ผู้หญิงหัวล้าน โรคผมร่วงในผู้หญิงที่สังคมยังไม่เข้าใจ !
เจนนิเฟอร์ ดีฟรีซ และวาเนสซ่า แมควิลเลียมส์
โรคผมร่วง ที่เกิดจากภูมิคุ้มกันผิดปกติ ยังคงเป็นโรคที่หลายคนในสังคมไม่ค่อยรู้จักและเข้าใจในมันมากเท่าไรนัก จึงทำให้ผู้ที่เป็นโรคนี้ โดยเฉพาะผู้หญิง ต้องเจอคำถาม หรือคำพูดที่กระทบกระเทือนจิตใจให้อ่อนแอลงไปอีก
เรื่องราวของ เจนนิเฟอร์ ดีฟรีซ และวาเนสซ่า แมควิลเลียมส์ ผู้หญิงที่ต้องประสบพบเจอกับโรคผมร่วง ทั้งคู่ได้ผ่านประสบการณ์อันเลวร้ายมามากมายจากสังคม จนทำให้จิตใจของพวกเธออ่อนแอด้วยคำครหาต่าง ๆ ที่พวกเธอไม่อยากฟัง แต่ในที่สุดพวกเธอก็แข็งแกร่งขึ้น พยายามเปลี่ยนมาใช้ชีวิตแบบคิดบวกมากขึ้นกว่าเดิม และเรียนรู้ที่จะอยู่กับโรคนี้ได้อย่างปกติสุข
วันที่ 5 พฤษภาคม 2014 เว็บไซต์เดลี่เมล หยิบยกเรื่องราวเกี่ยวกับผู้หญิงจำนวนมากที่ต้องดิ้นรนใช้ชีวิตกับโรคผมร่วง ซึ่งเป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของภูมิคุ้มกันที่ทำให้ผมหลุดร่วงออกเป็นหย่อม ๆ หรือผมร่วงหมดจนกลายเป็นคนหัวล้านไปโดยปริยาย
เจนนิเฟอร์ ดีฟรีซ (Jennifer DeFreece) วัย 33 ปี เป็นหนึ่งในผู้ที่ต้องเผชิญกับโรคผมร่วง เธอเป็นโรคนี้มาตั้งแต่เด็ก และไม่เคยกังวลกับเรื่องนี้จนกระทั่งเธอเติบโตขึ้น เมื่อมีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งบอกกับเธอว่า ให้เธอใส่ปลอกหมอนเวลานอนจะได้ปกป้องเธอให้พ้นจากอาการหัวล้านนี้ ซึ่งเธอกล่าวว่า "ฉันไม่ชอบเลย ฉันได้แต่หวังว่าจะกลับมามีผมอีกครั้ง"
ทั้งนี้ เจนนิเฟอร์ เคยพบเจอกับเหตุการณ์ที่ทำให้สะเทือนใจในช่วงที่เรียนอยู่ชั้นมัธยม เมื่อเพื่อนของเธอรู้สึกรังเกียจที่เธอเป็นโรคนี้ จนในที่สุดเธอก็ตัดสินใจใส่วิกเพื่อปิดบังความจริงอันน่าอาย แต่เธอก็ต้องรู้สึกแปลกใจเมื่อคนที่เข้าใจ และชื่นชมเธอส่วนใหญ่เป็นผู้ใหญ่ที่มีวุฒิภาวะแล้วทั้งนั้น อย่างไรก็ดีแม้ว่าเธอจะเติบโตมาด้วยความมั่นใจมาตลอด แต่บางช่วงเวลาก็ยากที่จะทำใจยอมรับได้ แต่ในขณะนี้เธอเริ่มคิดบวกมากกว่าเดิม โดยเผยว่าการที่เธอเกิดมาเป็นผู้หญิงหัวล้าน ทำให้เธอได้ตระหนักถึงหลายสิ่งหลายอย่างมากขึ้น และเรียนรู้ที่จะทำจิตใจให้แข็งแกร่งรับแรงเสียดสีจากสังคมได้
นอกจากเจนนิเฟอรแล้ว ก็ยังมี วาเนสซ่า แมควิลเลียมส์ (Vanessa McWilliams) วัย 30 ปี ก็ถูกเรียกว่า คนหัวล้าน หลังจากที่แพทย์ลงความเห็นแล้วว่าเธอเป็นโรคผมร่วงเป็นหย่อม ๆ จนทำให้หนังศีรษะของเธอล้านแหว่งเป็นวง ๆ ไม่สวยงาม วาเนสซ่าเองก็ได้รับประสบการณ์อันเลวร้ายที่ส่งผลให้เธอเสียความมั่นใจมาตลอดจนกระทั่งถึงทุกวันนี้ โดยเธอเผยว่า "ฉันรักในสิ่งที่ฉันเป็น แต่ขณะเดียวกัน การที่เดินออกไปพบปะสังคมในสภาพหัวล้านแบบนี้มันก็มีแต่ทำให้ความบอบช้ำในจิตใจเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ "
แม้ว่าพวกเธอจะมีอาการเจ็บป่วยจากโรคหัวล้านที่ไม่มีใครอยากเป็น แต่เมื่อพวกเธอเกิดมาเป็นอย่างเลือกไม่ได้แล้ว พวกเธอก็พยายามหาทางคิดบวกให้ตัวเองสบายใจ และรักษาหัวใจตัวเองจากอาการบอบช้ำทางจิตใจที่โดนสังคมแสดงท่าทางรังเกียจใส่ ฉะนั้นเมื่อได้รู้อย่างนี้แล้ว สาว ๆ ที่เดินไปพบเจอกับคนที่มีโรคผิดปกติเหล่านี้ ก็อย่าไปทำสีหน้ารังเกียจใส่เขาเลยนะคะ สู้ยิ้มให้ หรือพูดให้กำลังใจพวกเขา จะดีกว่าเยอะเลยล่ะ