ต้นไม้เป้นเครื่องปรับอากาศ


957 ผู้ชม


ต้นไม้ขนาดใหญ่ 1 ต้นให้ความเย็นประมาณ 12,000 บีทียู   

ต้นไม้ขนาดใหญ่ 1 ต้นให้ความเย็นประมาณ  12,000  บีทียู

ควรปลูกต้นไม้รอบๆ อาคาร เพราะต้นไม้ขนาดใหญ่ 1 ต้นให้ความเย็นเท่ากับเครื่องปรับอากาศ 1 ตัน หรือให้ความเย็น
ประมาณ 12,000 บีทียู
ขอนำบทความเป็นตัวอย่าง

ด้วยความที่ร้าน “โก๋กาแฟ” เป็นร้านกาแฟแบบเปิด ไม่มีแอร์สักเครื่อง อาศัย ต้นไม้ กับ ไอน้ำ เป็นตัวช่วยปรับอากาศ ซึ่งก็ได้ผลไม่น้อย 

แต่ในบางครั้งเวลาหน้าร้อน แดดจัด ลูกค้าบางคนที่เพิ่งเดินฝ่าเปลวแดดเข้ามาถึงร้านอาจจะรู้สึกว่าเย็นไม่ทันใจ จึงตั้งคำถามแกมเรียกร้องกับเราว่า “เมื่อไหร่จะติดแอร์เสียที?”

ซึ่งแน่นอนครับว่านั่นเป็นคำถามจากคนที่ถูกโฉลกกับห้องแอร์เป็นหลักและก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอันใดที่จะมีคำถามลักษณะนี้กันบ้าง แต่หากให้ผมต้องเลือกระหว่างการเป็นร้านห้องแอร์กับร้านพัดลม

 

ผมก็ขอเลือกอย่างหลังเช่นเดิม

 

มาลองดูเหตุผลของการ “ไม่ชอบแอร์” ของเรากันสักหน่อยนะครับ

 

1. ค่าไฟแพงกระฉูดคือสิ่งที่ต้องเกิดขึ้นแน่นอน ร้านขนาด 200 ตร.ม. ต้องใช้แอร์ขนาดใหญ่ที่กินไฟอย่างมาก และผลที่ตามมาก็เป็นไปได้สามทางคือ ทางร้านแบกรับต้นทุนหรือลูกค้ารับผลเป็นการปรับขึ้นราคากาแฟและอาหาร จนกระทั่งเกิดผลแบบสุดท้ายคือ รับไม่ไหวกันทั้งคู่ ..การซื้อขายก็จบลงในที่สุด

หากเกิดภาวะการณ์อย่างนั้นขึ้นมาจริงๆ เราคงต้องนั่งตบยุงนับถอยหลังวันปิดกิจการ และในความคิดของผมเอง...เราทั้งหลายควรได้ดื่มกาแฟที่รักทุกวันในราคาที่สมเหตุสมผล มากกว่าการจ่ายแพงเกินงามซะจนอาจจะไม่เหลือเงินเก็บ

 

2. หากจะกั้นห้องแอร์แค่บางส่วน....ผลกระทบคงเกิดแก่ Staff ซึ่งเดินเข้าเดินออกระหว่างพื้นที่ในและนอกห้อง ต้องเจอกับอากาศร้อนสลับเย็นทั้งวัน คงป่วยแน่ๆ อันนี้เป็นเหตุผ

ลทางด้านสุขภาพ

 

3. เครื่องปรับอากาศล้วนต้องพ่นอากาศร้อนออกมาทั้งสิ้น ยิ่งแอร์ตัวใหญ่ก็ให้ลมร้อนออกมาอีกไม่ใช่น้อย แล้วลมร้อนที่ออกมานี่ก็คงไม่ไปไหนไกลจากร้านเราหรอกครับ...ซึ่งแน่นอนว่า เราก็ต้องเหนื่อยมากขึ้นในการแก้ปัญหาอากาศร้อน เหมือนยิ่งแก้ก็ยิ่งยุ่งอย่างไรไม่รู้

