10 เกวียน
ขายไปเกวียนประมาณ 14,000 บาท คิดเป็นเงิน 14,000 × 10 = 140,000 บาท
ใช้เวลาทำนาครั้งละ 120 วัน / 1 ครั้ง ( 4 เดือน )
เหลือค่าใช้จ่าย 140,000 - 41,560 = 98,440 บาท
ต้องใช้จ่ายทุกเดือน 4 เดือน 98,440 ÷ 4 = 24,610 บาท / เดือน มีบุตร 3 คน 24,610 5 = 4,922 บาท
ซึ่งมีรายได้ที่ต้องใช้เป็นค่าอาหาร ค่าใช้จ่ายทุกอย่างในครอบครัว มีบุตร 2 คน
ไม่พอใช้จ่าย ต้องเป็นหนี้เงินธนาคารเพื่อการเกษตร
เนื้อหาคณิตศาสตร์ การจัดโครงงานคณิตศาสตร์ การจัดทำบัญชี รับ-จ่าย
การคำนวณต้นทุน
ประเด็นคำถาม
1. การจัดบัญชีรับ - จ่าย มีวิธีทำอย่างไร
2. ประโยชน์ของการทำนาตามแนวเศณษฐกิจพอเพียงมีอะไรบ้าง
ข้อมูลจาก นางบุญส่ง ใหญ่โต โรงเรียนอนุบาลสรรคบุรี สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาชัยนาท
จัดทำ นางบุญส่ง ใหญ่โต ครูชำนาญการพิเศษโรงเรียนอนุบาลสรรคบุรี
ที่มา : https://www.sahavicha.com/?name=knowledge&file=readknowledge&id=1607