คนไทย ยกย่อง “สมเด็จพระเทพฯ” ทรงเป็นแบบอย่างที่ดีของการอ่าน
คนไทย” กับ “วันรักการอ่าน”
คนไทย ยกย่อง “สมเด็จพระเทพฯ” ทรงเป็นแบบอย่างที่ดีของการอ่าน
ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบกำหนดให้การอ่านเป็นวาระแห่งชาติ โดยกำหนดให้วันที่ 2 เมษายน ของทุกปีเป็น "วันรักการอ่าน" และกำหนดให้ปี 2552-2561 เป็นทศวรรษแห่งการอ่าน เพื่อขับเคลื่อนการส่งเสริมการอ่านให้เกิดเป็นรูปธรรม สร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต คนไทยจะได้รับการพัฒนาความสามารถในการอ่านและการรู้หนังสืออย่างต่อเนื่องและทั่วถึง “สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต จึงได้สอบถามความคิดเห็นจากประชาชนทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 2,304 คน ระหว่างวันที่ 28 มีนาคม - 1 เมษายน 2554 สรุปผลได้ดังนี้
1. ประเทศไทยควรมี “วันรักการอ่าน” หรือไม่ ?
อันดับ 1 91.42% ควรมี
อันดับ 2 8.58% ไม่ควรมี
2. ประชาชนรู้หรือไม่ว่า วันที่ 2 เมษายน เป็น “วันรักการอ่าน”
อันดับ 1 60.98% ไม่รู้
อันดับ 2 39.02% รู้
จาก สื่อต่างๆ โดยเฉพาะทางโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ , สถานศึกษา ,อินเตอร์เน็ต เพื่อนและคนรอบข้าง ฯลฯ
3. ทำไม? คนไทยจึงไม่ค่อยรักการอ่าน
อันดับ 1 40.51% สภาพสังคม/สิ่งแวดล้อมรอบตัวของคนไทยในปัจจุบันมีเรื่องของเทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้องมากขึ้นเช่น เกมส์ อินเตอร์เน็ต การแชท เป็นต้น
อันดับ 2 26.12% ไม่ได้รับการปลูกฝังให้มีนิสัยรักการอ่านตั้งแต่วัยเยาว์ /ขาดต้นแบบ แบบอย่างที่ดีในการอ่าน
อันดับ 3 20.09% คนไทยไม่ชอบอ่านหนังสือเพราะอ่านแล้วรู้สึกเบื่อ ไม่สนุก ง่วงนอน /จะชอบฟังหรือชอบดูมากกว่าอ่าน
อันดับ 4 7.16% คนไทยไม่เห็นถึงประโยชน์หรือความสำคัญของการอ่าน /ขาดแรงกระตุ้น
อันดับ 5 6.12% หนังสือดีๆส่วนมากมีราคาแพง /หนังสือทั่วไปมีเนื้อหาไม่น่าสนใจ รูปเล่มไม่สวยงามหรือดึงดูดให้ซื้อ
4. ทำอย่างไร? คนไทยจึงจะรักการอ่าน
อันดับ 1 58.65% ต้องส่งเสริมและปลูกฝังให้คนไทยรักการอ่านอย่างจริงจัง พ่อแม่เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเด็ก /สร้างค่านิยมปลูกฝังนิสัยรักการอ่านตั้งแต่วัยเยาว์
อันดับ 2 16.56% ควรมีการจัดกิจกรรม รณรงค์เรื่องการส่งเสริมการอ่านอย่างต่อเนื่องและจริงจัง
อันดับ 3 9.08% ผลิตหนังสือที่มีคุณภาพ เนื้อหาน่าอ่าน มีรูปภาพ สีสันสวยงาม เพื่อสร้างแรงจูงใจให้กับคนอ่าน
อันดับ 4 8.95% จัดสถานที่หรือเพิ่มช่องทางให้บริการประชาชนที่สนใจอ่านหนังสือ เช่น มีห้องสมุดตามสถานที่ราชการที่ทำงาน ,สถานที่อ่านหนังสือประจำชุมชน หมู่บ้าน เป็นต้น
อันดับ 5 6.76% เน้นการประชาสัมพันธ์เชิงรุก ให้เข้าถึงประชาชนทุกกลุ่มเพื่อให้คนไทยเห็นถึงความสำคัญและข้อดีของการอ่าน
5. อ่านอย่างไร? จึงจะทำให้ชีวิตมีความสุข
อันดับ 1 55.98% อ่านในเรื่องที่ชอบ สนใจ หรืออยากจะอ่าน
อันดับ 2 12.80% เมื่ออ่านแล้วลองนำเนื้อหาสาระที่ได้มาประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวัน
อันดับ 3 12.08% เลือกอ่านหนังสือที่ให้สาระ ความรู้ และสอดแทรกความบันเทิง
อันดับ 4 10.53% จะต้องอ่านอย่างสร้างสรรค์ รู้จักคิด วิเคราะห์ตาม
อันดับ 5 8.61% การแบ่งเวลาในการอ่านให้เหมาะสม
อ่านข่าวเพิ่มเติมที่ https://www.ryt9.com/s/sdp/1120919
คณิตศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง ร้อยละ หรือเปอร์เซ็นต์