 

4. เราไม่ใช่อะไรนอกจากส่วนหนึ่งในโลกใบนี้ เราควรจะหาทางเรียนรู้กันว่าจะอยู่ร่วมกับ “โลก” ได้อย่างไร ถ้าหากเราทำตัวแปลกแยกโดยหลบอยู่แต่ในห้องแอร์ ก็คงไม่สามารถเข้าใจสถานการณ์แท้จริงได้ และหนทางในการเรียนรู้นั้นก็คงห่างไกลออกไปทุกที

 

ลองมาดูกันด้วยสายตาที่มองอะไรกันง่ายๆ ไม่ซับซ้อนหรือต้องเข้าใจเทคโนโลยีอันใดมากมาย ภายใต้โจทย์ “ปรับอากาศ” ในวัน “โลกร้อน” อย่างนี้ ผมว่าเรายังพอมีทางเลือกนะครับ

 

โดยผ่านกระบวนการวิเคราะห์ที่ทันสมัยเสมอ 4 ขั้นตอน คือ

 

..สิ่งนี้คืออันใด?

 

..เกิดจากสิ่งใด?

 

..เป็นไปเพื่อสิ่งใด?

 

..หนทางคืออันใด?

 

ผมขอเล่าแนวคิดอย่างสรุปเลยว่า สาเหตุส่วนใหญ่ของความร้อนที่เกิดขึ้นที่ร้านของเรา ได้แก่

 

ต้นไม้เป้นเครื่องปรับอากาศ

ก. แสงแดด

 

ข. ไอร้อนออกมาจากวัตถุรอบตัวเรา เช่น หลังคา กำแพง ผนัง พื้น

 

ค. มวลอากาศร้อนจากบริเวณใกล้เคียงไหลมายังร้าน

 

เป้าหมายของเราคือการทำให้ผู้อาศัยภายในมีความเย็นสบาย โดยการอยู่กับธรรมชาติ ก็ด้วยการแก้สาเหตุเหล่านี้ให้ได้นั่นเอง อย่างเช่น

 

 

1. สร้างร่มเงาให้มาก ด้วยอาคารและต้นไม้ใหญ่ และหากจะให้ดีก็ต้องวางทิศอาคารให้อยู่แนวเหนือ-ใต้ เพราะจะช่วยให้ทั้งได้รับลมและกันแดดบ่ายได้ดี

 

 

 

ต้นไม้เป้นเครื่องปรับอากาศ

2. ลดอุณหภูมิของวัตถุที่รับแดดและส่งไอร้อนระอุออกมา ด้วยการใช้ "น้ำ" หรือ "ต้นไม้" ช่วยซับความร้อนอย่างเช่น การสเปรย์น้ำบนหลังคา หรือ การใส่สวนแนวตั้งบนกำแพงร้าน ซึ่งทำให้การสเปรย์น้ำเลี้ยงต้นไม้ได้ผลในสามทางคือ ทั้งเลี้ยงต้นไม้ เพิ่มความชื้นและดูดความร้อนจากอากาศบริเวณนั้น

โชคดีอย่างหนึ่งที่วางระบบสเปรย์น้ำบนหลังคา ให้ไหลเวียนกลับมาลงยังบ่อปลา ทำให้ไม่สูญเสียน้ำไปเปล่าๆกัน เพราะอย่างไรก็ต้องเติมน้ำให้บ่อปลาอยู่แล้ว

 

3. ปรับลดอุณหภูมิมวลอากาศที่เคลื่อนผ่านร้าน ด้วยการใช้ฝอยน้ำดักทิศทางที่ลมเคลื่อนตัว ...ผมติดตั้งแต่หน้าร้านเลยเพราะ ความร้อนจากพื้นถนนหน้าร้านจะต้องเข้าทางนี้ ซึ่งก็ได้ผลมาก ทั้งส่งความรู้สึกแรกสัมผัสของคนที่เดินเข้าร้านให้รับรู้ถึงความเย็นจากละอองน้ำน้อยๆ การที่อากาศร้อนไหลผ่านต้นไม้ที่ชุ่มน้ำ ก็ช่วยลดฤทธิ์เดชของอากาศร้อนเหล่านี้ได้มาก ดังนั้นทางทิศใต้ของร้านเราจึงมีต้นแก้วพิกุล พร้อมละอองน้ำเป็นผู้ช่วยรับศึกกับอากาศร้อนจะเข้าโจมตีจากด้านนี้ในช่วงกลางปี

 

4. ใช้พัดลมไอน้ำ ช่วยเสริมในทุกจุด..ยังไงพัดลมก็ใช้ไฟน้อยนิดเมื่อเทียบกับแอร์

 

5. "ดิน" เย็นกว่า "ปูน" ดังนั้นพื้นที่ในสวนที่ลูกค้าชอบไปนั่งกัน เราจึงเลือกใช้อิฐดินก้อนใหญ่ๆ ปูพื้น แทนที่จะเป็นอิฐบล๊อคที่ทำจากปูน แล้วก็ราดน้ำให้ชุ่มในวันอากาศร้อน ....มีลูกค้าบางคนถอดรองเท้าออกระหว่างทานกาแฟ แล้วก็บอกเราว่า เมื่อเท้าสัมผัสพื้นอิฐชื้นๆ แล้วเย็นสบายเป็นที่สุด ผมเลยลองทำบ้างก็พบว่าเย็นสบายจริงๆ

 

จากวิธีการหลักๆ เหล่านี้ ผมก็พบว่าเราอยู่ได้โดยไม่ต้องเสียเงินค่าไฟฟ้าแพงๆ และธรรมชาติก็ให้คุณค่าในด้านอื่นๆ มากมายกว่านั้น ซึ่งไม่ต้องบรรยายเราทุกคนก็เข้าใจ

 ที่มา  https://www.oknation.net/blog/roastman/2011/06/12/entry-1

เนื้อหาทางคณิตศาสตร์ ที่เกี่ยวข้อง   การคำนวณหาความเย็นจากต้นไม้ที่ต้องการ

       

ความรู้เพิ่มเติม

         การคำนวณหาความเย็นจากต้นไม้

ต้นไม้ใหญ่  1  ต้น  ให้ความเย็น  1  ตัน

       ( 1  ตัน  =  1.000  กิโลกรัม )

 ต้นไม้  1  ต้นให้ความเย็นเท่ากับ        12000  บีทียู

ถ้าในบ้านปลูกต้นไม้ใหญ่รอบบ้าน  10  ต้น   12000 x 10  =  120,000  บีทียู

เท่ากับการประหยัดไม่ต้องซื้อเครื่องปรับอากาศไป  10  เครื่อง

และถ้าคิดอย่างง่ายๆ  เครื่องปรับอากาศอย่างประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5  เดือนละ  300 บาท  300  x 10  =  3,000 บาท

  คำถามที่เกี่ยวข้อง

        1.  ถ้าทุกบ้านปลูกต้นไม้บ้านละ  2  ต้น  แทนการซื้อเครื่องปรับเราประหยัดค่าไฟฟ้าเป็นเงินเท่าใด

        2.  ปลูกต้นไม้ลดสารพิษอะไรในอากาศ

        3.   ปลูกต้นไม้ใหญ่  1  ต้นให้ความเย็นกี่กิโลกรัม 

บรูณากับวิชาอื่นๆ

         วิทยาศาสตร์

         สังคมศึกษา

         การงาน

ผู้จัดทำ

    นางบุญส่ง   ใหญ่โต  ครูชำนาญการพิเศษโรงเรียนอนุบาลสรรคบุรี 

    สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชัยนาท

 
ที่มา : https://www.sahavicha.com/?name=knowledge&file=readknowledge&id=4418

อัพเดทล่าสุด