ร้อยละ หรือเปอร์เซ็นต์ คือ อัตราส่วนที่เราต้องการ ที่มีการเทียบกับ 100 หรือ อัตราส่วนที่มีส่วนเป็น 100 เราเรียกว่า เปอร์เซนต์ ใช้สัญลักษณ์ แทนด้วยเครื่องหมาย %
เช่น
20 % อ่านว่า 20 เปอร์เซ็นต์ โดยมีความหมาย เป็นอัตราส่วนว่า 20 : 100
20 เปอร์เซ็นต์ 20/100
https://www.goonone.com/images/stories/mathmatic/ratio/by_no/ratio1/graph20in100.jpg
25 % อ่านว่า 25 เปอร์เซ็นต์ โดยมีความหมาย เป็นอัตราส่วนว่า 25 : 100
25 เปอร์เซ็นต์ 25/100
https://www.goonone.com/images/stories/mathmatic/ratio/by_no/ratio1/graph25in100.jpg
30 % อ่านว่า 30 เปอร์เซ็นต์ โดยมีความหมาย เป็นอัตราส่วนว่า 30 : 100
30 เปอร์เซ็นต์ 30/100
https://www.goonone.com/images/stories/mathmatic/ratio/by_no/ratio1/graph30in100.jpg
75 % อ่านว่า 75 เปอร์เซ็นต์ โดยมีความหมาย เป็นอัตราส่วนว่า 75 : 100
75 เปอร์เซ็นต์ 75/100
https://www.goonone.com/images/stories/mathmatic/ratio/by_no/ratio1/graph75in100.jpg
150 % อ่านว่า 150 เปอร์เซ็นต์
โดยมีความหมาย เป็นอัตราส่วนว่า 150 : 100 150 เปอร์เซ็นต์ 150/100
200 % อ่านว่า 200 เปอร์เซ็นต์
โดยมีความหมาย เป็นอัตราส่วนว่า 200 : 100 200 เปอร์เซ็นต์ 200/100
800 % อ่านว่า 800 เปอร์เซ็นต์
โดยมีความหมาย เป็นอัตราส่วนว่า 800 : 100 800 เปอร์เซ็นต์ 800/100
1000 % อ่านว่า 1000 เปอร์เซ็นต์
โดยมีความหมาย เป็นอัตราส่วนว่า 1000 : 100 1000 เปอร์เซ็นต์ 1000/100
ที่มาของข้อมูล https://www.goonone.com/index.php/-vdo-1-4-/388-2010-06-02-13-19-11
ข่าวสำนักงานรัฐมนตรี ๑๒๘/๒๕๕๔ เปิดงานวันรักการอ่าน https://www.moe.go.th/websm/2011/apr/128.html
คำถามในห้องเรียน
1. ถ้าประชาชนในกรุงเทพมี 5,702,595 คน เป็นชาย 2,713,535 คน เป็นหญิง 2,989,060 คน นักเรียนคิดว่าเปอร์เซ็นต์ของการสำรวจในครั้งนี้เป็นเท่าไร
2. จากการสอบถามความคิดเห็นจากประชาชนทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 2,304 คน นักเรียนคิดว่าเป็นตัวแทนคนกรุงเทพทั้งหมดได้หรือไม่เพราะเหตุใด
ข้อเสนอแนะ
ความเหมาะสมของระยะเวลาในการเก็บข้อมูล ระหว่างวันที่ 28 มีนาคม - 1 เมษายน 2554
การบูรณาการกับกลุ่มสาระอื่นๆ
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
สาระที่ 1 การอ่าน
มาตรฐาน ท 1.1 ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิดเพื่อนำไปใช้ตัดสินใจ แก้ปัญหาในการดำเนินชีวิตและมีนิสัยรักการอ่าน
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ
สาระที่ 1 ภาษาเพื่อการสื่อสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเรื่องที่ฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่างๆ และแสดงความคิดเห็นอย่างมีเหตุผล
มาตรฐาน ต 1.2 มีทักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึก และความคิดเห็นอย่างมีประสิทธิภาพ
มาตรฐาน ต 1.3 นำเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเรื่องต่างๆ โดยการพูดและการเขียน
ที่มาของภาพ https://www.moe.go.th/websm/2011/apr/P1680509.jpg
ที่มาของภาพ https://www.moe.go.th/websm/2011/apr/P1680544.jpg
ที่มาของภาพ https://www.moe.go.th/websm/2011/apr/P1680455.jpg
ที่มาของภาพ https://www.dent.psu.ac.th/popup/pratap.jpg
ที่มา : https://www.sahavicha.com/?name=knowledge&file=readknowledge&id=3597